Skip to content

พลิกปฐพี 319

ตอนที่ 319

มู่ชิงเกอฟื้น

“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“ลูกพี่! ลูกพี่! ท่านตื่นสิ!”

“เกอเอ๋อร์ เจ้าฟื้นขึ้นมา แม่ขอร้องให้เจ้าลืมตาขึ้นมามองแม่สักครั้งหนึ่งเถิด…”

“คุณชาย…”

“นายน้อย! นายน้อย…

ภายในสภาวะมึนงง มู่ชิงเกอเพียงแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นไร้นํ้าหนักล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ข้างหูดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงดังเข้ามาเรื่อยๆ เสียงเหล่านี้นางรู้สึกทั้งคุ้นเคยมาก ทั้งยังดูแปลกหน้ามากอีกด้วย เหนื่อยเหลือเกิน!

นางรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อย เหนื่อยจนอยากจะนอนจนมืดฟ้ามัวดิน

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่ได้สนใจเสียงร้องเรียกที่ดูร้อนใจเหล่านั้น หลับลึกต่อไป

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้? ตอนที่เกอเอ๋อร์จากไปก็ยังดีๆ อยู่เลย!” ในตระกูลซาง ภายในเรือนหลังเล็กที่ห่างไกลแห่งนี้ ซางซุ่นหวางมองมู่เฉินและมู่เผิงด้วยสีหน้าที่ดูปวดใจ

ภายในคนห้าคนที่ส่งมู่ชิงเกอกลับมา คนที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดก็คือมู่เฉินและมู่เผิง ฟ้ารู้ดีว่าในตอนที่พวกเขานำมู่ชิงเกอที่ผมเป็นสีเงินทั้งหัวกลับมานั้นเขารู้สึกอย่างไร มองไปที่ผมสีเงินของนางอีกครั้ง ซางซุ่นหวางรู้สึกปวดใจมาก แล้วก็มองไปยังซางหลันรั่วซึ่งก็ปวดใจเช่นเดียวกัน

“ทั้งหมดหุบปาก” ทันใดนั้นซือมั่วที่แนบติดอยู่ข้างเตียงของมู่ชิงเกอพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

เพียงแค่เขาเอ่ยปาก ภายในห้องเงียบก็ค่อยลงหน่อย ทุกคนมองไปที่เขา

ซือมั่วโอบมู่ชิงเกอมา หลังจากวางนางลงแล้วก็ไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้ แม้แต่มู่เสวี่ยอู่และซางหลันรั่วก็ไม่ได้ สำหรับซือมั่วแล้ว มู่เสวี่ยอู่ยังพอมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่กลับคิดไม่ออกว่าเคยพบเจอกันที่ไหน

ส่วนซางซุ่นหวางกลับเดาไม่ออกว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับหลานสาวของตนเอง กลิ่นอายอันแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าจะเก็บงำเอาไว้แล้วแต่ก็ ยังคงทำให้เขาที่เป็นถึงประมุขตระกูลซางรู้สึกหวาดเกรงอยู่ดี

ซางหลันรั่วสนใจเพียงแต่ร่างกายของมู่ชิงเกอเท่านั้น แทบไม่ได้ไปคิดเกี่ยวกับปัญหาของซือมั่วเลย

ตอนนี้ เมื่อเขาเอ่ยปากก็ทำให้ทุกคนสนใจขึ้นมา

จากนั้นซือมั่วก็มองไปยังซางหลันรั่วแล้วก็พูดกับนางว่า “เกอเอ๋อร์เผาผลาญอายุขัยของตนเองเพื่อเพิ่มระดับพลังฝึกปรือ ตอนนี้สลบไปเพราะว่าอายุขัยเหลือน้อยเกินไป ข้าต้องการให้ใครสักคนมอบอายุขัยให้นาง จุดไฟให้แก่อายุขัยที่เหลืออยู่ของนาง ทำให้นางขึ้นตื่นขึ้นมา”

“อะไรนะ! เผาผลาญอายุขัยเพื่อเพิ่มระดับพลังฝึกปรือ!” ซางซุ่นหวางตกตะลึง

ซางหลันรั่วมองมู่ชิงเกออย่างปวดใจ พูดกับซือมั่วว่า “ต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” นางไม่ได้โง่ คำพูดของซือมั่วคือพูดกับนาง ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องการให้นางเป็นคนที่มอบอายุขัยให้คนนั้น

“ท่านแม่!” มู่เสวี่ยอู่พูดขึ้นด้วยจิตใจที่สับสน

ซือมั่วค่อยๆ เอ่ยว่า “คนที่มอบอายุขัยจำเป็นต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเสี่ยวเกอเอ๋อร์โชควาสนาเชื่อมต่อกัน”

“เช่นนั้นข้าก็ทำได้!” มู่เสวี่ยอูรีบเอ่ยปาก นางทนไม่ได้ที่จะให้มารดามอบอายุขัยออกไปและก็ทนไม่ได้ที่จะให้พี่สาวนอนหลับไม่ตื่นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้นางทำเถอะ

“ถึงข้าจะเป็นตา แต่ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเช่นเดียวกัน ให้ข้าทำเถอะ” ซางซุ่นหวางเอ่ย

“ไม่! ให้ข้าทำ ข้าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเกอเอ๋อร์ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าข้าอีกแล้ว” ซางหลันรั่วเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว

ซือมั่วมองไปที่นางแล้วพูดว่า “แน่นอน อายุขัยของบิดามารดานั้นเข้ากับบุตรได้ดีที่สุด และก็สามารถลดความเสี่ยงได้”

ซางหลันรั่วพูดอย่างยินดีว่า “ไม่ต้องลังเลแล้ว บอกข้ามาเถอะว่าจะช่วยเกอเอ๋อร์ได้อย่างไร”

“ท่านแม่ ร่างกายของท่านเพิ่งจะฟื้นฟู ให้ข้าทำเถอะ ข้าเป็นน้องสาวของลูกพี่ มีสายเลือดเกี่ยวพันธ์กับนางเช่นเดียวกัน” มู่เสวี่ยอู่เอ่ยโน้มน้าวใจ

ซางหลันรั่วกลับส่ายหน้า ”ใต้เท้าท่านนี้ได้พูดแล้วว่า บิดามารดานั้นเหมาะสมที่สุด ตอนนี้บิดาของเจ้ายังไม่ฟื้น จำเป็นต้องให้ข้าผู้เป็นมารดารับผิดชอบ เรื่องนี้ ไม่มีอะไรต้องพูดอีก”

“ดีมาก คนอื่นๆ ออกไปก่อน” ซือมั่วสั่งการทุกคน

“หลันรั่ว เจ้า!”

“ท่านแม่ ร่างกายของท่าน…”

ซางซุ่นหวางและมู่เสวี่ยอู่ล้วนแต่พูดอย่างร้อนใจ

“ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่อายุขัยบางส่วนเท่านั้นเอง” ซางหลันรั่วกลับไม่ได้ใส่ใจ ทั้งยังเร่งให้ทุกคนรีบออกไป รอจนทุกคนออกไปหมดแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงซือมั่ว ซางหลันรั่วและมู่ชิงเกอสามคน

ซือมั่วถึงได้พูดกับซางหลันรั่วว่า “เจ้าอยู่ระดับสีเงินชั้นหนึ่ง ตามที่ข้าดูแล้วอายุขัยก็ถือว่าไม่มาก คิดจะใช้อายุขัยปลุกเสี่ยวเกอเอ๋อร่ให้ตื่น อย่างน้อยก็ต้องใช้อายุขัยของเจ้าพันปี”

“ไม่ต้องพูดมากความ เจ้าเพียงแต่บอกข้าว่าข้าต้องทำอย่างไรก็พอ” ซางหลันรั่วส่ายหน้า นางไม่สนใจว่าหลังจากที่ตนเองสูญเสียอายุขัยพันปีนี้ไปแล้วจะสามารถอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไหร่ นางเพียงแต่อยากจะช่วยลูกของตนเองเท่านั้น

ซือมั่วมองไปยังมู่ชิงเกอ ปลายนิ้วเรียวยาวม้วนเส้นผมสีเงินของนางขึ้นมา “อายุขัยพันปีทำได้เพียงแค่แลกอายุขัยสิบปีของนางให้คืนกลับมา รวมกับที่นางเหลืออยู่ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ฟื้นให้นางฟื้นขึ้นมาได้”

“พันปีแลกสิบปี!” ซางหลันรั่วตกตะลึง นางพูดอย่างร้อนใจว่า “เช่นนั้นต่อไปล่ะ? หรือว่าเกอเอ๋อร์จะมีอายุสั้นๆ เพียงแค่สิบปีอย่างนั้นหรือ?”

ซือมั่วเงยหน้ามองนาง “รอเสี่ยวเกอเอ๋อร์ตื่นขึ้นแล้ว ก็จะฝึกปรือพลังเอง เพียงแค่นางทะลวงระดับขึ้นไปเรื่อยๆ อายุขัยก็จะกลับมาเอง”

“เช่นนั้นก็ดี” ซางหลันรั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก

นางไม่สนใจว่าอายุขัยพันปีของตนเองจะแลกได้เพียงแค่อายุขัยสิบปีของมู่ชิงเกอ นางเพียงแค่อยากจะให้ลูกของตนเองมีชีวิตอยู่อย่างดีก็เท่านั้น

“นั่งลง” ซือมั่วเอ่ย

ซางหลันรั่วนั่งสมาธิลง

“เจ้าเพียงแต่ต้องตั้งสมาธิเท่านั้น ที่เหลือข้าจะจัดการเอง” ซือมั่วเอ่ยกับนาง

ซางหลันรั่วพยักหน้า นัยน์ตาฉายแววขอร้อง “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ขอร้องล่ะ จะต้องทำให้เกอเอ่อร์ฟื้นขึ้นมาให้ได้ หากว่าอายุขัยพันปีไม่พอ ต้อง การเท่าไหร่เจ้าก็เอาไปได้เลย แม้ว่าจะเป็นทั้งหมดก็ได้!

ซือมั่วไม่ได้พูดอะไร

ซางหลันรั่วมองมู่ชิงเกออย่างอาลัยอาวรณ์แวบหนึ่ง แล้วถึงได้หลับตาลง ตั้งสมาธิ

หลังจากนางเตรียมพร้อมแล้ว ซือมั่วก็ท่องคาถาโบราณออกมา เกิดพลังขึ้นบนนิ้ว ในตอนที่บนนิ้วทั้งคู่ของเขาเกิดไอพลังสีดำขึ้นนั้น เขาก็ยิงไอพลังสีดำเข้าไปในร่างกายของซางหลันรั่ว

จากนั้นลูกบอลแสงสีแดงก็ถูกดึงออกมาจากจิตวิญญาณของซางหลันรั่ว ลูกบอลสีแดงนั้นลอยตัวอยู่บนศีรษะของซางหลันรั่ว บนนั้นยังมีเส้นสายสีแดงเกี่ยวโยง

ซือมั่วดึงเส้นสายส่วนหนึ่งบนลูกบอลสีแดงเข้าไปยังหว่างคิ้วของมู่ชิงเกอ ลูกบอลสีแดงหมุนวนอย่างต่อเนื่อง เส้นสายสองเส้นที่เชื่อมโยงระหว่างซางหลันรั่ว

และมู่ชิงเกอ คอยส่งอายุขัยไปอย่างต่อเนือง จากนั้นใบหน้าของซางหลันรั่วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแก่ชรา จอนผมกลายเป็นสีขาว สีผมก็มืดทึบลง

ในตอนที่อายุขัยพันปีถูกส่งออกไปแล้วนั้น ซางหลันรั่วก็ได้กลายเป็นคนแก่ไปเสียแล้ว เพียงแต่ยังคงมองเค้าโครงใบหน้าของนางออก

แต่มู่ชิงเกอกลับยังไม่ตื่นขึ้น

ซือมั่วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ดึงเอาอายุขัยของซางหลันรั่วมาอีกสามร้อยปี ทำให้ในตอนนี้นางเหลืออายุขัยไม่ถึงร้อยปีเท่านั้น

ซือมั่วเอาลูกบอลสีแดงดีดกลับคืนสู่ร่างกายของซางหลันรั่ว ทันใดนั้นนางก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที

“ว่ากันว่า เมื่อเติมอายุขัยเข้าไปแล้ว เจ้าก็จะตื่นขึ้นมาทันที เหตุใด…” ซือมั่วมองดูมู่ชิงเกอ นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิด

เขาวางมือไว้บนชีพจรของมู่ชิงเกอ ส่งกลิ่นอายของตนเองเข้าไปในร่างกายของนางเพื่อค้นหา แต่ว่าเพิ่งจะเข้าไปไม่นานก็ถูกดีดกลับออกมา

ภายในนัยน์ตาของซือมั่วฉายแววตกตะลึง ดวงตาสีอำพันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แล้วถึงได้ทอดถอนใจว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้านี่…เพราะโชคร้ายถึงได้รับ โชคดีแท้ๆ!”

ในที่สุดประตูห้องที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออกมา ซือมั่วยืนอยู่ในประตู มองไปยังบรรดาคนที่รออยู่อย่างร้อนใจ

ในที่สุด สายตาของเขาก็ตกไปอยู่ที่ร่างของมู่เสวี่ยอู่ “มารดาของเจ้าสลบลงไปเพราะว่าถูกดึงเอาอายุขัยออกมา นำกลับไปดูแลพักผ่อน หากว่ามีของอะไรที่จะ ช่วยเสริมอายุขัยก็สามารถเอามาให้นางใช้ได้”

มู่เสวี่ยอูรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ในตอนที่นางเห็นซางหลันรั่วที่เปลี่ยนจากผู้หญิงที่งดงามกลายเป็นคนแก่แล้ว ก็ปวดใจจนพูดไม่ออก

นางฝืนความเจ็บปวดในใจ โอบเอาซางหลันรั่วออกมา

ในตอนที่ซางหลันรั่วปรากฎขึ้นต่อหน้าของทุกคนนั้น ก็ทำให้ทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงจนหน้าถอดสี

“หลันรั่ว!” ซางซุ่นหวางมองไปยังบุตรสาวที่ดูแก่ชรา เสียยิ่งกว่าตนเองแล้วก็ปวดใจดุจดั่งโดนมีดแทง

“ท่านตา ข้าจะพาท่านแม่ไปพักผ่อนก่อน” มู่เสวี่ยอู่ข่มกลั้นเสียงสะอื้น รีบพาซางหลันรั่วจากไป

ซางซุ่นหวางซวนเซไปสองก้าว รอจนได้สติกลับมาแล้ว ถึงได้รีบเอ่ยถามว่า “เกอเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง? ฟื้นหรือยัง?”

เขาหวังว่าหลังจากมู่ชิงเกอฟื้นขึ้นแล้วจะสามารถรับรู้ได้ว่าซางหลันรั่วนั้นเสียสละเพื่อนาง ให้นางยอมรับมารดาผู้นี้ด้วยความจริงใจ

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์…” ซือมั่วนิ่งไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “อีกไม่นานนางก็จะฟื้น”

พูดแล้ว เขาก็ปิดประตูดัง ‘ปัง’ ลงอาคมทั้งห้องเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้ และก็ปิดกั้นเสียงจากโลกภายนอกทั้งหมด

เขากลับมายังข้างกายของมู่ชิงเกอ ถอดรองเท้าออก แล้วก็นอนลงข้างกายของนาง โอบกอดนางเข้าสู่อ้อมอก แล้วจูบเข้าที่ผมสีเงินของนางพึมพำว่า ”เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้าช่างทำให้ข้าหวาดหวั่นใจได้ตลอดเวลาจริงๆ อย่ากังวลไป ข้ามาแล้ว หลับให้สบาย หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างก็จะผ่านไป”

มู่ชิงเกอดูเหมือนกับตกอยู่ในความฝัน นางฝันว่าตนเองได้เข้าไปอยู่ในโลกที่มีแสงสีทองวาววาบ

ภายในฝันนั้น นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้สร้างรูปร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เลือดไหลกลับเข้ามาในร่างกายของนางใหม่ จากนั้นก็ทำให้นางมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้น นางก็มองเห็นเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนอยู่หลายต่อหลายครั้ง มือนางมองวิธีฝึกฝนเหล่านั้นอีกครั้ง กลับไม่ได้คิดว่ามันยากที่จะเข้าใจอีกแล้ว เพียงแวบเดียวก็

นางควบคุมตนเองไม่อยู่ฝึกฝนตามไป และก็ไม่ได้รู้สึกว่าภายในร่างกายของตนเองจะเกิดการระเบิดอีก แต่กลับรู้สึกว่าพลังของตนเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

พลังที่ได้มาจากการฝึกฝนเหล่านั้น เข้าชำระล้างเส้นเลือดชีพจรของนางเรื่อยๆ แม้แต่ผิวหนังและเลือดเนื้อของนางก็ไม่เว้น นางรู้สึกได้ถึงว่าการฝึกฝนเช่นนี้ ทำให้ร่างกายของนางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้มีความคิดว่านางสามารถใช้หมัดเดียวทะลวงฟ้าได้ เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้นางก็ทำตามภายในฝัน นางมองไปที่หมัดของตนเอง เมื่อชกออกไป พลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งก็ถูกชกออกจากหมัดของนางพุ่งโจมตีไปยังโลกในความฝัน

บึ้ม!

โลกในความฝัน เต็มไปด้วยรอยแตก ตกลงมาเป็นชิ้นๆ เหมือนกับเศษกระจกแตก

มู่ชิงเกอลืมตาตื่นชิ้นมาในทันที บรรยากาศตรงหน้าทำ ให้นางมึนงง ความดุดันในแววตาค่อยๆ กระจายหายไป

ทันใดนั้น กลิ่นอายที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในจมูก นางหันมองออกไป กลับมองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่คืบ

“ซือมั่ว!” มู่ชิงเกอร้องออกมาเบาๆ อย่างประหลาดใจ ยื่นมือออกไปลูบแก้มของเขา

ขนตาเรียวยาวดุจดงพัดขยับไหวเบาๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีอำพัน มองเห็นมู่ชิงเกอที่กำลังมองตนเองอย่างแปลกใจแล้ว เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้ว”

“เจ้า…เจ้ามาได้อย่างไร…” มู่ชิงเกอรู้สึกมึนงง

ในหัวของนาง ปรากฎความทรงจำอันหนึ่งขึ้นมา นางจำได้อย่างชัดเจนว่าตนเองยังอยู่ในหานชุ่นสู้ตายกับมู่เทียนอิน เหตุใดเพียงพริบตาเดียวกลับมานอนอยู่บน เตียงกับซือมั่วได้?

ไม่รอให้ซือมั่วอธิบาย มู่ชิงเกอก็ลุกขึ้นมามั่งบนเตียง ผมยาวของนางตกลงมาตามการเคลื่อนไหว ผมยาวนั้นเรียบลื่นประดุจเส้นไหม สีดำเงางามยิ่ง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!