Skip to content

พลิกปฐพี 300

ตอนที่ 300

ก้าวก่อนสำเร็จก่อนงั้นหรือ? ฮ่า ฮ่า

ส่วนมู่ชิงเกอกลับอาศัยช่วงเวลาที่ปากของมันกำลังอ้าลงมา ปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังของ ‘เบโลดอน’

นางชันเข่าเดียวอยู่บนแผ่นหลังของเบโลดอน ทำให้เบโลดอนเขย่าหลังของตนเองไม่หยุดเพื่อให้นางตกลงมา มู่ชิงเกอยิ้มเย็นออกมา ปลอกนิ้วในมือฉายแสงวาววาบ ทวนหลิงหลงปรากฎอยู่ในมือของนาง นางชูทวนขึ้นจากนั้นก็แทงลงไปบนหลังของเบโลดอน

“โฮก!” ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้นทำให้เบโลดอนร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ในเสียงร้องนั้นแฝงไปด้วยความโมโห

มันบ้าคลั่งขึ้นมา คิดอยากจะให้มู่ชิงเกอตกลงไป แต่ว่าทวนหลิงหลงกลับติดแน่นอยู่บนแผ่นหลังของมัน ทำให้มู่ชิงเกอยืนอยู่บนแผ่นหลังของมันได้อย่างมั่นคง

เบโลดอนพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งชนสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ไม่หยุด

กลุ่มของสัตว์ประหลาดเริ่มที่จะสับสนอลหม่าน

นัยน์ตาสดใสของมู่ชิงเกอสังเกตไปยังความสับสนอลหม่านนี้แล้วเอ่ยในใจว่า ‘ยังไม่พอ!’

นางดึงทวนหลิงหลงออกมา ชั่วขณะนั้นก็ทำให้เบโลดอนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง จากนั้นนางก็กระโดดไปบนร่างของสัตว์ประหลาดอีกตัวแล้วก็ใช้ทวนหลิงหลงแทงเข้าไปในดวงตาของมัน ทำให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

มู่ชิงเกอโจมตีไปอย่างไร้จุดมุ่งหมายไม่หยุด ซึ่งก็ได้ทำให้สัตว์ประหลาดที่เข้าปะทะกับนางหากไม่ถูกนางทำให้บาดเจ็บก็ถูกนางใช้พลังจิตตัดหัวจนหัวหลุด

เมื่อทำเช่นนี้แล้ว สัตว์ประหลาดที่ถูกนางทำให้แตกตื่นก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนางก็ประสบผลสำเร็จในการท้าทายให้สัตว์ประหลาดโมโหและเริ่มไล่ล่านาง

เมื่อมู่ชิงเกอเห็นว่าผลลัพธ์สำเร็จแล้ว ก็พุ่งไปยังมุมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในทันที ส่วนด้านหลังของนางก็เกิดเสียงพื้นหิมะสั่นสะเทือนรวมทั้งเสียงคำรามอย่างโมโหของสัตว์ประหลาด

ไม่ต้องหันหน้าไปดู นางก็รู้แล้วว่าด้านหลังของนางนั้นมีสัตว์ประหลาดนับพันนับหมื่นกำลังไล่ตามมา

‘ดูแล้ว สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นไดโนเสาร์จริงๆ’ ในตอนที่มู่ชิงเกอกำลังวิ่งนั้น ก็ลอบพูดในใจ ก่อนหน้านี้ที่นางทำการฆ่าล้าง นอกจากคิดที่จะยั่วให้สัตว์ประหลาดโมโหและไล่ล่าตามนางแล้ว ก็ยังทำเพื่อที่จะคาดเดากำลังของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ด้วย

ดูเหมือนว่า นอกจากความเร็ว กำลังและก็มีหนังที่หนาแล้ว พวกมันไม่ได้มีความสามารถในการพ่นไฟหรือควบคุมนํ้าเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็วางใจลงไปได้ไม่น้อย

บนผืนหิมะเกิดภาพที่ต้องทำให้ผู้คนตกใจ มีจุดสีดำจุดหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าไม่หยุด ส่วนด้านหลังก็มีสัตว์ประหลาดกลุ่มหนึ่งไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง ด้านหลังของพวกมัน พื้นหิมะเกิดรอยร้าวบางๆ เหมือนว่าเสียงฝีเท้าได้สั่นสะเทือนทำให้ธารหิมะบางส่วนร่วงลงมา

‘เหตุใดไดโนเสาร์ซึ่งสูญพันธุ์ไปจากโลกนานแล้วถึงได้มาปรากฎอยู่ที่นี่อีก? หรือว่าจะเป็นอย่างที่ซือมั่วพูดจริงๆ ว่าแต่เดิมแล้วนี่ก็เป็นหลายโลกหลายมิติช่องว่าง และในบางมิติบางช่องว่างนั้นก็มีความเชื่อมโยงกัน เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วจะอธิบายเรื่องที่นางมาปรากฎตัวอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดนี้ได้อย่างไร? แล้วก็จะอธิบายไดโนเสาร์ที่วิ่งไล่ตามนางมานี้ได้อย่างไร?’ ในขณะที่กำลังวิ่งในใจของมู่ชิงเกอก็คิดไปไม่หยุด

ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่า ตัวเองดูเหมือนจะไม่เคยรู้จักโลกที่ตัวเองอยู่เลย ทั้งชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้โลกที่นางมองเห็นก็เหมือนกับเป็นเพียงแค่ยอดมุมหนึ่งของภูเขานํ้าแข็งเท่านั้น

โฮก!

โฮก! โฮก โฮก!

เจียงหลีกระโดดลงมาจากหัวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ในมือของนางถือจูเสียระดับเทวะที่มู่ชิงเกอหลอมให้นาง เพียงนางตวัดข้อมือบนปลายมีดที่แหลมคมของจูเสียก็มีเลือดหยดลงหลายหยด

ด้านหลังของนาง มีสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งไล่ตามอย่างโมโห

เจียงหลีหันกลับไปมองแล้วก็ยิ้มเย็นออกมา จูเสียในมือเริ่มการฆ่าล้างอีกรอบ รอบร่างกายของนางบนพื้นหิมะ ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือดและก็ยังมีร่างของสัตว์ ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล้มกองลงกับพื้น

“พอประมาณแล้ว” เจียงหลีมองไปที่ยังซากร่างรอบกายแวบนึง แล้วก็เผยรอยยิ้มให้กับสัตว์ประหลาดที่ไล่ตามนางมา

นางหันกายพุ่งไปข้างหน้าแล้วก็ไม่ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีก

ส่วนนางที่คิดจะไปก็ยิ่งทำให้บรรดาสัตว์ประหลาดเพิ่มความโมโหมากยิ่งขึ้น พวกมันไม่สนใจอะไรวิ่งไล่ตามไปด้านหลังของนางคิดอยากจะทำลายและกลืนนางลงท้อง

เจียงหลีใช้พลังจิตทั้งร่างกายเพื่อพุ่งไปข้างหน้าแล้วก็โยนเอายาที่มู่ชิงเกอให้เข้าปากไม่หยุด เพิ่มพลังจิตกับพลังกายของตนเองอย่างรวดเร็ว และนี่ก็ทำให้นางและเหล่าสัตว์ประหลาดรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยต่อกันได้ ดูเหมือนว่าในขณะเดียวกันนี้จากห้าทิศทางบนพื้นหิมะ ล้วนแต่เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดห้ากลุ่มกำลังไล่ตามจุดเล็กๆ สีดำห้าจุดอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็พุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่หยุด

เมื่อสัตว์ประหลาดทั้งห้ากลุ่มเข้ารวมตัวกันแล้ว เกรงว่าอาจจะมีถึงแสนตัว ทั้งหมดได้พุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดในช่องว่างหานชุ่นจะถูกดึงดูดมาหมดแล้ว

การวิ่งในครั้งนี้ใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ทุกครั้งที่สัตว์ประหลาดบางตัวคิดอยากจะล้มเลิก พวกเขาก็จะย้อนกลับไปเพื่อสังหารพวกมัน แล้วก็ทำให้สัตว์ประหลาดตัว อื่นๆ เพิ่มความโมโหขึ้นอีก จากนั้นก็วิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือต่อ

บนแผนที่ของมู่ชิงเกอ พวกเขากำลังเข้าไปใกล้ตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนอีกกลุ่มก็ดูเหมือนว่าจะหยุดอยู่ใกล้ๆ กับพื้นที่ที่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางอยู่

ฉากนี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกหนักอึ้ง

การหยุดของอีกฝ่ายดูเหมือนจะยิ่งทำให้มู่ชิงเกอมั่นใจ ในการคาดเดาอย่างแรก นั่นก็คือพวกเขารู้ตำแหน่งที่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางอยู่

แต่ตอนนี้ยังหาไม่พบ หรือไม่พวกเขาก็รู้จักเพียงแค่ขอบเขตคร่าวๆ ไม่รู้จักจุดที่แน่ชัดหรือไม่ก็ต้องพบปัญหายุ่งยาก ถึงได้หยุดชะงักเช่นนี้

ในใจของมู่ชิงเกอนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือพวก เขาน่าจะเพียงแต่รู้ตำแหน่งเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ในตอนนี้หากอิงตามกำลังของพวกเขา อยู่ภายในช่องว่างหานชุ่นก็น่าจะไม่มีอะไรที่จะสามารถขัดขวางการก้าวเดินของพวกเขาได้

ครืน ครืน ครืน ครืน!

บนพื้นหิมะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

ภายในกลุ่มคนห้าคน มีสี่คนเป็นชายวัยกลางคน ซึ่งถือเอาชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหัวหน้า

พวกเขาสวมชุดสีขาวหิมะ ด้านบนถักทอด้วยสีทองดำ ดูสถานะไม่ธรรมดา

“นายน้อย ดูเหมือนว่าพื้นกำลังสั่นสะเทือน” หนึ่งคนในนั้นเอ่ยกับชายหนุ่ม

ชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างดูหล่อเหลาคมคายเกร่งกล้า ดูเฉลียวฉลาด มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา นัยน์ตาลุ่มลึกทั้งยังแอบซ่อนไปด้วยความแข็งกร้าวและอำมหิต

“ไม่ต้องไปสนใจ เร่งเวลาหาตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง” เสียงของมู่เทียนอินดูเย็นชาไร้อารมณ์

“ขอรับ นายน้อย” ชายวัยกลางคนไม่กล้าขัดขืนรีบถอยลงไป

แล้วก็มีอีกคนปรากฎตัวออกมาข้างกายของมู่เทียนอิน เขาเอ่ยเสียงเข้มว่า “นายน้อย ผู้เฝ้ามองพูดว่าก่อนที่เขาจะเปิดช่องทางมานั้น สัมผัสรับรู้ได้ว่ามีอีกเส้นทางที่ถูกเปิดพร้อมกัน เกรงว่าน่าจะเป็นคู่แข่งได้เข้ามาแล้ว

“มาก็มา หากพบก็ค่อยฆ่า” มู่เทียนอินตอบอย่างเรียบเฉย

คำตอบนี้เผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขา

ในขณะเดียวกัน มันก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจในกฎกติกาที่ผู้ชนะเป็นราชานี้อย่างชัดแจ้ง ในเมื่อล้วนแต่เป็นคู่แข่งกัน เช่นนั้นยังจะต้องรักษานํ้าใจอะไรอีก?

“ตระกูลมู่ มีข้าเป็นนายน้อยคนเดียวก็เพียงพอแล้ว นอกจากข้าก็ไม่มีใครที่จะสามารถนำความรุ่งเรืองของตระกูลมู่คืนมาได้อีก” เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ

“นายน้อยพูดได้ถูกต้อง! ข้ารอวันที่นายน้อยจะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของตระกูลมู่ เพื่อพลิกฟื้นตระกูลมู่ให้รุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง!” คนที่ติดตามเขามาทั้งสี่คนค่อยๆ ทยอยพากันแสดงเจตจำนงออกมา

ส่วนมู่เทียนอินกลับไม่ได้มีความอ่อนโยน เพียงแต่เอ่ยอย่างรำคาญว่า “เอาล่ะ อย่าได้ชักช้าอีกเลย การต่อสู้ในครั้งนี้เพียงแค่ได้รับเคล็ดวิชาเทวะมาถึงจะเป็นผู้ชนะ!”

นัยน์ตาอันลํ้าลึกของเขาดูลึกลับยากที่จะเข้าใจ ซึ่งมีเพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่เข้าใจอย่างชัดเจน เขานั้นต้องการเคล็ดวิชาเทวะที่สมบูรณ์เพราะว่าเขาไม่ได้เกิด อยู่ในสายหลักของตระกูลมู่ เหตุที่เขาต้องการจะได้รับเคล็ดวิชาเทวะที่ครบสมบูรณ์ก็เพื่อที่จะพิสูจน์กับคนตระกูลมู่ที่เหลือว่าตัวเขาถึงเป็นคนในโชคชะตาที่ฟ้ากำหนด นับจากนั้นแล้วเขาก็จะกลายเป็นผืนฟ้าเพียงผืนเดียวของตระกูลมู่!

‘ตำหนักเทพของโลกแห่งยุคกลางเป็นแค่กลุ่มคนไร้ประโยชน์จริงๆ ถึงกับให้เจ้าหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมาจนถึงที่นี่ได้อีก แต่ทว่าก็เป็นเรื่องดี สิ่งนี้จะทำให้ข้าได้เห็นว่าเจ้ามีความสามารถมากแค่ไหน หากว่าทำให้ผิดหวังก็จบทุกอย่างที่นี่เถอะ’ มู่เทียนอินค่อยๆ เอ่ย ขึ้นในใจ

‘พอประมาณแล้ว’ มู่ชิงเกอคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของแผนที่มาโดยตลอด ในตอนที่พวกเขาทั้งห้าคนเข้าใกล้มุมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น นางก็เก็บกลิ่นอายแล้วก็หมุนกายเข้าไปหลบในช่องว่าง

นางเพิ่งจะหลบซ่อนตัว ทางด้านหลังก็มีสัตว์ประหลาดนับแสนวิ่งไล่ตามมา พวกมันวิ่งไล่ตามมู่ชิงเกอมาโดยตลอด ทั้งยังถูกนางยั่วยุจนตาแดงฉาน หากว่าไม่ได้ฆ่ามู่ชิงเกอก็จะไม่อาจดับความแค้นในใจลงได้

ในตอนนี้มีเพียงแค่การฆ่าเท่านั้น ถึงจะทำให้ความโกรธแค้นในใจของพวกมันดับลงได้ ดังนั้นแม้ว่าจะมองไม่เห็นเงาร่างของมู่ชิงเกออีก พวกมันก็ยังคงพุ่งไปด้านหน้าต่อ ดูเหมือนว่าจะแน่ใจว่าคนที่กล้ายั่วยุพวกมันนั้น อยู่ทิศทางข้างหน้าอย่างแน่นอน

สัตว์ประหลาดนับแสนวิ่งไปบนพื้นหิมะจนทำให้บนพื้นสั่นสะเทือน จนเกิดรอยแตก รอยนั้นลึกมากและก็เผยให้เห็นว่าด้านล่างของพื้นหิมะเป็นชั้นธารนํ้าแข็งที่หนาแน่นมาก

รอจนพวกมันจากไปแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้กระโดดออกมาจากช่องว่าง แล้วยกมือจัดชุดของตนเองแล้วก็เอ่ยออกมาว่า “พูดกันว่าสมองของไดโนเสาร์มีขนาดเล็กเท่า เมล็ดถั่ว ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ ดูแล้วเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

นางหลับตาลง แผนที่แสดงจุดสีดำของกลุ่มนางซึ่งน่าจะค่อยๆ หลีกหนีจากการไล่ล่าของเหล่าสัตว์ประหลาดแล้ว หลังจากหยุดลงก็เปลี่ยนทิศทางแล้วก็มุ่งหน้ามาทางฝั่งที่นางอยู่

ส่วนเหล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกพวกเขาดึงดูดมาตลอดเส้นทาง ในตอนนี้น่าจะมุ่งตรงไปยังทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าไปใกล้กับอีกกลุ่มหนึ่งมากยิ่งขึ้น

หากเป็นไปตามแนวโน้มนี้ พวกมันไปอีกสักครู่ก็จะสามารถรวมตัวเข้าด้วยกันและหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วยามก็น่าจะสามารถพุ่งเข้าปะทะกับเหล่าแขกที่มาจาก แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารได้แล้ว

มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นออกมาเผยว่า “ขอให้มีความสุขกับของขวัญในการพบหน้าที่ข้าเตรียมไว้ให้กับพวกเจ้า อย่าให้ข้าต้องผิดหวังล่ะ!”

เมื่อนางพูดประโยคนี้จบ ด้านขวามือของนางไกลออกไป ก็มีเงาเล็กๆ ของคนวิ่งมาที่นาง

ใกล้แล้วถึงได้มองเห็นว่าใบหน้าของคนที่มาเป็นหยวนหยวน ซึ่งหลังจากทำภารกิจเสร็จแล้วก็เข้ามารวมตัว

“นายน้อย ผู้เฝ้ามองเพียงแต่ให้ตำแหน่งคร่าวๆ แก่พวกเรา ถึงแม้ว่าพวกเราจะค้นหาที่นี่อย่างละเอียดสักรอบหนึ่งก็เกรงว่าจะต้องใช้เวลาทั้งวัน”

“นายน้อย ผู้เฝ้ามองพูดแล้วว่า ภายในร้อยลี้เป็นวงกลมนี้ล้วนแต่มีโอกาสที่จะเป็นที่ซ่อนของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางทั้งหมด แต่พวกเรามีเพียงแค่ไม่กี่คน…”

มู่เทียนอินขมวดคิ้ว รูปโฉมที่ดูคมคายเด่นชัดเพิ่มความแข็งกร้าวและอำมหิตเข้าไปอีก “พวกเจ้ากำลังพูด ถามหาเหตุผลกับข้างั้นหรือ?”

“บ่าวไม่กล้า!” พวกเขาทั้งสี่คนพากันก้มหน้าลงไม่กล้าพูดต่อ

มู่เทียนอินใช้สายตาที่เย็นชาจ้องมองพวกเขาแล้วก็ใช้นํ้าเสียงเข้มเอ่ยกับพวกเขาว่า “ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีอะไร แม้ว่าจะต้องทำลายช่องว่างนี้ก็ต้องหาออกมาให้ข้าภายในครึ่งวัน”

สีหน้าของบ่าวทั้งสี่คนเปลี่ยนไปในทันที หาเคล็ดวิชาเทวะออกมาภายในครึ่งวัน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากว่าภารกิจไม่สำเร็จ…

ทั้งสี่คนรู้สึกขนลุกขึ้นมา มู่เทียนอินเข้มงวดกับคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชามาก จัดการลงโทษอย่างเด็ดขาดรุนแรง หลังจากพวกเขากลับไปแล้วหากไม่ตายก็คงจะต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป

“นายน้อย มิใช่ว่าผู้เฝ้ามองพูดว่าพวกเรามีเวลาเจ็ดวันอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงต้องรีบด้วย? หนึ่งคนในนั้นแข็งใจเอ่ยออกมา

มู่เทียนอินใช้สายตาที่แข็งกร้าวมองดูเขา “เจ้ากำลังสงสัยในคำพูดของข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ ไม่กล้า บ่าวไม่กล้า!” คนผู้นั้นรีบชันเข่าลงช้างหนึ่งรับผิดในทันที

มู่เทียนอินหรี่ตาเล็กลง ในแววตาฉายแววอำมหิต “หาก ม่กล้าแล้วยังไม่รีบค้นหาให้ข้าอีก”

เคล็ดวิชาเทวะ แน่นอนว่ายิ่งเอามาอยู่ในมือได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

‘เจ็ดวัน พลังกดดันของแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารสูงขนาดนั้น อาศัยความสามารถของอาจารย์ก็ทำได้เพียงแค่สร้างช่องว่างได้เจ็ดวัน เช่นนั้นฝั่งทางโลกแห่งยุค กลางล่ะจะสามารถอยู่ที่นี่ได้สักกี่วัน?’ มู่เทียนอินคิดอยู่ในใจ เขามีความรู้สึกอยู่เสมอว่าคู่มือที่มาในครั้งนี้น่าจะเป็นคู่มือที่มาจากโลกแห่งยุคกลาง

โฮก โฮก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!