Skip to content

พลิกปฐพี 308

ตอนที่ 308

เข้าไปในบ่อเลือดยอมรับสายเลือด

“มู่ชิงเกอ เจ้ายังรออันใดอยู่!” ทันใดนั้นเสียงตะคอกของมู่สวินก็ดังสะท้อนเข้ามา

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองเห็นเงาร่างกึ่งโปร่งแสงของมู่สวินที่กำลังจ้องมองนาง ในแววตาฉายแววเคร่งขรึมและจริงจัง

มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปากก่อนจะกระโดดลงไปในบ่อเลือดอย่างไร้ซึ่งความลังเล

เลือดอันเข้มข้นในบ่อเลือดบดบังเอวนางจนมิด แต่ตัวนางที่ยืนอยู่ด้านในกลับไม่ได้กลิ่นคาวเลือดเลยแม้แต่น้อย

มู่สวินมองนางด้วยแววตาที่เรียบเฉย พร้อมกับค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “รอจนเจ้าดูดกลืนเลือดทั้งหมดในบ่อนี้ปลุกพลังแห่งสายเลือดแล้ว ถํ้าแห่งนี้ก็จะหายไป หยาจื้อด้านนอกตนนั้นก็จะได้รับการปลดปล่อย กลับไปยังที่ที่มันควรอยู่ ส่วนเจ้ากับคนที่ติดตามเจ้ามาก็จะถูกส่งออกไป เส้นทางที่รออยู่ก็ต้องอาศัยตัวเจ้า อนาคตของตระกูลมู่ก็ขอฝากเจ้าเอาไว้แล้ว”

เมื่อพูดจบมู่สวินก็หันกายมาทางนางพลางโค้งคารวะ

นี่ทำเอามู่ชิงเกอชะงักไปครู่หนึ่ง นางสามารถสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกของมู่สวิน

ทันใดนั้นเองร่างของมู่สวินก็ยิ่งโปร่งแสงเลือนรางมากขึ้น เริ่มจากขาทั้งสองข้างของเขาขึ้นไปด้านบนอย่างช้าๆ จนร่างกายของเขาแตกสลายกลายเป็นประกายแสงร่วงตกลงไปในบ่อเลือด

ฉากภาพนี้ทำเอามู่ชิงเกอเบิกตากว้างขึ้น เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “บรรพบุรุษมู่สวิน ท่านทำอะไรกัน”

ม่สวินยิ้มขึ้นบางๆ ร่างกายครึ่งร่างที่ยังเหลืออยู่ก็เริ่มแตกสลาย “เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ ที่ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่เพียงแค่เพื่อรอคนรุ่นหลังของตระกูลมู่เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นสุดท้ายที่จะช่วยเจ้าปลุกพลังแห่งสายเลือดด้วย มู่ชิงเกอข้าจะจำชื่อของเจ้า… ”

คำพูดของเขายังไม่จบ และก็ไม่มีโอกาสพูดจนจบได้อีกตลอดกาล

เงาร่างกึ่งโปร่งแสงของมู่สวินสลายกลายเป็นประกายร่วงตกลงไปในบ่อเลือด เพื่อช่วยปลุกพลังแห่งสายเลือดของตระกูลมู่ในร่างของมู่ชิงเกอให้ตื่นขึ้น

“บรรพบุรุษมู่สวิน…” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอได้เห็นมู่สวินจากไปเช่นนี้ ถึงได้ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดใจ ก่อนหน้านี้ นางไม่ได้มีความรู้สึกอันใดต่อตระกูลมู่เลย ไม่ได้มีความรู้สึกชอบหรือชังแต่อย่างใด แต่หลังจากวันนี้ไป มู่สวินใช้การกระทำเช่นนี้ ทำให้นางได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนตระกูลมู่เมื่อหมื่นปีก่อน ทำให้ใจของนางยอมรับพวกเขา

การยอมรับนี้ก็ไม่ได้หมายถึงการยอมรับถึงความเก่งกาจของตระกูลมู่ แต่หมายถึงการยอมรับที่พวกเขามีเลือดของนักรบเช่นเดียวกัน ความรู้สึกอันองอาจของผู้ที่กรำศึกในสนามรบ!

นางเป็นทหารเป็นด้วยจิตวิญญาณ!

ดังนั้นนางที่ทะลุมิติมาจึงสามารถหลอมรวมเข้ากับจวนตระกูลมู่และกองทัพตระกูลมู่ได้อย่างรวดเร็ว

และมาวันนี้ ก็เป็นตระกูลมู่

สายเลือดแห่งเทพสงครามยุคบรรพกาลก็กำลังจะตื่นขึ้นในกายของนาง

ปุด ปุด

ในบ่อเลือดอันนิ่งสงบ เริ่มมีความเคลื่อนไหวขึ้นมา ของเหลวเหล่านั้นเหมือนกับถูกต้มจนเดือดอย่างไรอย่างนั้น มันเริ่มปรากฎไอขึ้น ของเหลวในบ่อเริ่มที่จะร้อนขึ้นมา ปรากฎเป็นบ่อนํ้าวนหลายชั้นรอบกายของมู่ชิงเกอ ส่วนนางก็อยู่ใจกลางของบ่อนํ้าวนนั้น…

ความรู้สึกเช่นนี้นางเคยมีประสบการณ์มาก่อนตอนปลุกพลังสายเลือดของตระกูลซาง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ นางเก็บความรู้สึกกลับมาเริ่มทำการดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง

ชั่วขณะนั้นรูขุมขนทั่วทั้งร่างของนางก็คล้ายกับถูกขยายออก ดูดกลืนพลังบริสุทธิ์ในบ่ออย่างหิวกระหาย

กระแสพลังเหล่านั้นกลายเป็นเส้นสายสีแดงเลือดพุ่งเข้าสู่ตัวนาง ทำการชำระล้างร่างกายและเส้นชีพจรของนาง เหล่าบรรพชนที่มาจากเมื่อหมื่นปีก่อน สายเลือดที่ผ่านการหลอมรวมมาหมื่นปีตอนนี้กำลังหลอมรวมกันอยู่ในกายของมู่ชิงเกอ กระตุ้นพลังสายเลือดแห่งเทพสงครามที่กำลังหลับลึกในกายของนาง

“นายน้อย ทำไมบันไดนี้ถึงได้ยาวนัก”

บนบันไดปากทางเข้า มู่เทียนอินพาคนทั้งสามของเขาเดินลงไปตามบันไดนํ้าแข็งไม่หยุด พวกเขาเดินอยู่ด้านในมาได้หนึ่งชั่วยามแล้ว แต่กลับยังไปไม่ถึงปลายสุดสักที

มู่เทียนอินขมวดเข้าหากัน ตอนนี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างหงุดหงิด เข้ามาในหานชุ่นนานขนาดนี้ แต่เขากลับไม่เห็นคนอีกกลุ่มแต่อย่างใด ซึ่งนี่เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ปกติ

บางทีอาจเป็นไปได้ว่าคนกลุ่มนั้นยังมาไม่ถึงที่นี่ และก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าไปยังสถานที่ที่ซ่อนเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางก่อนเขาไปแล้วก้าวหนึ่ง

“เร่งความเร็วหน่อย!” พอมู่เทียนอินคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้แล้ว ก็เอ่ยเร่งคนข้างกาย

ในแววตาอันเย็นยะเยือกของเขาทอประกายอำมหิต ตอนนี้เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่ถูกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไล่โจมตีอย่างไม่มีเหตุผลนั้น คงไม่ใช่ว่าจะเป็นอุบายของฝ่ายตรงข้ามหรอกใช่ไหม

ไม่เช่นนั้นจะอธิบายการโจมตีที่มาอย่างกะทันหันเช่นนั้นได้อย่างไร

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คู่แข่งของเขาก็มีความเป็นไปได้ที่จะอาศัยจังหวะตอนที่เขาถูกสัตว์ประหลาดไล่ตาม แอบลอบเข้ามาถึงที่นี่ไปจนถึงขั้นที่อาจจะรุดหน้าไปถึงที่ซ่อนของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางแล้วก็เป็นไปได้

คนทั้งสี่ที่เพิ่มความเร็วขึ้น เข้าไปใกล้จุดที่มู่ชิงเกออยู่ขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้มู่ชิงเกอกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในบ่อเลือด ทั่วทั้งร่างจมมิด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ผิวหนังแดงฉานราวกับหยดเลือด ด้านบนศีรษะมีไอสีขาวพุ่งโชยขึ้น ในหัวของนางปรากฎแผนที่ของหานชุ่นขึ้นมา บนแผนที่ปรากฎจุดสีดำสี่จุดที่กำลังเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ และจุดที่ใกล้นางมากที่สุดก็ยังมีอีกสี่จุดที่กำลังรอคอยไม่ขยับเคลื่อนไหว

ถ้าหากนางไม่สามารถดูดกลืนให้เสร็จก่อนที่จุดสี่จุดนั้นจะมาถึงที่นี่ได้ คนสี่คนที่รอนางอยู่ด้านนอกนั้นเกรงว่าอาจจะต้องพบกับการต่อสู้อย่างดุเดือดแน่นอน

“ทำไมลูกพี่เข้าไปตั้งนานแล้วถึงยังไม่ออกมาอีก” ภายนอกถํ้าหยวนหยวนเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ

แต่ไหนแต่ไรมานิสัยของเขาก็ไม่ได้สุขุมสงบนิ่ง ยิ่งตอนนี้มารออยู่ที่นี่อย่างยาวนาน ทั้งยังไม่เห็นมู่ชิงเกอออกมาเสียที จึงแทบคิดอยากจะจุดไฟเผาถํ้าแห่งนี้อยู่หลายหน

“เจ้าเงียบๆ หน่อย ไม่ว่าชิงเกอจะออกมาช้าหรือเร็วก็ต้องออกมาอยู่ดี” เจียงหลีเอ่ย

“ไม่ใช่ว่าเข้าไปเอาตำราเล่มหนึ่งมิใช่หรือ คำนวณแล้วก็ไม่น่าใช้เวลานานขนาดนี้นี่” หยวนหยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

จากที่เขาดู ช่วงก่อนหน้าที่อยู่หน้าประตูมู่ชิงเกอก็ได้ผ่านการทดสอบไปแล้ว เข้าไปแล้วก็เอาแค่ตำราออกมาก็จบเรื่อง

มู่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคาดเดาออกมาว่า “บางทีที่ด้านในอาจจะมีสมบัติอะไรที่พวกเราไม่รู้อยู่ จำเป็นต้องส่งผ่านให้นายน้อย ดังนั้นเลยทำให้เสียเวลา”

“หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นวาสนาของนายน้อยแล้ว” มู่เผิงเอ่ยด้วยความยินดี

มู่เฉินก็ยิ้มพยักหน้า สำหรับพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ยิ่งมู่ชิงเกอแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งหมายถึงมีโอกาสที่จะชนะมากยิ่งขึ้น ที่นี่คือที่ไหน นี่ก็เป็นถึงถํ้าที่อดีตประมุขตระกูลมู่สร้างขึ้นด้วยตัวเองเมื่อหมื่นปีก่อน ด้านในน่าจะไม่ได้เก็บไว้เพียงแค่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังมีเสียงลึกลับนั้นอีก ไม่มีทางที่จะปรากฎออกมาโดยไร้เหตุผลกระมัง ยิ่งคิดมู่เฉินกับมู่เผิงก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มู่ชิงเกอที่อยู่ด้านในจะต้องได้รับผลประโยชน์อื่นๆ อีกแน่ ชั่วขณะนั้นพวกเขาจึงไม่ร้อนใจให้มู่ชิงเกอรีบออกมาอีก สามารถรอได้อีกหน่อยก็รออีกหน่อย วาสนายากนักที่จะพานพบ!

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง มู่เทียนอินได้พาคนของเขาเดินลงมาจากบันไดแล้ว เมื่อเข้าสู่ด้านในของตัวถํ้า พอเขาเดินผ่านจุดที่ก่อนหน้านี้มู่ชิงเกอเก็บเห็ดหลินจือขนโลหิต เขาก็หยุด ชะงักฝีเท้าลงในทันใด

“นายน้อย มีอะไรหรือขอรับ”

ลูกน้องทั้งสามคนที่ล้อมอยู่ข้างกายเขา เมื่อเห็นเขาอยู่ ดีๆ ก็หยุดลงจึงพากันเอ่ยขึ้น

มู่เทียนอินมีสีหน้าขรึมลง สีหน้าดำคล้ำจนน่ากลัว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่จุดที่เคยมีเห็ดหลินจือขนโลหิตอยู่ ที่นั่นยังหลงเหลือร่องรอยของก้านที่ขาดอยู่

ไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอไม่อยากทำลายก้านของเห็ดหลินจือขนโลหิต เพียงแต่ว่าลำต้นและรากของมันนั้นยาวมาก ชอนไชลึกลงไปในชั้นนํ้าแข็ง นางไม่มีเวลาค่อยๆ กะเทาะเอาชั้นนํ้าแข็งออก เพื่อเก็บเอาก้านและรากทั้งหมดไป

ซึ่งมู่เทียนอินที่สามารถสังเกตเห็นจุดเล็กๆ พวกนี้ได้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่า เขาผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะเอาคนไม่ได้ความอย่างมู่ลั่วฟงผู้นั้นมาเปรียบเทียบได้ ถ้าหากไม่มีความสามารถอยู่บ้างแล้วละก็ คงไม่มีทางได้รับความสนใจจากศิษย์พี่ของราชครูทั้งยังสนับสนุนให้เขาเป็นนายน้อยหรอก

“มีคนเข้ามาก่อนหน้าพวกเรา” มู่เทียนอินเอ่ยประโยคนี้ขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่เคร่งขรึม ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็กวาดมองไปยังร่างของลูกน้องทั้งสามคน ทำเอาทั้งสามคนอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นขึ้นมา มีคนเข้ามาแล้ว! นั่นจะหมายถึงสิ่งใดได้อีกนอกจากศัตรูของพวกเขาได้เข้ามาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเขาก้าวหนึ่ง บางทีอาจได้รับสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึงมาโดยตลอดไปแล้วก็เป็นได้!

และก็ยิ่งหมายความว่าการที่พวกเขาถูกไล่โจมตีจากสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ไม่มีทางที่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ!

“ดีมาก! เจ้าได้ดึงดูดความสนใจของข้าเข้าแล้ว” มู่เทียนอินยิ้มเย็นพร้อมเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง

คำพูดเพิ่งจะจบไป เขาก็เพิ่มความเร็วมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึก

คนของเขาทั้งสามไม่กล้าชักช้า ตามไปติดๆ ในตอนนี้ พวกเขาไม่สนใจเรื่องว่าจะสิ้นเปลืองพลังแล้ว เพียงแค่คิดว่าจะไปให้ถึงสถานที่แห่งนั้นได้เร็วๆ

ประตูทางเข้ายังคงปิดสนิท

คนทั้งสี่คนด้านนอกประตูยังเฝ้าอยู่อย่างเงียบสงบ

ทันใดนั้นเองสีหน้าของคนทั้งสี่คนก็พลันกระตุกขึ้น

มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม กำกระบี่ในมือแน่นพลางเอ่ยขึ้นว่า “มีการสั่นไหวของพลังจิต ดูท่าว่าน่าจะมีคนเข้ามา อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานก็จะมาถึงที่นี่’’

คำพูดของเขาเพิ่งจะหลุดออกจากปากก็ทำให้ทั้งสี่คนระมัดระวังขึ้นมา

เจียงหลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมว่า “ชิงเกอยังอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เช่นไรแล้ว แต่ก็ไม่อาจให้คนพวกนี้ไปรบกวนได้”

ข้อมือของนางพลันไหววูบ แสงสีแดงเลือดวาววับ จูเลียถูกกำไว้ในมือนาง เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ

“ไม่ผิด! ต่อให้พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ก็จะไม่ยอมให้ใครบุกเข้าไปอย่างเด็ดขาด!” มู่เฉินพยักหน้าเอ่ย

เขากับมู่เผิงก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว

หยวนหยวนยิ้มอย่างดุดัน “ใครกล้ามาสร้างปัญหาให้ลูกพี่ ข้าก็ขอเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยพวกมันไป!”

ทั้งสี่คนยืนเรียงกันเป็นแนว เผชิญหน้ากับทางเข้า

และในขณะนั้น พวกมู่เทียนอินทั้งสี่คนก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ห่างจากที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ถึงสิบลี้แล้ว

สิบลี้! สำหรับความสามารถของระดับสีทองขั้นหก ก็เป็นระยะเวลาเพียงแค่ขั้วพริบตาเท่านั้น

เงาร่างของพวกมู่เทียนอินทั้งสี่คน ส่องสะท้อนไหววูบไปมาบนกำแพงนํ้าแข็งไม่หยุด ทุกครั้งที่ปรากฎตัวก็จะพุ่งห่างไปด้านหน้ายี่สิบถึงสามสิบจั้งได้

ภายในถํ้า บนแผนที่ในหัวของมู่ชิงเกอ จุดทั้งสี่จุดนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อดูบนแผนที่ก็เหมือนกับว่าได้เผชิญหน้ากับพวกเขาแล้ว

ซึ่งในตอนนี้เลือดอันเข้มข้นในบ่อเลือดยังหลงเหลืออยู่เพียงแค่บางส่วน เลือดที่เหลือพวกนั้นยังคงหมุนวนอย่างต่อเนือง ไหลซึมเข้าสู่ร่างของมู่ชิงเกอ

ผิวของนางเปลี่ยนจากแดงก่ำเป็นใสกระจ่างแล้ว สามารถมองเห็นเส้นเลือดทุกเส้นได้อย่างชัดเจนในเส้น เลือดราวกับว่ากำลังมีเปลวเพลิงสีทองแผดเผาอยู่

ทันใดนั้นเอง เสื้อผ้าของนางก็บวมพองขึ้น เลือดที่เหลือถูกซึมซับเข้ามาเร็วมากขึ้น เหมือนกับมีชีวิตเข้าปกคลุมร่างของมู่ชิงเกอ ห่มคลุมนางจนกลายเป็นมนุษย์เลือด

“พวกเขามาแล้ว!” ภายนอกถํ้า มู่เฉินควบคุมลมหายใจ พร้อมเอ่ยเตือนคนที่เหลือ

ทั้งสี่คนนิ่งขรึมกว่าปกติ แม้ว่าจะเป็นหยวนหยวน ในตอนนี้ก็ไม่ได้ร้องโวยวายแล้ว ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

และในตอนนั้นเอง ด้านหน้าของพวกเขาก็ปรากฎเงาร่างคนสี่ร่างขึ้น

พอเงาร่างทั้งสี่ปรากฎก็นำพาพลังกดดันอันแข็งแกร่งเข้ามาในทันที ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้าน

ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ได้เผชิญหน้ากัน เมื่อการปะทะกำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้น ทันใดนั้น แสงสว่างวาบแสบแก้วตาสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากถํ้า หยาจื๋อที่เฝ้าคุ้มกันประตูร้องคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด กลายร่างเป็นเส้นแสงสลายหายไป ส่วนเส้นแสงสายนั้นก็บีบให้พวกมู่เทียนอินทั้งสี่คนถอยออกไป พร้อมโอบล้อมพวกมู่เฉินทั้งสี่คนเอาไว้แล้วก็หายไป

รอจนแสงสีขาวหายไปแล้ว มู่เทียนอินถึงได้มองเห็นพื้นว่างเปล่าตรงหน้า สีหน้ากลายเป็นตกตะลึง ไม่มีถํ้า ไม่มีคน ไม่สัตว์เทพเฝ้าประตู…

“อ้าก!” ความโกรธแค้นทำให้เขาร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ตาม!” ดวงตาทั้งสองของเขาแดงกํ่า พร้อมกับใช้น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยไอสังหารเอ่ยออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!