ตอนที่ 278
แม่เสือของบ้านนายน้อย!
“มีสิ!” เจียงหลีกะพริบตา เอ่ยอย่างไม่ได้คิดมาก
คำตอบนี้ทำให้มู่ชิงเกอกระโดดขึ้นมาจากเตียง สองมือจับสองบ่าของเจียงหลีแน่น นัยน์ตาฉายแวววาววาบ เอ่ยว่า “จริงหรือ!”
“แผนที่อะไรถึงทำให้เจ้าตื่นเต้นได้ขนาดนี้?” เจียงหลีพยักหน้า
มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างสบายอารมณ์
ถ้าหากว่าเจียงหลีมีวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ ก็คือได้ช่วยปัญหาใหญ่ของนาง ซือมั่วเคยพูดว่าต้องเห็นก่อนถึงจะ รู้ได้ว่ามีวิธีเอาแผนที่ออกมาหรือไม่
ให้ซือมั่วดูแผ่นหลังของเซวี่ยนหย่าและเสวี่ยหยางั้นหรือ มู่ชิงเกอไม่ได้ใจกว้างถึงขนาดนั้น
แต่หากว่าเป็นเจียงหลีก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
ในเมื่อทุกคนล้วนแต่เป็นผู้หญิง! เมื่อสงบสติลงแล้ว มู่ชิงเกอก็เอ่ยกับเจียงหลีว่า “ข้าต้องการหาเคล็ดวิชาม้วนหนึ่ง ในตอนนี้ร่องรอยสำหรับการค้นหาถูกแบ่งไว้บนร่างของคนสองคน ตอนนี้มีวิธีที่ข้ารู้อยู่สองวิธีก็คือ วิธีแรกพรากพรหมจรรย์ของพวกนาง และได้รับเบาะแส ส่วนอีกวิธีคือถ่ายโอนแผนที่ด้านหลังของพวกนางไปยังคนอื่น จากนั้นก็ทำตามวิธีแรกเพื่อรับเบาะแส”
เจียงหลีได้ยินแล้วมุมปากก็กระตุก เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีแค่วิธีเดียว?”
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขมขื่นพยักหน้า
นัยน์ตาสีทองของเจียงหลีฉายแวววาบไหว แล้วก็ยิ้มขึ้นมา “เป็นสาวงามสองคนที่ติดตามเจ้ามาใช่หรือไม่?”
“ใช่เป็นพวกนาง” มู่ชิงเกอพยักหน้า
เจียงหลีพุ่งมาที่ตรงหน้าของนาง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “พวกนางยังไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงอีกหรือ? อีกอย่างคนที่สวมชุดขาวคนนั้น ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ากลิ่นอายบนร่างของ นางสามารถกดดันข้า นางเป็นใคร?”
ไป๋สี่ยังไม่เคยปรากฎตัวต่อหน้าเจียงหลี ดังนั้นนางจึงไม่รู้ เพียงแต่ว่า ภายในร่างกายของเจียงหลีนั้นมีสายเลือดเทพอสรพิษบรรพกาล ดังนั้นกลิ่นอายบนตัวของอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบจึงทำให้นางรู้สึกไวเป็นพิเศษ
“ที่มาของพวกนางค่อนข้างซับซ้อน และในตอนนี้ข้าก็ยังไม่อยากบอกพวกนาง สำหรับที่เจ้าพูดถึงนั้นชื่อว่าไป๋สี่เป็นอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบที่สำนักหมื่นอสูรไล่ล่าข้าไม่ถอยก็เป็นเพราะว่านาง” มู่ชิงเกอเอ่ยอธิบาย
“อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ!” เจียงหลีตกตะลึง
ปฏิกิริยาที่ไม่เป็นปกติของนางทำให้มู่ชิงเกอมองนางอย่างประหลาดใจ “ถึงกับต้องตกใจขนาดนั้นเชียวหรือ?”
สีหน้าของเจียงหลีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เข้าไปอยู่ข้างกายของมู่ชิงเกอ เอ่ยเสียงเบาว่า “อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบถึงกับถูกเจ้าสยบลงได้ เจ้าเก่งจริงๆ!”
พูดแล้วนางก็มีสีหน้าผิดหวัง “แย่แล้ว! ข้าอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ใช่ว่าต้องถูกนางกดดันจนตายใช่หรือไม่? น่าชังยิ่งนัก เหตุใดสายเลือดในกายของข้าถึงได้เป็นเทพอสรพิษด้วย?”
“วางใจเถอะ นางคงไม่ทำอะไรโดยพลการ อีกอย่างผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งนางก็จะจากไปแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยปลอบ
เจียงหลีกลับไม่วางใจ จับมือของมู่ชิงเกอเอ่ยอย่างแข็งขืนว่า “ข้าไม่สน! อย่างไรก็ตามในตอนที่นางอยู่ เจ้าก็ต้องอยู่ข้างกายข้า ปกป้องข้า!
“เจ้ากลัวนางกินเจ้าอย่างนั้นหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยติดตลก
เจียงหลีพึมพำเอ่ยว่า “กินนั้นไม่ใช่หรอก ข้ามีเนื้อเท่าไหร่กันเชียว ยังไม่พอยัดซอกฟันนางเลย แต่ข้าที่เป็นถึงฮ่องเต้หญิงผู้ผ่าเผย ไม่อาจถูกนางควบคุมเพราะแรงกดดันทางสายเลือดได้”
พูดแล้ว นางก็คิดขึ้นได้แล้วก็เอ่ยถามมู่ชิงเกอว่า “พูดมา! ในตอนแรกที่พวกเราเผชิญหน้ากันนั้น สายเลือดในร่างกายของข้าอยู่ดีๆ ก็ถูกกดดัน เป็นฝีมือนางใช่หรือไม่?”
มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างจริงจัง”ในเวลานั้นนางยังเป็นไข่อยู่เลย”
“เป็นเพียงไข่ก็ยังมีพลังกดดันที่รุนแรงถึงขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้ล่ะจะขนาดไหน?” เจียงหลีเผยสีหน้าที่ขมขื่นออกมา
“ตอนนี้พลังของเจ้าอยู่ที่ระดับไหน?” มู่ชิงเกอเอ่ย ถามอย่างสนใจ
เจียงหลีพูดอย่างไม่ใส่ใจออกมาว่า “หลังจากมาถึงโลกแห่งยุคกลางแล้ว ระดับพลังของข้าก็สูงขึ้นอยู่ระดับสีเงินขั้นหนึ่ง ถ้าหากว่าปลุกพลังสายเลือดให้ตื่นขึ้นก็ สามารถเพิ่มถึงระดับสีเงินขั้นสามได้ ศิษย์พี่เหมยของ เจ้าแย่กว่าหน่อย ตอนนี้อยู่ที่ระดับสีเทาขั้นสี่”
“ซู๊ด!”
มู่ชิงเกอสูดหายใจแรงๆ!
ระดับในตอนแรกที่นางเข้าสู่โลกแห่งยุคกลางนั้นคือเท่าไหร่กัน? ระดับสีเทาขั้นห้า!
ส่วนเจียงหลีมาถึงก็ขึ้นสู่ระดับสีเงินขั้นหนึ่งแล้ว ช่างน่ากลัวจริงๆ! สายเลือดของแคว้นกู่วู่ช่างเหนือชั้นจริงๆ!
ศิษย์พี่เหมยก็ไม่ธรรมดา อยู่ถึงระดับสีเทาขั้นสี่แล้ว
มู่ชิงเกอกะพริบตา อดแหย่นางไม่ได้ “เจ้ากินยาเสริมหรือ!”
ผิดปกติเกินไปแล้ว!
เจียงหลีจ้องนางแวบหนึ่ง “สายเลือดของข้า คนธรรมดาจะเทียบได้อย่างไร?”
“ใช่ ใช่ ใช่ ฮ่องเต้หญิงผู้ยิ่งใหญ่!” มู่ชิงเกอพูดกลั้วหัวเราะ
เจียงหลีได้ใจกะพริบตาครั้งหนึ่ง แล้วก็ถามมู่ชิงเกออย่างระมัดระวังว่า “ทุกครั้งที่อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบเกิดใหม่ก็ล้วนแต่จะสูญเสียงความทรงจำและ ความสามารถ ต้องค่อยๆ ฟื้นฟู ถามตามจริงก็คือ เจ้าเลี้ยงจนฟื้นฟูได้ถึงระดับไหนแล้ว? ”
มู่ชิงเกอชะงัก ส่ายหน้า “เรื่องนี้นั้นข้าไม่รู้เลยจริงๆ”
นางไม่ได้ถามมากเกี่ยวกับระดับพลังของไป๋สี่ และทุกๆ ครั้งที่มอบหมายอะไรให้แก่ไป๋สี่ นางก็ล้วนแต่ทำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่นาง แม้แต่หยินเฉินและหยวนหยวนนางก็ไม่ได้เข้าไปถามมากความ
เห็นลีหน้าของเจียงหลีหดหู่ลงมาอีกครั้งแล้วมู่ชิงเกอก็ได้ แต่พูดว่า “หากว่าเจ้าเป็นกังวลจริงๆ ข้าก็จะเก็บนาง เข้ามาก็ได้แล้ว”
ถึงแม้ว่าภายในช่องว่างจะมีโห่ว ซึ่งก็ทำให้ไป๋สี่ไม่สงบสุขเช่นเดียวกัน แต่ว่าตอนนี้นางควบคุมโห่วได้มากขึ้น ทั้งช่องว่างก็ยังใหญ่โตมาก แต่ละฝ่ายอยู่คนละฝั่งก็คงจะไม่เกิดอะไรขึ้น
“เอาเถอะ ไม่ต้องวุ่นวายถึงขนาดนั้น” เจียงหลีส่ายหน้าปฏิเสธ “เพียงแค่ข้าทำให้สายเลือดเทพอสรพิษในร่างของข้าหลับ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่ากลิ่นอายของ นางจะส่งผลต่อข้าแล้ว”
“เช่นนั้นได้หรือ? มีผลเสียต่อเจ้าหรือไม่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างไม่วางใจ
“ไม่เป็นไร อย่างไรก็ไม่ใช่เวลาต่อสู้ ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร” เจียงหลีพูดยิ้มๆ
นี่ถึงทำให้มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างวางใจ
“ใช่แล้ว สาวงามสองคนนั้นของเจ้า รอจนฟ้าสว่าง แล้วก็ให้เรียกพวกนางเข้ามา ให้ข้าตรวจดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าข้าอาจจะหาวิธีอื่นช่วยเจ้าเอาแผนที่มาได้” เจียง หลีเอ่ยเตือน
มู่ชิงเกอพยักหน้า
ทั้งสองคนนอนลงไปที่เตียงอีกครั้ง พูดคุยถึงเรื่องส่วนตัวตามประสาผู้หญิง เจียงหลีถามไปถึงซือมั่ว มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ปิดบังนาง เพียงแต่บอกนางว่าซือมั่วเพิ่งจะจากไปไม่นาน ทั้งสองคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้มีความคิดที่จะนอนเลย พูดคุยกันไปเรื่อยๆ
มู่ชิงเกอพูดถึงจุดมุ่งหมายของตนเอง “เจียงหลี ถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่าง ไร?”
เจียงหลีเงียบลงครู่หนึ่ง ในระหว่างที่มู่ชิงเกอกำลังรอคอยถึงได้พูดออกมาว่า “พูดตามจริง ถ้าหากว่าเป็นข้า แม่คนนั้นข้าก็จะไม่รับ ไม่ว่านางจะมีความลำบากอะไร บีบบังคับก็ช่าง แต่การทิ้งบุตรสาวก็เป็นความผิดของนาง”
“ข้ากับซางหลันรั่วไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เพียงแต่ท่านปู่ของข้าหวังจะให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ซางเสวี่ยอู่ กับซางอี้เฉินต้องกลับตระกูลมู่ หากว่าไม่ยอมรับซางหลันรั่ว เกรงว่าพวกเขาสองคน…,” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น นี่ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางต้องปวดหัว ซางหลันรั่วกับนางเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า เป็นมารดาเพียงในนามเท่านั้น
จุดมุ่งหมายที่ไปพบนางก็เพียงเพื่อพูดเรื่องที่ควรพูดให้ชัดเจน จากนั้นก็พาตัวมู่เหลียนเฉิงไป
เพียงแต่ว่า การคงอยู่ของซางเสวี่ยอู่และซางอี้เฉินก็ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนเป็นวุ่นวายซับซ้อนขึ้นมาก พวกเขากับนางนั้นไม่เหมือนกัน เพราะพวกเขาเติบโตขึ้นข้างกายของซางหลันรั่ว ถ้าหากจะให้พวกเขาละทิ้งตระกูลซางกลับคืนไปสู่ตระกูลมู่และไม่ยุ่งเกี่ยวกับซางหลันรั่วอีก ก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้
“เจ้าจะวุ่นวายไปทำไม?” เจียงหลีเอ่ยปลอบ “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีบางครั้งเจ้าก็อยากจะทำให้ทุกอย่างถูกต้องมากจนเกินไป ถึงได้ทำให้เจ้าวุ่นวายจนปวดหัว เรื่องในครั้งนั้น หากพูดตามเจ้าเด็กสองคนนั้น ซางหลันรั่วถูกคนของตระกูลซางพาตัวไปทำให้ไม่ทันได้แจ้งข่าวแก่ตระกูลมู่ แต่ว่า หากต้องการแจ้งข่าวแก่ตระกูลมู่ จำเป็นต้องให้นางไปแจ้งด้วยตนเองด้วยหรือ? ในแคว้นฉิน มีใครบ้างที่ไม่รู้จักตระกูลมู่? นางแค่หาใครสักคนถ่ายทอดคำพูดหรือว่าเขียนจดหมายส่งกลับมาก็ได้ ข้าไม่เชื่อว่าในเวลานั้นนางจะรีบร้อนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะพูด ยิ่งไม่เชื่อว่าจะบังเอิญขนาดนั้น ว่านางไม่ได้พบปะกับใครแม้แต่สักคน คนของโลกแห่งยุคกลางจะไปมาก็ไม่ใช่ว่าจะพูดว่าไปแล้วจะไปได้ พูดให้ชัดเจนแล้ว ก็คือในตอนที่ได้ยินว่าพ่อของเจ้ายังสามารถช่วยได้นั้น ก็ลืมหมดสิ้นทุกอย่าง หรือว่าบางที นางก็คิดแค่เพียงว่าเมื่อกลับถึงโลกแห่งยุคกลางแล้วก็สามารถช่วยให้พ่อของเจ้าฟื้นได้เลย และคงไม่เสียเวลามาก จากนั้นค่อยกลับไปพร้อมกับพ่อของเจ้า แต่กลับคิดไม่ถึงว่า การไปนี้จะกินเวลาไปเป็นสิบเก้าปี ส่วนภายในเวลาสิบเก้าปีมานี้ นางได้เคยลองส่งข่าวกลับไปยังหลินชวนหรือไม่? ข้าคิดว่านี่ถึงเป็นจุดสำคัญ ถ้าหากว่านางได้พยายามแล้ว ทำแล้ว นี่ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าภายในสิบเก้าปีมานี้นางไม่เคยได้คิดถึงเรื่องของตระกูลมู่ในหลินชวน ไม่เคยคิดจะบอกเจ้าว่านางยังมีชีวิตอยู่เลย นี่ถึงจะไม่สมควรได้รับการอภัย ดังนั้น เจ้าพบนางแล้ว ก็ต้องรู้ชัดเจนถึงเรื่องนี้ให้ได้ สำหรับปัญหาที่รุมเร้าเจ้าอยู่ ที่จริงแล้วก็แก้ไขได้ง่ายมาก ถึงแม้ว่าจะเพื่อเจ้าเด็กสองคนนั้น ให้นางกลับไปสู่ตระกูลมู่ก็ไม่เป็นอะไร ก็ถือเสียว่าได้เลี้ยงคนว่างงานในบ้านเพิ่มคนหนึ่ง เจ้าก็ยังเป็น คุณชายอยู่ เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำ นางก็อย่าได้คิดจะใช้ความเป็นแม่มาบังคับเจ้าได้และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเคารพนางเป็นพิเศษ”
คำพูดของเจียงหลีทำให้มู่ชิงเกอตาสว่างขึ้นมา นางพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าพูดถูก! ตัวอยู่ในกระดานหมากทำให้ข้าคิดไม่ถึง”
นางถูกสถานะของมู่ชิงเกอรบกวน ทำให้ติดอยู่กับความสัมพันธ์ของสายเลือดจนทำให้หดหู่
“ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ซางหลันรั่วก็ไม่สำคัญแล้ว” มู่ชิงเกอถอนหายใจ ซางหลันรั่ว แม่ก็เป็นแค่เพียงคำเรียก มีสายเลือดเดียวกันแล้วจะอย่างไร? ความรู้สึกระหว่างคนไม่ได้ง่ายดายแค่ใช้สายเลือดก็สรุปได้ทุกอย่าง
เมื่อก่อนนางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนมู่ชิงเกอ แต่กลับลืมไปว่าในตอนนี้นางถึงเป็นมู่ชิงเกอ ความรู้สึกของนางถึงจะสำคัญที่สุด!
ประโยคนี้ ซือมั่วเคยพูด มู่ซงก็เคยพูด ส่วนนางกลับเพิ่งเข้าใจทั้งหมดหลังจากที่ได้ยินเจียงหลีพูดในวันนี้นี่เอง
“เจียงหลี ขอบคุณเจ้า” มู่ชิงเกอเอ่ยกับเจียงหลี
เจียงหลีกลับจั๊กจี้เอวนางครั้งหนึ่ง จากนั้นทั้งสองสาวก็เล่นสนุกกันบนเตียง
ยามเช้าสายๆ เสวี่ยหยายืนอยู่ด้านหน้าห้องของมู่ชิงเกอ ลังเลไม่กล้าเข้าไป
เซวี่ยนหย่าเดินมาจากด้านหลัง มายืนอยู่ข้ากายของนาง เอ่ยถามว่า “น้องสาวเป็นอะไรไป?”
ไม่กี่วันมานี้สีผิวของเสวี่ยหยาเปลี่ยนเป็นซีดขาวมาก จนแทบจะโปร่งแสง นางเม้มริมฝีปากจนริมฝีปากแดงขึ้นมา แล้วค่อยๆ เอ่ยว่า “ผู้หญิงคนนั้นพักอยู่กับนาย น้อย ถึงตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ตื่น”
เซวี่ยนหย่าเหลือบมองไปยังประตูที่ปิดสนิท ด้านในเงียบมาก นางยิ้มและพูดว่า “ข้ายังคิดว่าน้องสาว ปล่อยวางได้แล้ว ที่แท้หัวใจก็ยังแขวนไว้กับนายน้อย เช่นเดิม”
สีหน้าของเสวี่ยหยาเปลี่ยนเป็นซีดขาวยิ่งขึ้น เหมือนถูกแทงใจดำ ทำให้นางมีความรู้สึกที่อยากจะหลีกหนี
“น้องสาว ฟังพี่สาวพูดสักประโยค พวกเราเป็นเพียงแค่สาวใช้ ไม่สามารถไปยุ่งวุ่นวายกับทางเลือกของนายน้อยได้ หากว่านายน้อยเอ็นดูเจ้าและข้า ก็ถือว่าเป็น ความโชคดี หากว่าไม่ยอม พวกเราก็ต้องรู้จักขอบเขต อย่าไปคิดถึงเรื่องอะไรที่ไม่สมควร หากลํ้าเส้นไปนายน้อยจะรำคาญได้” เซวี่ยนหย่าเอ่ยกับเสวี่ยหยาอย่าง จริงจัง
นัยน์ตาฉายแววปวดใจ นางโชคดีกว่าเสวี่ยหยา หลังจากที่มองเห็นสถานการณ์ ของเสวี่ยหยาแล้ว ก็ควบคุมหัวใจของตนเองเป็นอย่างดี ไม่ให้ถลำลึกลงไป แต่ทว่า นางกลับรู้สึกได้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดเช่นนั้น
นายน้อยของพวกนาง โดดเด่นมากเกินไป จะให้คนละสายตาออกไปได้อย่างไร? ถ้าหากว่าไม่มีเสวี่ยหยาเป็นตัวอย่าง เกรงว่านางคงจะตกลงไปยากที่จะปีนขึ้นมาได้แล้ว
“เหตุผลนั้นข้าล้วนแต่เข้าใจ ขอบคุณพี่สาวมาก” เสวี่ยหยายิ้มเอ่ยเบาๆ
นางฉลาดเฉลียวถึงขนาดนี้ สิ่งที่เซวี่ยนหย่าเข้าใจ นางก็เข้าใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่า ทั้งที่เข้าใจแต่ก็ยังปวดใจ แต่ก็เพียงแค่ปวดใจเท่านั้น นางจะไม่ยอมให้ตนเองทำ เรื่องอะไรที่ไม่สมควรอย่างเด็ดขาด และก็จะไม่ทำให้มู่ชิงเกอรำคาญนาง ขับไล่นางออกไปอย่างเด็ดขาด ภายในห้อง สองคนที่พูดคุยกันอย่างออกรสมาทั้งคืน กำลังหลับอย่างหอมหวาน ไม่ได้รับรู้ถึงการพูดคุยกันด้านนอก หากว่าถูกได้ยินเข้า เจียงหลีก็คงจะล้อมู่ชิงเกอไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
นอกห้อง เสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่ายังไม่จากไปไหน
เหมยจื่อจ้งมาถึง กลิ่นอายของเขาให้ความรู้สึกสะอาดผุดผ่อง ทำให้คนชื่นชอบ เห็นเขาเดินเข้ามา เสวี่ยหยาและเซวี่ยหยาก็คำนับ เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณชายเหมย” เมื่อคืนวาน มู่ชิงเกอก็ได้แนะนำให้พวกนางรู้ถึงชื่อของทั้งสองคนแล้ว
เหมยจื่อจ้งพยักหน้า มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เอ่ยปากถามว่า “แม่นางสองคนเกรงใจไปแล้ว พวกชิงเกอยังไม่ตื่นนอนอีกหรือ?”
คำพูดของเขาทำให้เสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่าชะงัก
ชั่วขณะนั้นในใจก็เกิดความเข้าใจ ดูแล้วเรื่องแม่นางเจียงกับนายน้อยนั้นเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วอยู่แล้ว ดูจากท่าทีที่สงบของคุณชายเหมยแล้ว เรื่องที่ทั้งสองร่วมห้องกันนั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรก
“รายงานคุณชายเหมย นายน้อยยังไม่ตื่น” เซวี่ยนหย่าเอ่ยตอบ
เหมยจื่อจ้งพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยกับทั้งสองคนว่า “เอาเถอะ เช่นนั้นอีกครู่ข้าค่อยมาใหม่”
เพียงแต่ว่า ในตอนที่ประโยคนี้ของเขาเพิ่งหลุดออกไปนั้น ภายในห้องก็เกิดเสียงของเจียงหลีดังขึ้น
“ชิงเกอ! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินถึงประโยคนี้ เหมยจื่อจ้งที่กำลังจะหันกายจากไปก็พุ่งเข้าไปในห้อง ท่าทีของเสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่า ก็เปลี่ยนไปในทันที ตามเหมยจื่อจ้งไป
ประตูห้องที่ปิดสนิทถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
ทั้งสามคนพุ่งเข้าไป มองเห็นเงาร่างที่คลุมเครือของคนสองคนหลังม่านบัง
พวกนางกำลังนั่งอยู่บนเตียง เจียงหลีกำลังพยุงมู่ชิงเกอที่เหงื่อไหลโชก
การบุกรุกของคนทั้งสามทำให้ทั้งสองหันมามอง
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววแข็งกร้าว เอ่ยเสียงเย็นว่า “ออกไป!”
นํ้าเสียงนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่ใคร เพียงแต่ขัดขวางการบุกรุกอย่างกะทันหัน
“ชิงเกอ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เหมยจื่อจ้งขมวดคิ้วถาม
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถึงได้เอ่ยว่า “ศิษย์พี่เหมย ข้าไม่เป็นไร พวกท่านออกไปก่อน”
เหมยจื่อจ้งพยักหน้า หันกายเดินออกไปด้านนอก
เสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่าก็ไม่กล้าอยู่ต่อ ตามออกไปแล้วก็ปิดประตูใหม่
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เจียงหลีถึงได้ขมวดคิ้วเอ่ย เสียงเบาว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?” เมื่อครู่นี้นางกำลังหลับอยู่ แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแข็งกล้ากลุ่มหนึ่งที่ข้างกาย พอลืมตาขึ้น ก็มองเห็นมู่ชิงเกอโผนั่งขึ้นมา ผิวหนังมีเส้นเลือดปูดโปน
นางร้องออกมาในทันที เพียงพริบตาเดียว กลิ่นอายนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพียงแต่มู่ชิงเกอมีสีหน้าที่ซีดขาว เหงื่อออกจนเปียกชุ่มไปหมด
มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก “ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเจ้าอย่างไรดี ดูเหมือนว่าข้าได้เผลอฝึกวิชายุทธ์ที่พิเศษชนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว”
เมื่อคิดไปถึงเคล็ดวิชาเทวะส่วนบน ก็เหมือนมีเงาดำในใจของนาง
ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์เช่นนี้จะยังไม่ได้ทำให้นางมีปัญหาอะไร แต่หากว่าได้เกิดสูญเสียการควบคุมเช่นครั้งก่อนนั้นอีกละ?
ครั้งนั้นหากไม่ใช่เพราะว่าซือมั่วอยู่ข้างกาย คอยดูดซับเอาพลังที่บ้าคลั่งภายในร่างของนางออก เกรงว่านางคงจะหนีเคราะห์กรรมไม่พ้นแล้ว
‘เคล็ดวิชาเทวะ! เป็นวิชายุทธ์อย่างไรกันแน่? เหตุใดซือมั่วจึงบอกว่านางสามารถฝึกฝนได้?’ มู่ชิงเกอถามตัวเองในใจนับครั้งไม่ถ้วน
บางที คำตอบนี้ รอหลังจากนางได้รับเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนล่างกลางทั้งสามครบแล้วถึงจะได้คำตอบ
“วิชายุทธ์อะไรถึงได้แปลกเช่นนี้? เจ้าก็อย่าได้ฝึกมั่วไปเรื่อย” เจียงหลีตักเตือนอย่างเข้มงวด
มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างขมขื่น “แต่เดิมก็ไม่ใช่ว่าข้าอยากฝึก ทุกครั้งที่ข้าฝึกฝนแล้วตกอยู่ในภวังค์ มันก็จะพาข้าไปฝึกฝนเอง ช่วงนี้ แม้ว่าข้าจะนอนตามปกติ มันก็โผล่ขึ้นมา ข้าหยุดมันไม่ได้แม้แต่น้อย”
“แปลกเกินไปแล้ว ไม่อาจเป็นเช่นนี้ต่อไปได้” เจียงหลีรับรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้
มู่ชิงเกอถอนหายใจ พยักหน้าเอ่ยว่า “ดังนั้น ข้าถึงได้กระตือรือร้นที่จะหาแผนที่ แล้วก็หาของที่แผนที่นำไปให้พบ ข้าในตอนนี้ฝึกฝนวิชายุทธ์ส่วนบนอยู่ ในแผนที่นั้นซ่อนวิชายุทธ์ส่วนกลางเอาไว้ บางทีหลังจากที่ข้าหาวิชายุทธ์ส่วนกลางพบก็อาจจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะรออะไรอีก?” เจียงหลีลุกขึ้นมาจากเตียงในทันที ในขณะที่สวมเสื้อผ้าก็เร่งมู่ชิงเกอไปด้วย “รีบตื่นเร็วๆ เรียกสาวใช้สองคนนั้นของเจ้าเข้ามา”
นิสัยของเจียงหลีนั้นคือพูดหนึ่งไม่มีสองมาโดยตลอด
มู่ชิงเกอลุกขึ้นมาตาม หลังจากที่ล้างหน้าแล้วก็เรียกให้พวกเสวี่ยหยาสองคนเข้ามาในห้อง
“ไป๋สี่ล่ะ?” มู่ชิงเกอไม่เห็นเงาร่างของไป๋สี่จึงเอ่ยปากถาม
เสวี่ยหยาเอ่ยตอบว่า “พี่ไป๋สี่ไปรับสำรับแล้ว”
ไปรับสำรับงั้นหรือ?
มู่ชิงเกอพยักหน้า ไม่ได้สนใจอะไรมาก นางเอ่ยกับสองสาวว่า “ในละแวกใกล้เคียงมีบ่อนํ้าพุร้อนหรือไม่?” นางจำได้ว่าแผนที่บนหลังของเสวี่ยหยาต้องอยู่ภายในไอนํ้าพุร้อนถึงจะปรากฎให้เห็นได้ชั่วคราว
ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้า
มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าตนเองถามผิดคน จึงเอ่ยว่า “เรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา”
ไม่นาน เสี่ยวเอ้อร์ในร้านก็ถูกเรียกเข้ามา ยังเป็นคนเดิมเมื่อคืนวานที่ต้อนรับพวกเขาเข้ามา เขาเข้ามาแล้วก็คำนับมู่ชิงเกอ เมื่อสายตากวาดมองไป เห็นเจียงหลีนั้น ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเบาๆ แล้วก็รีบสำรวมขึ้น ไม่กล้ามองอีก ฉากนี้ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพียงแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะถาม
“ละแวกใกล้เคียงนี้มีนํ้าพุร้อนหรือไม่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
เสี่ยวเอ้อร์คนเมื่อวานเงยหน้าขึ้น พยักหน้าเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “คุณชายถามถูกคนแล้ว นอกเมืองออกไปทางเหนือลิบลี้มีภูเขาหลีซาน ภายในเขามีนํ้าพุร้อนมากมาย มีคนของตระกูลต่างๆ ไม่น้อยที่สร้างบ้านพักอาบนํ้าพุร้อนไว้บนเขา”
“เช่นนั้นเคยมีหลิวเค่อมาใช้หรือไม่?” มู่ชิงเกอซักถาม
เสี่ยวเอ้อร์คิดเล็กน้อยก็ตอบว่า “พูดกันว่าไม่นานมานี้ บนเขามีโรงเตี๊ยมนํ้าพุร้อนแห่งใหม่เปิดให้บริการบนภูเขาสำหรับคนทั่วไปที่มาเที่ยวแช่นํ้าพุร้อน”
“ขอบใจมาก เจ้าไปเถอะ” มู่ชิงเกอยิ้มเอ่ย
เสี่ยวเอ้อร์โค้งกายออกไป รับรางวัลที่หน้าประตู จากไปอย่างยิ้มแย้ม
“เจ้าทำอะไรกับเขา เขาถึงไค้กลัวเจ้าถึงขนาดนี้?”
หลังจากเขาจากไปแล้ว มู่ชิงเกอก็เหลือบมองนางแวบหนึ่ง
เจียงหลีหยักไหล่เอ่ยว่า “ข้าเพียงแต่สั่งสอนคนที่กล้าไม่มีมารยาทต่อหน้าข้าคนหนึ่งต่อหน้าเขาก็เท่านั้น”
“สั่งสอนอย่างไร?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ย ยกจอกชา ขึ้นมาที่ริมฝีปากของตนเอง
เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาสีทองฉายแวววาววาบ “ตอนเขา!”
พรูด!
มู่ชิงเกอพ่นนํ้าชาที่อยู่ในปากออกมา
เสวี่ยหยากับเซวี่ยนหย่าก็มองเจียงหลีอย่างตกตะลึง ดูเหมือนว่าจะถูกความเด็ดขาดของนางทำให้หวาดกลัว
“แค่ก แค่ก” มู่ชิงเกอวางจอกในมือลง ลอบเอ่ยในใจ ‘เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้หญิงเจียงสามารถทำได้จริงๆ’
“มิน่าเขาถึงได้กลัวเจ้าถึงขนาดนั้น เกรงว่าต่อไปนี้ ภายในใจก็คงยังมีภาพฝังใจอยู่ตลอด” มู่ชิงเกอยิ้มๆ ส่ายหน้า
“เกี่ยวอะไรกับข้า!” เจี่ยงหลีเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยอย่างอหังการ
มู่ชิงเกอยืนขึ้น ชื่นชมการกระทำของนางในใจ จากนั้นก็หันไปสั่งการเสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่าว่า “พวกเราเตรียมขึ้นเขาหลีซาน”
สองสาวรีบเดินออกมาจากห้อง เดินไปถึงกลางทาง เสวี่ยหยาก็เอ่ยกับเซวี่ยนหย่าว่า “แม่นางเจียงผู้นั้นร้ายกาจมาก ต่อไปนายน้อยจะถูกรังแกหรือไม่?”
สายตาของเซวี่ยนหย่าเต็มไปด้วยความเห็นใจ “คิดไม่ถึงว่านายน้อยจะชอบแม่เสือเช่นนั้น พวกเขาสองคน คนหนึ่งยอมตีอีกคนยอมรับ พวกเราก็ทำได้แค่เพียงขอร้องให้แม่นางเจียงใจกว้างต่อนายน้อยของพวกเราบ้างเท่านั้น”
รถสัตว์อสูรวิญญาณถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย มู่ชิงเกอพาเจียงหลีแล้วก็มีเซวี่ยนหย่า เสวี่ยหยาขึ้นไปบนเขาหลีซานพร้อมกัน
จนไปถึงบ่อนํ้าพุร้อนที่เสี่ยวเอ้อร์พูดถึง พวกเซวี่ยนหย่าสองคนก็ล้วนแต่คิดว่ามู่ชิงเกอนำเจียงหลีมาเที่ยว แต่ว่ากลับไม่คิดว่า หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว มู่ชิงเกอกลับเรียกพวกนางไปยังนํ้าพุร้อนด้านหลังห้องด้วยกัน ให้พวกนางสองคนถอดเสื้อผ้า
“นายน้อย นี่…” เสวี่ยหยามองไปยังเจียงหลีที่ยืนอยู่อีกข้างอย่างไม่สบายใจ
รู้สึกได้ว่าท่าทางของนางแฝงไปด้วยความเร่งร้อน
เซวี่ยนหย่าก็เอ่ยอย่างกระดากใจว่า “นายน้อย ท่านกับแม่นางเจียงแช่นํ้าพุร้อนด้วยกัน ให้พวกเรารอรับใช้ อยู่บนฝั่งเถอะ?”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ยว่า “พวกเราสองคนจะมาแช่นํ้าพุร้อนอะไรกัน? ที่สำคัญคือพวกเจ้า”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของคนทั้งสองหมองคลํ้าลง สายตาที่ลำบากใจมองไปมองมาระหว่างมู่ชิงเกอและเจียงหลี
“เป็นอะไรไป?” เห็นพวกนางดูลังเล มู่ชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะใช้เสียงเข้มเอ่ย
เซวี่ยนหย่าเพิ่มความกล้าเอ่ยว่า “นายน้อย ท่านไม่กลัวว่าแม่นางเจียงจะโกรธเลยหรือ?”
เจียงหลีจะโกรธอะไร?
มู่ชิงเกอไม่เข้าใจ
เจียงหลีกลับอดไม่ได้หัวเราะขึ้นมา เอ่ยกับสองสาวว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ตอนนายน้อยของพวกเจ้าหรอก”
ประโยคนั้นของนาง ทำให้แก้มของสองสาวแดงกํ่า มู่ชิงเกอก็หน้าดำคลํ้าขึ้น คิดบางอย่างได้ นางคิดว่า เมื่อพูดถึงนํ้าพุร้อนแล้วเสวี่ยหยากับเซวี่ยนหย่าจะเข้าใจในความหมายของนาง จะคิดไปถึงได้อย่างไรว่าพวกนางจะคิดมากถึงขนาดนี้
ดูแล้ว ความเด็ดขาดของเจียงหลีคงติดฝังใจของพวกนางอย่างลํ้าลึก
“พวกเจ้าคิดอะไรกัน? ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะอยากจะดูแผนที่บนหลังของพวกเจ้า” มู่ชิงเกอทนไม่ได้ แก้ต่างแทนตัวเองไปประโยคหนึ่ง
ได้ยินถึงความคิดของมู่ชิงเกอ เสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่าถึงได้เข้าใจความผิดพลาดของตนเอง
แต่ว่าพวกนางก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้ นายน้อยจะบอกแม่นางเจียงอย่างไร? ทั้งยังให้นางมาดูอีกงั้นหรือ? หรือว่าแม่นางเจียงนั้นได้ถูกนาย น้อยกำหนดไว้แน่ชัดแล้วว่าต่อไปเป็นนายหญิงของพวกนางงั้นหรือ?
“เร่งมือหน่อย” มู่ชิงเกอเอ่ยเร่ง
เจียงหลีหันมองนาง เอ่ยล้อเล่นว่า “หรือไม่ เจ้าหลบไปสักหน่อยไหม?”
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุก คิดไปถึงว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างของผู้ชาย จึงเพียงแต่พยักหน้า หันกายถอยออกไป
การจากไปของนางไม่ใช่เพราะว่ากลัวพวกเสวี่ยหยาจะคิดมาก เพียงแต่ไม่อยากจะให้การกระทำของตนเองทำให้พวกนางเกิดความเข้าใจผิดหรือเป็นสิ่งอื่น
แน่นอนว่านางสามารถยอมรับสถานะไปตรงๆ ได้เลย
แต่ว่าในตอนนี้นางกลับยังไม่อยากจะทำเช่นนั้น
มู่ชิงเกอรออยู่ด้านนอก ภายในห้องเป็นครึ่งชั่วยามแล้ว ถึงได้มองเห็นเจียงหลีที่มีสีหน้าแดงก่ำ เดินออกมา ตัวเปียกชื้นเล็กน้อย ทั้งเดิน ทั้งใช้มือพัด “ร้อนเกินไปแล้ว ร้อนเกินไปแล้ว”
สายเลือดในกายของนางนั้นมีเลือดเทพอสรพิษ พวกงูชอบความเย็น เกลียดความร้อน บรรยากาศของนํ้าพุร้อนทำให้นางไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
มู่ชิงเกอยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ แต่กลับไม่เห็นเสวี่ยหยากับเซวี่ยนหย่าออกมา
หลังจากเจียงหลีดื่มชาเย็นชืดไปแก้วใหญ่แล้ว ก็อธิบายว่า “ในเมื่อล้วนแต่ลงนํ้าแล้ว ข้าจึงให้พวกนางแช่เล่นสักครู่”
“เป็นเช่นไร?” มู่ชิงเกอนั่งลงอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม
เจียงหลีนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มู่ชิงเกอไม่ได้รบกวนนาง เพียงแต่รอคอยอย่างสงบ
ผ่านไปครู่หนึ่งเจียงหลีก็เงยหน้าขึ้นมามองนาง “มีอยู่วิธีเดียว”
คำตอบของนางทำให้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย ท่าทางดูตื่นเต้นขึ้นมา
“วิธีอะไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามออกไปอย่างอดใจรอไม่ได้
เจียงหลีเอ่ยว่า “อย่างแรก ทำตามวิธีของพวกนางส่งถ่ายแผนที่มาที่ร่างของข้า เมื่อครู่ข้าเพิ่งถามไปว่าคนเดียวสามารถรับภาพได้หนึ่งส่วน แต่ภายในร่างกายของข้ายังมีสายเลือดของเทพอสรพิษ ข้าสามารถรับการถ่ายทอดภาพจากร่างของทั้งสองพร้อมกัน จากนั้นก็ใช้การเชื่อมต่อของสายเลือดเทพอสรพิษรวมภาพทั้งสองให้ เป็นหนึ่ง”
“จากนั้นละ?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนไป” เจียงหลีเอ่ยถามเสียงเข้ม “แคว้นกู่วู่มีวิชาลับอย่างหนึ่ง สามารถคัดแยกความทรงจำ หลังจากภาพรวมเป็นหนึ่ง ข้าก็จะส่งผ่านไปยังร่าง เทพอสรพิษ แล้วก็ปล่อยเทพอสรพิษออกมา เทพอสรพิษไม่มีเพศสามารถผสมพันธุ์ด้วยตัวมันเองได้ ดังนั้นกฎที่ตั้งไว้ในการรับแผนที่ก็จะถูกทำลาย ส่วนเทพ อสรพิษกับข้านั้นมีร่างเดียวกัน ของบนร่างของมัน ข้าก็ล้วนแต่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด เมื่อทำลายเงื่อนไขในการรับแผนที่แล้ว ข้าก็สามารถมองเห็นแผนที่ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าดูดซับเอาความทรงจำของข้าไปก็ได้แล้ว”
“ดูดซับความทรงจำของเจ้างั้นหรือ?” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววมืดมน
เจียงหลีพยักหน้า “แม้ว่าขั้นตอนจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีหนึ่ง หากว่าโชคดี ก่อนที่พวกเราจะลงจากเขา ข้าก็สามารถได้รับแผนที่แล้ว พวกนางทั้งสองยังคง แช่อยู่ในนํ้าอยู่ ลองหรือไม่ลองก็แล้วแต่เจ้าแล้ว”
มู่ชิงเกอเดินไปเดินมาในห้อง เอ่ยปากถามว่า “วิธีนี้อันตรายต่อเจ้าแล้วก็สองคนนั้นหรือไม่?”
“ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อพวกนาง เพียงแต่หลังจากถ่ายทอดภาพสำเร็จก็จะไม่มีเรื่องอะไรกับพวกนางอีก สำหรับข้าแล้วก็มีเพียงแต่ตอนที่ถูกเจ้าดูดความทรงจำ อาจจะเสี่ยงเล็กน้อย ถ้าหากว่าควบคุมไม่ดี ข้าก็อาจจะกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบไป” เจียงหลีเอ่ยตามจริง
เจียงหลีจะกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบงั้นหรือ?
ลีหน้าของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไป ส่ายหน้าในทันที “ข้าปฏิเสธ”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าเชื่อใจเจ้า” เจียงหลียืนขึ้น เอ่ยปลอบ
มู่ชิงเกอยังคงดื้อดึง “ไม่ได้ ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเสี่ยงเพราะข้าได้”
การดูดซับความทรงจำนี้ นางไม่เคยลองมาก่อน ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันล่ะ? หากว่าคนอื่น หรือไม่ก็ศัตรู นางก็จะไม่สนใจ แต่ว่าเจียงหลี…
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่ต้องพูดอีก วิธีนี้ไม่ได้”
เจียงหลีผายมือออกอย่างหมดหนทาง “คนที่สลักแผนที่ลงไปตัดทุกเส้นทาง บีบบังคับให้พวกนางกลายเป็นคนของเจ้า เจ้าถึงจะได้รับแผนที่ ข้าสามารถคิดได้เพียงแต่วิธีนี้ ถ้าหากว่าเจ้าไม่ยอม ข้าก็ไม่มีวิธีแล้ว”
“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าจะคิดหาทางอื่นอีก” มู่ชิงเกอปฏิเสธอย่างแน่ใจ
เจียงหลียืนขึ้นอย่างหมดทางเลือก “เช่นนั้นก็เอาเถอะ ข้าเข้าไปดูพวกนางทั้งสองคนก่อน จะได้คิดว่ามีวิธีอื่นอีกหรือไม่”
เมื่อพูดจบแล้ว นางก็เดินเข้าไปทางบ่อนํ้าพุร้อน
มู่ชิงเกอเพิ่งจะผ่านความรู้สึกผิดหวังมา จึงไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวของนาง เพียงแต่กำลังคิดว่า วิธีของเจียงหลีทำไม่ได้ ต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถเอาแผนที่ออกมาได้?
“อ้า!”
ทันใดนั้น ภายในบ่อนํ้าพุร้อนหลังห้องก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงสาวดังออกมา
มู่ชิงเกอชะงัก นัยน์ตาฉายแววแข็งกร้าว ในใจลอบเอ่ยว่า ไม่ได้การ!’
ร่างของนางกลายเป็นภาพลวงตา พุ่งเข้าไปในบ่อนํ้าพุร้อน แต่กลับพบว่าผืนนํ้าร้อนที่เรียบนิ่งระเบิดออก เสวี่ยหยาและเซวี่ยนหย่าเสื้อผ้าเปียกปอน แผ่นหลัง เปลือยเปล่า ลอยออกก่อนจะตกลงไปที่ฝั่ง
มู่ชิงเกอรีบดึงม่านรอบกาย โยนไปทางพวกนาง ผ้าม่าน ดุจดั่งงู เปลี่ยนเป็นยืดหยุ่นมากในมือของมู่ชิงเกอ พันรอบตัวสองสาว ลากพวกนางมาอยู่ข้างกายของมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอใช้มือรับพวกนางไว้ข้างละหนึ่งคน เงยหน้ามองออกไปถึงได้พบว่าพวกนางสลบลงไปแล้ว
“เจ้าวางใจเถอะ พวกนางไม่เป็นไร เพียงแค่แผนที่ถูกถ่ายทอด จึงสลบไปชั่วขณะ หลับครู่หนึ่งก็จะตื่น” ภายในบ่อมีเสียงของเจียงหลีดังเข้ามา
ในใจของมู่ชิงเกอเยียบเย็นขึ้น วางสองสาวลงกับพื้น พุ่งเข้าไปในกลางไอความร้อน ร้องตะโกนเลียงดังว่า “เจียงหลี!”
“ข้าอยู่ตรงนี้” เจียงหลีตอบอย่างรวดเร็ว นํ้าเสียงฟังดูแล้วสงบนิ่งมาก
มู่ชิงเกอสะบัดพลังจิตออกไปพัดไอความร้อนตรงหน้า ในที่สุดก็มองเห็นเจียงหลีที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในนํ้าพุร้อน เสื้อผ้าเปียกชื้น นํ้าหยดลงมาจากเส้นผม
บนร่างของนางมีงูยักษ์ลวงตาตัวหนึ่ง โอบล้อมนางเลื้อยไปมา
ใบหน้าอันงดงามของเจียงหลีเต็มไปด้วยหยดนํ้า แยกไม่ออกว่าเป็นนํ้าพุร้อนหรือว่าเม็ดเหงื่อ
มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง นัยน์ตาฉายแววโกรธเกรี้ยว
นางโมโหการกระทำของเจียงหลี โกรธที่นางเสี่ยงอันตราย!
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ชิงเกอชันเข่าข้างบ่อนํ้าพุร้อน เอ่ยถามอย่างร้อนใจ
มุมปากของเจียงหลีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ตอนนี้แผนที่อยู่บนร่างของข้า เจ้าจะทำตามวิธีที่ข้าบอกเมื่อครู่หรือจะหาชายคนหนึ่งมาล่วงลํ้าร่างของข้า จากนั้นก็ดูด ความทรงจำของเขา”
“เจ้า!” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเกรี้ยวโกรธ เจียงหลีกำลังบีบบังคับนาง
นางยืนขึ้น ไปที่ข้างหลังของเจียงหลี
อย่างที่คาดไว้ ด้านหลังที่เปียกชื้นของนางเปล่งแสงสีทองของแผ่นที่ ส่วนบนหลังของเทพอสรพิษก็เปล่งแสงสีทองเช่นเดียวกัน
‘สมควรตาย!’ มู่ชิงเกอโกรธชกไปที่ก้อนหินด้านข้าง
‘ปัง’
ก้อนหินระเบิดกลายเป็นผุยผง
เจียงหลียิ้มๆ เอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าจะรวมแผนที่เป็นหนึ่ง เจ้ายังมีเวลาไปคิดว่าจะลงมือเองหรือว่าหาผู้ชายให้ข้า เจ้ารู้ว่าข้าชอบผู้ชายแบบไหน หากว่าเจ้าหาผู้ชาย อัปลักษณ์ไม่ได้เรื่องมาให้ ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน”
มู่ชิงเกอถูกนางทำให้โมโหจนพูดไม่ออก
หาผู้ชายอะไรกัน?
นางจะหาผู้ชายมาทำลายความบริสุทธ์ของเจียงหลีได้อย่างไรกัน?
เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังบีบให้นางดูดซับความทรงจำของนาง!
“เจ้ามันชั่วร้ายนัก! รอเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้วข้าจะจัดการเจ้าให้หนัก!” มู่ชิงเกอด่าว่าเจียงหลี
เจียงหลีกลับยิ้มอย่างมีความสุข เหล่ตาให้นาง “เสร็จเรื่องแล้ว ข้าก็จะกลายเป็นผู้ทำความชอบสูงสุดของเจ้า เจ้าจะตีข้าได้อย่างไร?”
มู่ชิงเกอโมโหกัดฟัน เอ่ยออกไปว่า “จะคัดลอกออกมาได้อย่างไร?”
เจียงหลียิ้ม บอกความลับของแคว้นกู่วู่ให้แก่นาง วิธีดูดซับความทรงจำเช่นนี้ เป็นเพียงแค่การดูดเอาเฉพาะช่วงที่ต้องการช่วงหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นจึงเสี่ยงมากหน่อย
ก็เหมือนกับที่เจียงหลีพูด ถ้าหากว่าควบคุมไม่ดี ไม่แน่ว่าอาจจะทำลายความทรงจำทั้งหมด คนที่ถูกดูดความทรงจำ ความทรงจำอาจจะวุ่นวายสับสนจนกลายเป็น คนสติไม่สมประกอบไป
ข้างบ่อน้ำพุร้อน กลายเป็นเละเทะ
สถานที่ๆ ไกลออกไป สองสาวงามเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย นอนสลบอยู่ด้านข้าง
ภายในบ่อนํ้าพุร้อน มีสาวงามอีกนางหนึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่ หน้าผากมีแต่เหงื่อ ขอบบ่อมีชายสวมชุดสีแดงคนหนึ่ง นั่งขัดสมาธิ ดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวที่อยู่ในบ่อนํ้าพุร้อนก็ลืมตาขึ้น เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เอาละ เริ่มเถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงของนาง มู่ชิงเกอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววตัดสินใจเอ่ยว่า “ข้าได้ท่องจำวิชาลับไว้จนคล่องแล้ว เชื่อใจข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป เป็นเด็ดขาด”
เจียงหลีเผยรอยยิ้มออกมา พยักหน้าเบาๆ สำหรับมู่ชิงเกอแล้วนางเชื่อใจเสมอ พยักหน้าแล้วเจียงหลีก็เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เริ่มเถอะ”
มู่ชิงเกอยืนขึ้น เดินไปที่ตรงหน้าของเจียงหลี สองเท้าจมเข้าไปในกลางนํ้าพุร้อน ค่อยๆ เข้าไปใกล้เจียงหลี เมื่อถึงตรงหน้าของนางแล้ว ก็ยกมือที่อยู่ในนํ้าพุร้อนขึ้นมาวางลงบนหัวของนาง
หยดนํ้าไหลลงไปตามแขนของมู่ชิงเกอมีบางหยดตกลงไปบนใบหน้าของเจียงหลี
“ไม่ต้องกลัว” มู่ชิงเกอเอ่ยปลอบ
เจียงหลีกลับไม่ยอมอ่อนแอเบิกตา “ตาข้างไหนของเจ้า เห็นว่าข้ากำลังกลัวอยู่?”
มู่ชิงเกอยิ้ม ไม่ได้เถียงกับนางต่อ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมลมหายใจ ทำตามวิธีลับของแคว้นกู่วู่ ปากเอ่ยท่องคาถา
เสียงคำพูดแปลกๆ ดังออกมาจากปากของนาง กลายเป็นอักษรสีทอง ไหลลงมาตามแขนของนาง มาถึงส่วนมือของนาง ปกคลุมศีรษะของเจียงหลี โอบล้อมศีรษะของนาง
เมื่ออักษรสีทองเหล่านี้ปรากฎขึ้น เจียงหลีก็ขมวดคิ้ว ใบหน้างดงามเผยร่องรอยของความเจ็บปวด ลีหน้าที่เคยแดงกํ่าเพราะน้ำพุร้อนกลายเป็นซีดขาวขึ้นมา
มู่ชิงเกอคอยสังเกตสถานการณ์ของนางอยู่ตลอด เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ก็รีบสงบจิต ตั้งใจคัดลอกความทรงจำของเจียงหลี
มู่ชิงเกอหลับตา ทันใดนั้นในหัวของนางก็ปรากฎภาพความทรงจำมากมายที่ไม่ใช่ของนางขึ้นมา
ความทรงจำเหล่านี้เหมือนกับภาพที่แวบผ่านตานางไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นางแทบจะดูไม่ชัดเลยว่าคืออะไร ผ่านไปครู่หนึ่ง ภาพแผนที่ที่สมบูรณ์ผืนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของนาง
ในใจของนางรู้สึกเยียบเย็น รู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นของที่นางต้องการ
มือของมู่ชิงเกอที่อยู่บนศีรษะของเจียงหลี ค่อยๆ ออกแรง ห้านิ้วกดลงบนศีรษะของนาง แรงดึงดูดที่รุนแรงพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของนาง เจาะผ่านจิตวิญญาณ ของเจียงหลีเข้าไป
จากนั้น สีหน้าของเจียงหลีก็ยิ่งแย่ขึ้นกว่าเดิม กลายเป็นเขียวขึ้น ดุจดั่งกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ส่วนภายในความทรงจำของมู่ชิงเกอ นางสามารถมองเห็นแผนที่นั้นแล้ว ในขณะที่ค่อยๆ ถอนตัวออกจากความทรงจำของเจียงหลี ดึงมันไปยังหลุมสีดำวงหนึ่งที่อยู่ด้านบนของมัน
แต่ว่าเรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
ภายใต้การดึงดูดของหลุมดำ ความทรงจำของเจียงหลีเองก็ต่อต้านการดูดซับเช่นกัน พยายามจะดึงภาพแผนที่นั้นไว้ ไม่ให้มันจากไป
สองตาของมู่ชิงเกอปิดแน่นขึ้น นางไม่สามารถยอมแพ้ในตอนนี้ได้ มิเช่นนั้นความสำเร็จตรงหน้าก็จะถูกทิ้ง และเจียงหลีก็จะเป็นอันตรายเช่นเดียวกัน
กัดฟันแน่น มู่ชิงเกอออกแรงดึงแผนที่นั้นออกมาจาก ความทรงจำของเจียงหลี
แผนที่ที่ติดอยู่ในที่สุดก็ถูกดึงออกมาได้ พุ่งลอยไปยังหลุมดำ หายไปจากความทรงจำของเจียงหลี ในขณะเดียวกัน เจียงหลีก็ทนไม่ไหวร้องออกมาเสียงหนึ่ง ตกเข้าไปในอ้อมอกมู่ชิงเกอที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะสลบไป
ในตอนนี้ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
ความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางเข้าไปในสมองของนาง
สมองของนางก็เหมือนกับถูกโจมตี แต่นางก็ยังอดทนไม่ยอมสลบ รับร่างที่สลบไสลของเจียงหลีเอาไว้
แผนที่ที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นภายในหัวของมู่ชิงเกอ สลักเข้าไปในหัวของนาง สลัดไม่ออก
ในที่สุดก็ได้รับของที่ต้องการ หินก้อนใหญ่ในใจของมู่ชิงเกอก็ค่อยๆ วางลงได้
อุ้มเจียงหลีออกไปจากบ่อนํ้าพุร้อน พาเข้าไปในห้องด้านหน้า มู่ชิงเกอใช้พลังจิตทำให้เสื้อผ้าของนางแห้ง วางนางไว้บนเตียง แล้วก็กลับไปยังบ่อนํ้าพุร้อนด้าน หลังอีกครั้ง ใช้พลังจิตทำให้เสื้อผ้าของเซวี่ยนหย่าและเสวี่ยหยาแห้งเช่นเดียวกัน แล้วก็ค่อยช่วยพวกนางสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พาไปที่ห้องข้างหน้า วางลงบนเตียงนอนกับเจียงหลี
เมื่อทำเรื่องเหล่านี้สำเร็จแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้นั่งสมาธิลงบนพื้น หลับตาพักผ่อน นางไม่ได้ฝึกฝน แต่เป็นตรวจดูแผนที่ในหัวอย่างละเอียด แผนที่ที่รวมเป็นหนึ่งค่อยๆ มีภูเขา แม่นํ้าปรากฎขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
นางไม่คุ้นเคยกับโลกแห่งยุคกลาง จึงมองไม่ออกว่าบนแผนที่แผ่นนี้เป็นที่ไหนในโลกแห่งยุคกลาง สิ่งเดียวที่สามารถแน่ใจได้ก็คือสถานที่บนแผนที่อันนี้ไม่ใช่หลินชวนอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น บนมุมบนขวาของแผนที่ก็มีอักษรอยู่แถวหนึ่ง และก็มีอีกแถวทางด้านล่างซ้าย ที่ดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอ
‘ซุยอี้…หานชุ่น’
“ซุยอี้หานชุ่น? นี่หมายความว่าอย่างไร?” มู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้นคิ้วขมวด คิดไม่ออกว่าอักษรบนแผนที่แสดงถึงความหมายอะไร
“แค่ก แค่ก!” เสียงไอเบาๆ ดังมาจากบนเตียง
มู่ชิงเกอได้สติ มองไปที่เตียง เห็นเสวี่ยหยาใช้มือยันเตียงลุกขึ้นนั่ง
นัยน์ตากระจ่างของนางฉายแวววาววาบ ในตอนที่มองเห็นมู่ชิงเกอนั้นถึงได้หลุดเสียงออกไปว่า “นายน้อย แม่นางเจียงนาง…”
มู่ชิงเกอโบกมือตัดบทพูดของนาง พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้ารู้หมดแล้ว” “แผนที่นั้น…” เสวี่ยหยาร้อนใจ
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากเอ่ยว่า “ข้าได้รับแผนที่แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอแล้ว เสวี่ยหยาถึงได้โล่งใจ แต่จากนั้นก็ฉายแววผิดหวัง แผนที่ถูกรับไปแล้ว เช่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่านางได้หมดประโยชน์แล้ว?
ในตอนที่เสวี่ยหยากำลังใจลอยอยู่นั้น มู่ชิงเกอก็ได้เดินไปถึงข้างกายของนาง เอ่ยถามเสียงเข้มว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
เสวี่ยหยารีบเงยหน้าขึ้น ซ่อนความรู้สึกภายในใจ ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่เจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่รู้สึกดีใจกับนายน้อยก็เท่านั้น”
มู่ชิงเกอไม่สงสัยนาง พยักหน้าแล้วสั่งว่า “รอพวกนางฟื้นแล้ว พวกเราค่อยเดินทางกลับ”
“เจ้าค่ะ นายน้อย” เสวียหยาก้มหน้าลง
เจียงหลีและเซวี่ยนหย่าฟื้นขึ้นมาก็กลางคืนแล้ว หลังจากทานอาหารคํ่าในโรงเตี๊ยมของบ่อนํ้าพุร้อนแล้ว มู่ชิงเกอก็พาสามสาวรีบกลับไปยังเมือง
ตามทาง มู่ชิงเกอพูดกับเจียงหลีด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “ต่อไปหากว่าเจ้ากล้าทำเช่นนี้อีก ข้าจะต้องจัดการเจ้าอย่างแน่นอน”
เจียงหลีเลิกคิ้วท้าทาย “เจ้าคิดจะจัดการข้างั้นหรือ? มาสิ!”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างหมดทางเสือก นัยน์ตาที่จ้องมองเจียงหลี จากโมโห ตำหนิในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นซาบซึ้งใจ “ขอบคุณ”
“ระหว่างเจ้ากับข้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้” เจียงหลีโบกๆ มือ ดูเหมือนว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยๆ เท่านั้น “เจ้าดูสิข้าในตอนนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรมิใช่หรือ?”
“อย่างไรก็ตาม ต่อไปห้ามเสี่ยงอย่างนี้อีก” มู่ชิงเกอมองนางอย่างจริงจัง
“รู้แล้ว รู้แล้ว!” เจียงหลีปิดหูอย่างรำคาญ
ทันใดนั้น สีหน้าของเสวี่ยหยาก็เผยความยินดีออกมา เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “นายน้อย ราชครูมาถึงแล้ว!”