Skip to content

พลิกปฐพี 296

ตอนที่ 296

หาหานชุ่นพบแล้ว!

หลินชวน แคว้นกู่วู่

เมื่อกลับมาที่นี่อีกครั้งนั่นก็หมายความว่าจะต้องกลับไปยังโลกแห่งยุคกลางแล้ว “ลูกพี่ ให้อี้เฉินอยู่ที่นี่ต่อจะไม่เป็นอะไรงั้นหรือ? ข้ารู้สึกเหมือนว่าเขาอาจจะก่อเรื่องขึ้นได้” มู่เสวี่ยอู่พูดด้วยความกังวล

มู่ชิงเกอมองนางแวบหนึ่ง หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นพี่สาวของเขาไม่ใช่มารดาของเขาสักหน่อย ตัวเขาเองอยากจะอยู่ตระกูลมู่ต่อ ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ไม่ดี อีกทั้งยังมีท่านปู่คอยดูแลเขาเป็นอย่างดีอีก ข้าคิดว่าบางทีตอนนี้เขาอาจจะถูกท่านปู่โยนไปที่ค่ายทหารแล้วก็ได้”

“คิก คิก” มู่เสวี่ยอู่หัวเราะออกมา “คิดถึงภาพที่เจ้าเด็กน้อยนั้นถูกเคี่ยวกรำฝึกฝนในค่ายทหารแล้ว ข้าก็รู้สึกว่าปล่อยเขาไว้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

มู่ชิงเกอหัวเราะเบาๆ มู่อี้เฉินขอร้องอยากอยู่ต่อเองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่าง หนึ่ง

อย่างน้อยมู่ซงก็ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายคนเดียว นางก็วางใจลงได้หน่อย

สำหรับความกังวลของมู่เสวี่ยอู่ มู่ชิงเกอกลับรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นในตอนนี้นั้นมู่อี้เฉินเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งจวนตระกูลมู่ เป็นน้องชายของนางมู่ชิงเกอ ทั้งยังมีเจ้าอ้วนแซ่เช่าคอยคุ้มครองอยู่ ภายในแคว้นฉินจะยังมีใครที่จะกล้ายั่วยุเขาอีก?

ถึงแม้ว่าจะไปแคว้นอื่น อาศัยความสามารถของเขา ขอเพียงแค่ไม่ก่อเรื่องอะไรที่ใหญ่โตจนเกินไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

และถึงแม้ว่าจะก่อเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ เหล่าขุมกำลังต่างๆ ในหลินชวน อย่างน้อยก็ต้องเห็นแก่หน้านางบ้าง

“กลับมาแล้วหรือ?”

เมื่อเดินทางมาถึงพระราชวังแห่งแคว้นกู่วู่ พวกมู่ชิงเกอสองคนก็มองเห็นเจียงหลีที่ยืนต้อนรับอยู่ที่นอกประตู

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยเย้าแหย่ว่า “ถึงกับลำบากให้ฮ่องเต้หญิงออกมาต้อนรับด้วยเอง ถือว่าเป็นโชควาสนายิ่งนัก”

เจียงหลีเดินไปที่ข้างหน้าของมู่ชิงเกอพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วก็ลอบกัดฟันเอ่ยกับนางว่า “หากว่าเจ้ายังไม่กลับมาอีก ข้าก็จะไปตามเจ้าที่แคว้นฉิน!”

มู่ชิงเกอได้ฟังแล้วก็เลิกคิ้วสูงขึ้น

เจียงหลีพูดอย่างปวดหัวว่า “เจ้าไม่รู้หรอกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มีผู้อาวุโสกี่คนมาพึมพำเรื่องทิ้งสายเลือดไว้สืบทอดข้างหูข้าทั้งวัน”

“หา?” มู่ชิงเกอตะลึง

ทิ้งสายเลือดไว้สืบทอด? นี่คือต้องการให้เจียงหลีแต่งงานมีลูกมิใช่หรือ?

เจียงหลีพูดอย่างไม่พอใจว่า “ใช่แล้ว ผู้อาวุโสทั้งหลายกลัวว่าข้าจะไปแล้วไม่กลับ จึงให้ข้าทิ้งสายเลือดไว้สืบทอด เพื่อไม่ให้สายเลือดของราชวงศ์ต้องหายสาบสูญ”

“รอเดี๋ยว” สีหน้าของมู่ชิงเกอมองนางอย่างแปลกประหลาด “เจ้าจะทิ้งสายเลือดไว้สืบทอดได้อย่างไร?”

พูดตามปกติแล้ว ไม่ใช่เป็นผู้ชายที่ทิ้งสายเลือดไว้แล้วไปมิใช่หรือ? เจียงหลีจะทิ้งไว้ได้อย่างไร? หรือว่าจะหาผู้ชายสักคนแต่งงานด้วยแล้วก็ตั้งท้องคลอดลูกก่อนถึงจากไปได้งั้นหรือ?

“เจ้าคิดเลอะเทอะอะไรกัน?” เจียงหลีหยิกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอไม่ทันได้ตั้งตัว แขนสะท้อนความเจ็บเข้ามา

“พวกข้ามีวิธีเก่าแก่วิธีหนึ่ง ก็คือเพียงแค่ข้ากับผู้ชาย อืม…อย่างนั้นกัน ก็สามารถดึงเอาจิตวิญญาณออกมาล่วงหน้าและเก็บรักษาเอาไว้โดยให้ผู้ชายเป็นคนตั้ง ครรภ์ได้” สองแก้มของเจียงหลีขึ้นสีแดง

“…” มู่ชิงเกอแข็งทื่อเป็นหิน ผู้ชายคลอดลูกอย่างนั้นหรือ? นี่มันล้มล้างมุมมองของนางไปเลย

“แค่ก แค่ก ผู้ชายจะตั้งครรภ์สิบเดือนได้อย่างไร แล้วก็คลอดได้อย่างไร?”

ผ่าคลอดงั้นหรือ? เมื่อตื่นขึ้นมาจากภาวะตกตะลึงแล้ว มู่ชิงเกอก็ขอคำแนะนำอย่างสนใจ

“อา เจ้าคงไม่ลืมว่าในร่างกายของข้านั้นมีสายเลือดของเทพอสรพิษใช่ไหม?” เจียงหลีพูดอย่างลำบากใจ

มู่ชิงเกอพยักหน้า

“เรื่องนั้น…เผ่างูนั้นคลอดอย่างไร” เจียงหลีเอ่ย

มู่ชิงเกอคิดแล้วทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น พูดออกมาว่า “ให้ตายเถอะ! ออกจากไข่!”

เจียงหลีถลึงตามองนางแวบหนึ่งแล้วก็อธิบายว่า “พูด ง่ายๆ ก็คือ ขอเพียงแค่ข้ามีอารมณ์ก็สามารถทำให้เทพอสรพิษกำเนิดทายาทออกมาได้ จากนั้นก็เก็บรักษาเป็นอย่างดี จากนั้นก็หาคนที่มีสายเลือดที่เหมาะสม แล้วค่อยใส่เข้าไปในร่างคน แล้วฝักอย่างทะนุถนอม ก็จะสามารถกำเนิดรุ่นหลังออกมาได้”

ชั่วขณะนั้นมู่ชิงเกอก็ตกตะลึงมาก!

ที่แท้ก็เป็นไข่ที่ยังไม่ได้รับการปฏิสนธิ แล้วค่อยผ่านกระบวนการปฏิสนธิ หลังจากฟักไข่แล้วก็สามารถฟักกำเนิดรุ่นหลังออกมาได้ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่นางคิดไว้ก่อนหน้านี้

“แค่ก แค่ก เช่นนั้นเจ้าจะต้องกับผู้ชาย เอ่อ….” มู่ชิงเกอเข้าไปใกล้นาง เอ่ยถามเสียงเบา

เจียงหลีอายมาก ดึงหูของนางลงแล้วอธิบายว่า “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด จะต้อง…เอ่อ เกี้ยวให้ข้ามีอารมณ์จากนั้น…”

จากนั้นก็ตกไข่!

มู่ชิงเกอเข้าใจในทันที

นางรู้สึกสนุกขึ้นมาในทันที “เช่นนั้นเจ้าก็หวังเอากับเหล่าผู้อาวุโสเลยสิ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร”

“เพ่ย! ข้าไม่ทำ!” เจียงหลีปฏิเสธไปตรงๆ “ข้าได้พูดแล้วว่า ให้พวกเขาไปคัดเลือกคนที่เหมาะสมภายในเผ่าขึ้นมาเป็นฮ่องเต้หญิงคนใหม่ ข้าจะไม่เป็นฮ่องเต้หญิงแล้ว”

พูดจบแล้ว นางก็ยังเงยหน้าขึ้นหัวเราะ ท่าทางดูอหังการมาก

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก “เจ้าตัดสินใจคิดจะไม่กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”

เจียงหลีส่ายหน้า “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมา เพียงแต่หลังจากนี้ต่อไปข้าก็อาจจะกลับมาที่แคว้นกู่วู่น้อยแล้ว พวกเขายังจะรอข้าอยู่อีกทำไม?”

ทันใดนั้นก็เผยท่าทางเจ็บปวดออกมา

ทำให้มู่ชิงเกอเก็บ ความคิดขบขันกลับไป

“ไม่พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว เจ้าลองเดาสิว่าเป็นใครที่กำลังรอเจ้าอยู่ในวังของข้า?” เจียงหลียิ้มแล้วเอ่ยออกมา

มู่ชิงเกอยิ้ม “ฟ่งอวี๋เฟย”

เจียงหลีชะงัก กัดฟันพูดว่า “เจ้าฉลาดมาก!”

มู่ชิงเกอหัวเราะขึ้นมา “ก่อนที่ข้าจะจากไปก็ให้เจ้าไปดูที่แคว้นลี่สักครั้ง ตอนนี้เจ้าก็มาถามข้าเช่นนี้อีก นอกจากฟ่งอวี๋เฟยแล้วจะยังเป็นใครได้อีก?”

เจียงหลีส่ายหน้าอย่างหมดทางเลือก “ก็รู้แล้วว่าจะต้องปิดบังเจ้าไม่ได้ไปเถอะ นางรอเจ้าอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว”

มู่ชิงเกอพยักหน้า หันไปมองมู่เสวี่ยอู่ที่อยู่ด้านหลังของพวกนาง “เจ้ากลับไปพักผ่อนอยู่ที่ห้องก่อนเถอะ วันพรุ่งนี้พวกเราค่อยเดินทางกลับไปยังโลกแห่งยุคกลาง”

“เจ้าค่ะ” มู่เสวียอู่ตามผู้รับใช้ของแคว้นกู่วู่จากไป

รอนางไปไกลแล้วเจียงหลีถึงเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรถึงได้กลับมาแค่คนเดียว?”

“อี้เฉินขออยากจะอยู่กับท่านปู่” มู่ชิงเกออธิบาย

เจียงหลีพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ทางท่านปู่มีคนอยู่ด้วยแล้วเจ้าเดินทางอยู่ด้านนอกก็ถือว่าวางใจได้แล้ว”

“ใช่” มู่ชิงเกอตามเจียงหลีไปยังที่พักที่ฟ่งอวี๋เฟยอยู่ชั่วคราว ถึงได้พบว่าคนที่มาไม่ได้มีเพียงแค่ฟ่งอวี๋เฟยคนเดียว ยังรวมถึงมู่ยี่ด้วย

“คุณชาย!” เมื่อพบมู่ชิงเกอ ฟ่งอวี๋เฟยก็คุกเข่าลงคำนับนางในทันที

“ลุกขึ้นเถอะ” มู่ชิงเกอพยุงนางขึ้นมา

หลังจากฟ่งอวี๋เฟยลุกขึ้นแล้วก็เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยข้าตามหาสามีกลับมา อวี๋เฟยไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี วันนี้ที่ข้าและสามีมาก็คิดอยากจะมาขอบคุณคุณชายด้วยตนเอง”

“ไม่ต้องเกรงใจ นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าได้สัญญากับเจ้าไว้ตั้งแต่ต้น” มู่ชิงเกอพูดจบแล้วก็มองไปที่มู่ยี่

มู่ยี่ได้ฟื้นตัวกลับมามีชีวิตชีวาบ้างแล้ว แต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบพูดจาสักเท่าไหร่ เป็นธรรมดา เมื่อได้ประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ทั้งยังถูกทรมานมาอย่างยาวนาน จะฟื้นฟูขึ้นมาได้ก็ต้องใช้ระยะเวลา

มู่ยี่ก็เดินมาทำความเคารพมู่ชิงเกอ “ตอนแรกที่อยู่ในโลกแห่งยุคกลาง มู่ยี่ได้ทำตัวเสียมารยาทต่อคุณชายไป ขอคุณชายโปรดให้อภัยด้วย มู่ยี่ขอขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิตและก็ขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณชายได้ทำให้แก่พวกเราสองสามีภรรยา”

“เจ้าไม่คิดอยากจะกลับโลกแห่งยุคกลางแล้วหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

มู่ยี่ชะงัก ส่ายๆ หน้า แล้วก็ยิ้ม “ในตอนแรก ข้าก็ไม่ยินยอมที่จะกลับมาหาอวี๋เฟยเช่นนี้ ต่อมาในระหว่างที่ได้ทำการรักษาตัวอยู่กับประมุขน้อยหาน ได้ยินเขาพูด ว่าตระกูลมู่จบสิ้นแล้ว ถูกทำลายภายใต้ศึกแย่งชิงอำนาจระหว่างตระกูล ชั่ววินาทีนั้นข้าก็โล่งใจ ในเมื่อตระกูลมู่ได้ล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว เช่นนั้นให้ข้าอยู่ในโลกแห่งยุคกลางต่อก็ไม่มีความหมายอะไรอีก ทั้งในหลินชวน ก็ยังมีคนที่รอคอยข้าอยู่คนหนึ่ง”

พูดแล้วเขาก็จับจูงเอามือของฟ่งอวี๋เฟยขึ้นมากุมไว้ในมืออย่างแน่นหนา

ตระกูลมู่จบสิ้นแล้วหรือ?

นี่ถือว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของนาง

หลังจากที่นางออกจากเมืองหลานอูเฉิงแล้วก็ไม่ได้ไปสนใจเรื่องราวสถานการณ์ของตระกูลมู่อีกเลย สุดท้ายที่ได้ข่าวก็เพียงแต่พูดว่าสามตระกูลในเมืองหลานอูเฉิงมีปัญหากัน

มู่ชิงเกอดึงความคิดกลับมาแล้วเอ่ยกับมู่ยี่ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ในหลินชวนต่อเถอะ”

การพบปะกับพวกฟ่งอวี๋เฟยก็เป็นแค่เพียงการทักทายกันเท่านั้น

คืนนี้ภายในพระราชวังแห่งแคว้นกู่วู่ หลังจากเจียงหลีรับข้าวปลาอาหารเสร็จแล้ว วันที่สองพวกนางสามคนก็ลอบไปยังประตูมิติที่จะส่งไปโลกแห่งยุคกลาง แสงสว่างวาบขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ได้กลับมาถึงภาคตะวันตกของโลกแห่งยุคกลางแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกนางก็ได้กลับไปถึงตระกูลซางในเมืองฝูซา

“กลับมาแล้วหรือ?” เมื่อกลับถึงตระกูลซาง ซางซุ่นหวางมองไม่เห็นมู่อี้เฉินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

“ท่านตา ท่านปู่อยู่ที่หลินชวนเพียงคนเดียว พวกเราไม่วางใจ อี้เฉินถึงได้ขออยู่ต่อ” มู่เสวี่ยอู่อธิบายกับซางซุ่นหวาง

ซางซุ่นหวางพยักหน้า “ข้าเข้าใจ กลับมาแล้วก็ไปพบมารดาของพวกเจ้าเถอะ”

มู่ชิงเกอกับมู่เสวี่ยอู่เดินออกมาจากห้องของซางซุ่นหวางแล้ว มู่เสวี่ยอู่ก็พูดอย่างลังเลว่า “ลูกพี่ พวกเราไปพบท่านแม่ด้วยกันเถอะ”

“ลูกพี่!”

มู่ชิงเกอกำลังจะตอบก็ได้ยินเสียงของหยวนหยวนดังเข้ามาพอดี

นางเงยหน้ามองออกไปก็เห็นหยวนหยวนวิ่งมุ่งตรงมาที่นาง

“ลูกพี่ ราชครูคำนวณออกมาได้แล้ว!” หยวนหยวนวิ่งมาถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอแล้วก็พูดอย่างตื่นเต้น

เขาเพิ่งจะพบเห็นเจียงหลีมา ถึงได้รู้ว่ามู่ชิงเกอก็กลับมาแล้ว ทั้งยังรู้ว่ามู่ชิงเกอร้อนใจเรื่องอะไรอยู่จึงรีบวิ่งมาไม่กล้าชักช้า

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อได้ยินถึงคำพูดนี้ของเขา นัยน์ตาของมู่ชิงเกอก็สว่างวาบ เอ่ยขึ้นในทันทีว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”

นางจากไปพร้อมกับหยวนหยวน ส่วนมู่สวี่ยอู่กลับยังยืนอยู่ที่เดิม

หลังจากใช้สายตามองส่งจนเงาร่างของมู่ชิงเกอหายไปจากตรงหน้าแล้ว นางถึงได้พึมพำเอ่ยว่า “ลูกพี่ ท่านจะกลับไปพบท่านแม่กับข้าหรือไม่?”

หลังจากกลับไปถึงเรือนเล็ก มู่ชิงเกอก็ก้าวเข้าไปในห้องของราชครูเลย ไม่ได้สังเกตถึงว่าในช่วงเวลาที่นางจากไปนั้น โย่วเหอได้กลับมาจากลั่วซิงเฉิงถึงตระกูลซางแล้ว

“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว!” ราชครูมองเห็นมู่ชิงเกอก็เผยรอยยิ้มออกมา

มู่ชิงเกอใช้ดวงตาที่สดใสมองดูเขา “คำนวณออกมาได้แล้วหรือ?”

ราชครูพยักหน้า “ไม่ทำให้ผิดหวัง”

“หานชุ่น! หานชุ่น!” มู่ชิงเกอค่อยๆ กำกำปั้นแน่นขึ้น พึมพำเสียงเบาๆ ออกมา ในที่สุดนางก็จะสามารถพบเจอกับเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางได้แล้วงั้นหรือ?

หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมู่ชิงเกอก็ถามว่า “พวกเราจะออกเดินทางกันได้เมื่อไหร่?”

ราชครูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยว่า “ยิ่งเร็วยิ่งดี มิเช่นนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้” นัยน์ตาของเขาฉายแววเป็นกังวลออกมา ส่วนความกังวลมีสาเหตุมา จากอะไรนั้นนางรู้ดี

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะแจ้งให้พวกมู่เฉินกลับมาในทันที” มู่ชิงเกอเอ่ย

ราชครูพูดขึ้นว่า “การเคลื่อนไหวครั้งนี้ คุณภาพดีกว่าจำนวน นายน้อยนำคนที่พอมีประโยชน์ไปก็พอแล้ว เพราะว่าก่อนหน้าที่นายน้อยจะกลับมาหลังจากที่ คำนวณหาสถานที่ตั้งของหานชุ่นออกมาได้แล้ว ข้าก็ได้ตัดสินใจเองให้เสวี่ยหยาส่งข่าวไปให้มู่เฉินและมู่เผิงสองคนกลับมาแล้ว”

พูดแล้วเขาก็คิดในใจครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าแล้วพูดกับมู่ชิงเกอว่า “คำนวณดูแล้ววันนี้พวกเขาก็คงจะกลับมาถึงเมืองฝูซาแล้ว”

มู่ชิงเกอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ดี เช่นนั้นวันพรุ่งนี้พวกเราก็ออกเดินทางกันเลย”

ราชครูพยักหน้า

มู่ชิงเกอเดินออกจากห้องของราชครู เมื่อเดินไปถึงกลางเรือนก็มองเห็นเจียงหลีกับหยวนหยวนกำลังกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ ส่วนโย่วเหอก็ได้เตรียมของว่างออกมาแล้ว เสวี่ยหยาก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน แต่ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับราชครู

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!