ตอนที่ 364
ดูความคึกคักไม่สนใจว่าเรื่องจะใหญ่
รอยยิ้มบนใบหน้าของจีเหยาฮั่วค่อยๆ สลายหายไป ในที่สุดก็ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง นั่งยองๆ ลงกับพื้น
“เป็นอันดับสองบนทำเนียบชิงอิงแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เป็นตระกูลจีแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ในเวลาที่สำคัญแม้แต่ชีวิตของน้องสาวตนเองยังคุ้มครองไม่ได้” จีเหยาฮั่วยิ้มอย่างขมขื่น
อิ๋งเจ๋อคิดอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ถึงตนเองจะพูดอะไรออกไปก็ล้วนแต่ไม่มีประโยชน์จึงปิดปากนิ่งเงียบต่อ
ในความเป็นจริงนั้น เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านจีเทียนเทียน เพียงแต่ไม่ได้มีความรู้สึกใจเต้นก็เท่านั้น
ดังนั้น เขาไม่ได้คิดจะหลอกใคร
“บางทีอาจยังมีวิธีอื่น” มู่ชิงเกอก้มหน้ามองจีเหยาฮั่ว แล้วเอ่ยปลอบใจ
จีเหยาฮั่วกลับส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “ยังจะมีวิธีอะไรอีก? ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์กู่เฉ่าก็เคยพูดว่าหากสามารถปรุงยากลืนอินขึ้นมาได้ ก็จะสามารถรักษาปัญหาในร่างกายของเทียนเทียนได้อย่างเด็ดขาด…”
“ยากลืนอิน?” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง พึมพำออกมาเสียงเบา
แต่ว่าจีเหยาฮั่วกลับกำลังจมอยู่กับความคิดของตนเอง จึงไม่ได้สังเกตเห็น กลับเป็นอิ๋งเจ๋อที่ได้ยินแล้วมองไปยังมู่ชิงเกอ
“แต่ว่า ยากลืนอินนี้กลับเป็นเทียบยาโบราณและก็ได้หายสาบสูญไปนานแล้ว ปรมาจารย์กู่เฉ่าได้พลิกหาบันทึกทั่วทั้งสำนักวิถีโอสถก็หาไม่เจอ สุดท้ายถึงได้คิดมาถึงวิธีบำเพ็ญคู่นี้ขึ้นมา” จีเหยาฮั่วพูดจบแล้วก็คอตกลงไปอีกครั้ง
“เจ้าเคยได้ยินชื่อยากลืนอินด้วยงั้นหรือ?” ทันใดนั้น เสียงของอิ๋งเจ๋อก็ดังขึ้นบนหัวของจีเหยาฮั่ว เขาเงยหน้าขึ้นมา เดิมคิดว่าเขากำลังพูดกับตนเอง คิดไม่ถึงว่าที่มองเห็นจะเป็นอิ๋งเจ๋อกำลังจ้องมองมู่ชิงเกออยู่
เวลานี้เอง จีเหยาฮั่วถึงได้สังเกตเห็นท่าทางเม้มปากครุ่นคิดของมู่ชิงเกอ
เขาลุกขึ้นยืนในทันทีเหมือนได้จิตวิญญาณกลับมา
“ใช่เหมือนมีความทรงจำเล็กน้อย” มู่ชิงเกอพยักหน้า ค่อยๆ เอ่ยออกมา
“ชิงเกอ เจ้าพูดอะไร?” จีเหยาฮั่วตื่นเต้นขึ้นมา ยื่นมือออกไปจะคว้ามู่ชิงเกอเข้ามา
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น ใช้นัยน์ตาที่สดใสจ้องมองตัวเขา พริบตาเดียวก็ทำให้เขาได้สติขึ้นมาจากอาการตื่นเต้น เก็บมือที่ยังยื่นออกไปไม่ถึงกลับ
มู่ชิงเกอมองจีเหยาฮั่วไม่ได้พูดออกไปในทันที
นางได้รับการสืบทอดมาจากเทพโอสถ นอกจากความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ และการปรุงยาแล้ว ยังมีเทียบยาต่างๆ ซึ่งในนั้นก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นเทียบยาที่เทพโอสถคิดค้นขึ้นมาเอง นางจดจำชื่อยากลืนอินนี้ได้อย่างเลือนราง
“เจ้าเคยพบยานั้นหรือไม่ หรือว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับเทียบยานี้หรือไม่? เจ้าลองคิดให้ดี” ในน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นของจีเหยาฮั่วสั่นไหวเล็กน้อย
เขาไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวของมู่ชิงเกอ เพราะว่าเขารู้ดีว่าลั่วซิงเฉิงของมู่ชิงเกอมักจะเปิดประมูลโอสถระดับเทวะชั้นสมบูรณ์ แม้แต่ร้านขายยาธรรมดาในเมืองก็ยังขายแต่ยาระดับสูงหรือระดับจิตวิญญาณ
‘เขาจะต้องมีแหล่งที่มาของยาเป็นพิเศษ! ไม่แน่ว่าอาจจะรู้จักอาจารย์ปรุงยาบางคน ส่วนอาจารย์ปรุงยาคนนั้นก็สามารถปรุงยากลืนอินได้พอดี หรือไม่ก็มีเทียบยาของยากลืนอินแล้วก็ถูกเขาพบเข้าโดยบังเอิญ!’ ยิ่งคิดจีเหยาฮั่วก็ยิ่งรู้สึกว่านี่มีโอกาสเป็นไปได้สูง เขาจ้องมองมู่ชิงเกอด้วยนัยน์ตาที่วาววาบ รอเขาตอบกลับ
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น มองไปยังจีเหยาฮั่วแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าจะเคยเห็นเทียบยานี้”
นางไม่เคยปรุงยากลืนอิน ยากลืนอินนี้อยู่ในเทียบยาที่เทพโอสถคิดค้นขึ้น และก็อยู่ในยาโอสถระดับเทวะที่ค่อนข้างปรุงได้ยาก
ปรับเปลี่ยนร่างกาย จะพูดจากมุมไหนก็ถือว่าเป็นการฝืนชะตาฟ้าเปลี่ยนชะตาชีวิต
“จริงหรือ! ดีจริง! เจ้ายังจำเทียบยากลืนอินได้หรือไม่? ถ้าหากเจ้าจำได้ช่วยข้าเขียนออกมาที ข้าจะรีบให้ตาเฒ่าส่งสารไปให้ปรมาจารย์กู่เฉ่าของสำนักวิถีโอสถ ขอให้เขาปรุงยาให้” จีเหยาฮั่วเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น
เดิมทีมู่ชิงเกอคิดจะปรุงยากลืนอินให้เขาเลย เพราะถึงอย่างไรไม่กี่วันนี้นางก็ต้องปรุงยาเพื่อเตรียมตัวไปสนามรบโบราณของเทพมารอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจีเหยาฮั่ว จะเพียงแค่ต้องการเทียบยาจากนาง ส่วนคนที่จะปรุงยานั้นมีแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ไม่ได้ฝืนขอปรุงยา เพียงแค่พยักหน้าเอ่ยกับเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าข้าจะเขียนเทียบยาให้เจ้า”
“ชิงเกอ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราตระกูลจี! และก็มีผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเทียนเทียน! หากไม่ใช่ว่าในใจของนางมีเจ้าของแล้ว ข้าก็จะต้องให้นางมอบกายตอบแทนเจ้าแน่นอน!” เมื่อความกังวลในใจถูกคลายลง จีเหยาฮั่วก็กลับคืนสู่นิสัยเดิม
มู่ชิงเกอหัวเราะเอ่ยว่า “อย่าเลย เจ้าไม่ใช่ว่าได้พูดแล้วว่า นางก็ถือเป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน ข้าก็เพียงแต่บังเอิญรู้เทียบยาแล้วเขียนออกมาเท่านั้น ไม่ได้ท่าอะไร”
“ก้าวที่สำคัญที่สุด ล้วนแต่เป็นผลงานของเจ้า สรุปแล้วตระกูลจีของพวกเรา ข้า ตาเฒ่าบ้านข้าและก็เทียนเทียนจะไม่มีวันลืมเลือน” จีเหยาฮั่วเอ่ย
เช้าวันที่สอง จีเหยาฮั่วก็มาปรากฎตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องมู่ชิงเกออย่างตรงเวลา รอจนเขาเปิดประตูออกมา แล้วก็มองเห็นจีเหยาฮั่วกำลังยิ้มอยู่ทันที
“ชิงเกอ เป็นอย่างไรบ้าง?” จีเหยาฮั่วอดใจถามออกไปไม่ได้
มู่ชิงเกอยิ้มเล็กน้อย “ก็ถือว่าไม่ทำให้ผิดหวัง”
พูดแล้ว นางก็เอาเทียบยาที่เขียนไว้ดีแล้วออกมายื่นให้แก่จีเหยาฮั่ว
จีเหยาฮั่วดุจดั่งได้รับสมบัติ รับมาอย่างระมัดระวัง หลังจากเก็บไว้ดีแล้วค่อยเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ชิงเกอ บุญคุณครั้งใหญ่ไม่กล่าวคำขอบคุณ สรุปว่าหากภายหน้ามี อะไรสั่งก็บอกได้เลย ถึงจะต้องบุกนํ้าลุยไฟข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”
“เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” มู่ชิงเกอส่ายหน้าเอ่ย
จีเหยาฮั่วกลับเอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “สำหรับเจ้าอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องช่วยชีวิต เอาละ ข้าไม่พูดกับเจ้าต่อแล้ว ข้าจะรีบไปหาตาเฒ่าเพื่อคุย เรื่องขอเชิญปรมาจารย์กู่เฉ่า ใช่แล้วข้าได้สั่งให้คนจัดของว่างเอาไว้ ครู่หนึ่งจะส่งมาให้เจ้า ส่วนเจ้าอิ๋งเจ๋อนั้นไม่มีส่วน!”
พูดจบแล้วเขาก็หายตัวไปจากตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
“ไม่มีอะไร?” จีเหยาฮั่วเพิ่งจะไป อิ๋งเจ๋อก็เดินเข้ามาแล้วก็ได้ยินเพียงแค่ครึ่งประโยค
มู่ชิงเกอไม่ได้อธิบายให้เขาฟัง เพียงแค่มองเขาแล้วยิ้ม ถามว่า “เจ้าคงไม่ใช่ว่ามาถามข้าว่าเขียนเทียบยาเสร็จหรือยังกระมัง?”
อี้งเจ๋อกลับพยักหน้า “แต่ว่า ในเมื่อจีเหยาฮั่วเพิ่งจะออกจากที่นี่ไป คิดว่าคงได้รับไปแล้ว”
จีเหยาฮั่วจากไปครู่ใหญ่แล้วถึงได้กลับมาอย่างมีชีวิตชีวา
เขาเรียกตัวมู่ชิงเกอและอี้งเจ๋อออกมานั่งบนเก้าอี้หินใต้ต้นไม้ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ตาเฒ่าได้ตัดสินใจแล้วว่าจะนำเทียบยาไปยังสำนักวิถีโอสถหาปรมาจารย์กู่เฉ่าด้วยตนเอง เดินทางไปครั้งนี้ก็จะพาเทียนเทียนไปด้วย”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเอ่ยว่า “เช่นนั้นดีมาก ในสำนักวิถีโอสถมีอาจารย์ปรุงยาจำนวนมาก โอกาสที่จะปรุงสำเร็จมีมากกว่า คุณหนูจีกินยาอยู่ที่นั้นก็มีอาจารย์ปรุงยาคอยดูแลจะได้ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย”
“ตาเฒ่าบ้านข้าก็คิดเช่นนั้น” จีเหยาฮั่วพยักหน้าเอ่ยออกมา
จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “ตาเฒ่าบ้านข้ายังฝากคำขอบคุณมาให้เจ้า เดิมคิดอยากจะจัดเลี้ยงขอบคุณเจ้าดีๆ สักรอบ แต่ข้ารู้นิสัยของเจ้าดีว่าน่าจะไม่ชอบงานเลี้ยง สังสรรค์เช่นนั้น จึงช่วยเจ้าปฏิเสธไป แต่เขากลับพูดว่า รอเขากลับมาจากสำนักวิถีโอสถจะจัดเตรียมของขวัญส่งไปแสดงความขอบคุณเจ้าถึงลั่วซิงเฉิง ทั้งยังให้ สัญญาว่าตระกูลจีติดหนี้บุญคุณเจ้าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเวลาไหนก็มีผล”
“ประมุขตระกูลจีเกรงใจเกินไปแล้ว” มู่ชิงเกอยิ้มเอ่ยออกมา
จีเหยาฮั่วกลับยิ้มอย่างยินดี “เจ้าก็ไม่ต้องไปเกรงใจตามเขา ในเมื่อตาเฒ่าพูดคำเช่นนี้ออกมาก็จะไม่คืนคำแน่นอน ไม่กี่วันนี้เจ้าก็สามารถคิดดูดีๆ ว่าต้องการอะไร หรือไม่ข้าจะพาเจ้าได้เดินดูคลังเก็บสมบัติภายในตระกูลรอบหนึ่ง หากว่าเจ้าถูกใจอะไร ก็เอาออกมาได้เลย”
มู่ชิงเกอยิ้มด่าออกมาว่า “เจ้าช่างใจกว้างยิ่งนัก ไหนเลยจะมีคนเช่นเจ้าพาคนเข้าไปขนสมบัติในคลังเก็บสมบัติของตระกูล?”
จีเหยาฮั่วยิ้มเอ่ยว่า “และก็เป็นเพราะเจ้า หากว่าเปลี่ยนเป็นอีกคน”
เขาเหลือบมองอิ๋งเจ๋อ สบถอย่างหยิ่งยโสว่า “หากเปลี่ยนเป็นอีกคนก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้”
มุมปากของมู่ชิงเกอฉีกออกเล็กน้อย ส่ายหน้ายิ้มบางๆ
เวลานี้เอง สายลมหอมกรุ่นสายหนึ่งก็พัดเข้ามา ทั้งสามคนเงยหน้ามองออกไป ก็เห็นจีเทียนเทียนเดินมากับสาวใช้
นางก้าวเดินเบาๆ เรือนร่างสง่างาม เข้ากับชื่อ ‘เทียนเทียน’ ที่แปลว่าสง่างามมาก
นางเดินเข้ามาแล้วก็คำนับทั้งสามคนแล้วก็เดินไปด้านหน้าของมู่ชิงเกอ คุกเข่าโขกหัว
ภายใต้ความแปลกใจของมู่ชิงเกอ เดิมคิดจะหลบหลีก แต่จีเหยาฮั่วกลับเอ่ยว่า “เจ้าให้นางทำเถอะ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของนาง หากว่านางไม่คารวะขอบคุณเจ้า นางก็จะไม่สบายใจ”
มู่ชิงเกอหมดทางเลือก ทำได้เพียงแต่รับการโขกศีรษะ จากจีเทียนเทียนสามครั้ง
หลังจากจีเทียนเทียนโขกศีรษะสามครั้งแล้ว นางก็ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น มองไปยังมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณเจ้าเมืองมู่ที่ช่วยชีวิต เทียนเทียนได้ยินมาจากบิดาแล้วว่าเป็นเจ้าเมืองมู่มอบเทียบยากลืนอินให้ พรุ่งนี้เทียนเทียนก็ต้องตามบิดาไปสำนักวิถีโอสถแล้ว รอเทียนเทียนรักษาตัวจนหายดีแล้วจะตั้งใจเต็มที่เพื่อตอบแทนบุญคุณเจ้าเมืองมู่”
มู่ชิงเกอพยุงนางขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบากแล้วเอ่ยกับนางว่า “คุณหนูจีไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้ากับพี่ชายของเจ้าก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นอะไร หากว่าเจ้าแน่วแน่จะตอบแทนบุญคุณให้ได้กลับทำให้ข้าทำตัวไม่ถูกแล้ว”
เทียนเทียนขบริมฝีปากยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเมืองมู่โปรดวางใจ หัวใจข้านั้นมีเจ้าของแล้ว จะไม่เอาตัวเข้าตอบแทนอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าเมืองมู่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าข้าจะไปพัวพัน แต่ว่านอกจากเอาตัวเข้าตอบแทนแล้ว เทียนเทียนก็จะหาวิธีตอบแทนอย่างอื่น บิดาสั่งสอนพวกเราเสมอว่า ได้รับบุญคุณจากคนต้องจดจำ และตอบแทน ดังนั้นเทียนเทียนจะต้องตอบแทนบุญคุณแน่นอน”
พูดแล้ว นางก็ลอบมองอิ๋งเจ๋อแวบหนึ่ง
เพียงแต่ว่าอิงเจ๋อกลับดูเคร่งขรึม มองถึงอารมณ์ไม่ออก
ยิ่งได้สนิท มู่ชิงเกอก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาผู้นี้ นางชอบอิ๋งเจ๋อและก็แสดงออกมาตรงๆ และก็ไม่ได้ทำให้คนเกิดความรังเกียจ
คิดไปถึงการฝากฝังของจีเหยาฮั่วก่อนหน้านี้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอก็กลอกไปมาแล้วก็เผยร่องรอยของความเจ้าเล่ห์ เอ่ยกับจีเทียนเทียนว่า “ประมุขน้อยอิ๋งก็เป็นห่วงเจ้ามาก ตั้งแต่เช้าตรู่ก็มาถามข้าว่าเขียนเทียบยาไปถึงไหนแล้ว บุญคุณนี้เจ้าก็จดเอาไว้ด้วย”
เสียงของนางเพิ่งจะหลุดออกไป นัยน์ตาของจีเทียนเทียนก็ฉายแววยินดีออกมา ส่วนอิ๋งเจ๋อก็มองมู่ชิงเกอ อย่างตกตะลึง
จีเทียนเทียนคว้าจับโอกาสอย่างชาญฉลาด เอ่ยกับอิ๋งเจ๋อว่า “ลำบากประมุขน้อยอิ๋งต้องเป็นห่วงแล้ว”
อิ๋งเจ๋อตอบกลับไปว่า “ไม่จำเป็น”
จีเทียนเทียนไม่ได้รังเกียจสีหน้าเย็นชาของเขา เอ่ยต่อว่า “ถึงแม้ว่าอาการป่วยของเทียนเทียนจะมีทางรักษาแล้ว แต่เรื่องที่ประมุขน้อยอิ๋งรับปากข้าไว้เมื่อคืนก็ยังขอให้ทำต่อ”
“เรื่องอะไร?” อิ๋งเจ๋อเอ่ยด้วยสีหน้าทีดูมึนงง
จีเทียนเทียนยิ้มและเอ่ยว่า “ประมุขน้อยอิ๋งรับปากว่าจะมาเยี่ยมเทียนเทียนบ่อยๆ ในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่”
อา…ดูเหมือนว่าได้รับปากไปแล้ว
สีหน้าของอิ๋งเจ๋อดูอึดอัดมาก
จีเหยาฮั่วรีบฉวยโอกาสเอ่ยว่า “ไม่ผิด ไม่ผิด! เมื่อคืนข้ากับชิงเกอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เจ้าเป็นผู้ชายทั้งยังเป็นถึงประมุขน้อย คงไม่ดีหากจะคืนคำ”
อิ๋งเจ๋อเหมือนคิดที่จะอธิบายอะไร แต่จีเทียนเทียนก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “ประมุขน้อยอิ๋งวางใจ เทียนเทียนยังคงไม่ บังคับท่านเช่นเดิม หากว่าท่านไม่ชอบเทียนเทียนไป ตลอดชีวิต หรือว่าพบเจอผู้หญิงที่ชอบ คำสัญญานี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดไปเป็นอย่างไร?”
“เฮ้ ประมุขน้อยอิ๋ง คนเขาคุณหนูใหญ่ตระกูลจีได้พูดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็อย่าได้โต้แย้งอีกเลย” ภายใต้การลอบส่งสัญญาณลับจากจีเหยาฮั่ว ในที่สุดมู่ชิงเกอก็ใส่ไฟเข้าไปอีก