Skip to content

พลิกปฐพี 395

ตอนที่ 395

จับเป็นตัวประหลาดตัวใหญ่

ภายในสนามรบโบราณอันว่างเปล่า มีเงาร่างสูงเพรียวสองร่าง พยุงกันและกันค่อยๆ เคลื่อนไหว

ท่าทางของพวกเขาดูทุลักทุเลเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าบนตัวขาดหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง

“พักผ่อนสักครู่เถอะ” จีเหยาฮั่วมองเห็นหินสีดำด้านหน้าแล้วก็พูดกับอิ๋งเจ๋ออย่างทนไม่ไหว

อิ๋งเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น พยักหน้าสายตาก็มองไปที่ก้อนหินสีดำก้อนนั้นเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังก้อนหินสีดำก้อนนั้น ระยะทางสั้นๆ แต่กลับดูเหมือนห่างไกลมาก ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินมาถึงตรงหน้าของก้อนหินสีดำ

ปล่อยมือที่พยุงลงพร้อมกัน ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนล้วนแต่ขาอ่อนในทันที นั่งกองอยู่บนพื้น พิงหินสีดำก้อนนั้น

“อา! ในที่สุดก็ได้พักสักหน่อยแล้ว” จีเหยาฮั่วถอนหายใจเอ่ยออกมา บนมือที่เต็มไปด้วยเลือดยังคงจับมีดสั้นเล่มหนึ่งไว้แน่น

อิ๋งเจ๋อนั่งอยู่ข้างกายของเขา แม้ว่าจะไม่ได้พูดจา แต่ความรู้สึกของเขาก็เหมือนกันกับจีเหยาฮั่ว

“ตัวประหลาดที่น่าตาย! หากมาอีกตัวข้าจะฆ่าไม่ให้เว้นเลย!” เพิ่งจะหายใจได้ทั่วท้อง จีเหยาฮั่วก็พูดโม้ออกมา

อิ๋งเจ๋อมองเขา พูดออกมาอย่างจริงจังประโยคหนึ่งว่า “คำพูดเช่นนี้ขอให้เจ้าอย่าได้พูดอีก!”

เดิมทีพวกเขาก็จะไม่สะบักสะบอมเช่นนี้หรอก

วิธีของมู่ชิงเกอนั้นใช้ได้ดี บวกกับที่อิ๋งเจ๋อมีพละกำลังแห่งสายเลือดและก็มีจีเหยาฮั่วคอยล่อศัตรูอยู่ด้านหน้า หลังจากที่เขาใช้ท่าดวงตาเฟิ่งไปเกือบร้อยครั้งแล้ว ในที่สุดก็สามารถทำลายเกราะของโครงกระดูกสัตว์อสูรยักษ์ และฆ่ามันได้

หลังจากที่ทั้งสองคนร่วมใจกันจัดการตัวประหลาดยักษ์แล้ว จีเหยาฮั่วก็ยังไม่ยอมย้อนกลับไปหามีดสั้นที่เขาคิดจะมอบให้เทียนเทียนอีก

เรื่องนี้แต่เดิมก็ไม่มีอะไร เพียงแต่เจ้าบ้านี่หลังจากหามีดสั้นพบก็เริ่มคุยโวขึ้นมา

อ้าปากก็พูดว่า ‘โครงกระดูกสัตว์อสูรยักษ์อะไร! หากมาอีกตัวข้าก็จะตีจนมารดาเจ้าจำไม่ได้เลยทีเดียว!’

และหลังจากประโยคนี้หลุดออกไป แผ่นดินก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

ตรงหน้าของพวกเขามีโครงกระดูกสัตว์อสูรยักษ์โผล่ขึ้นมาอีกตัว ทั้งยังมองมายังพวกเขาทั้งสองคนด้วยความโมโห

หลังจากที่ทั้งสองคนผ่านการต่อสู้มาอย่างยากลำบากแล้ว จึงใช้วิธีเดิมฆ่าโครงกระดูกสัตว์อสูรยักษ์ แล้วถึงได้ออกจากสนามรบโครงกระดูกอันแปลกประหลาดนั้นมาอย่างทุลักทุเล

คำพูดของอิ๋งเจ๋อทำให้มุมปากของจีเหยาฮั่วกระตุก รีบหุบปากในทันที

“ไม่รู้ว่าชิงเกอและธิดาเทพซีเป็นอย่างไรบ้าง?” ครู่หนึ่งจีเหยาฮั่วก็อดทนเงียบต่อไปไม่ได้จึงเอ่ยปากขึ้นมา

เพียงแต่ครั้งนี้เขาได้เรียนรู้แล้ว และไม่ได้คุยโวอีก แต่คิดไปถึงเพื่อนอีกสองคนที่พลัดหลงกัน อิ๋งเจ๋อมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ได้อยู่กับเจ้า พวกเขาคงจะไม่สะบักสะบอมอย่างนี้แน่นอน”

จีเหยาฮั่วไม่พอใจ ถลึงตาใส่เขาแล้วเอ่ยว่า “นี่! อิ๋งเจ๋อ เจ้าพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร? จะอย่างไรพวกเราก็ร่วมใจกันฆ่าศัตรูนะ? อีกอย่างที่ต้องทุลักทุเลเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ความผิดของข้า แต่เป็นเพราะโครงกระดูกเหล่านั้นวิปริตเกินไปต่างหากเล่า” จีเหยาฮั่วเศร้าใจมาก คิดถึงเขาที่รูปร่างหล่อเหล่า องอาจกล้าหาญ มาตอนนี้กลับมีสภาพไม่แตกต่างไปจากเว่ยมั่วลี่แล้วก็ทำให้ในใจของเขาเกิดความหดหู่ขึ้น มา

ส่วนอิ๋งเจ๋อ เจ้าบ้านี่ไม่เพียงแต่ไม่ปลอบใจเขา แต่ยังซํ้าเติมเขาอีก!

ท่าทางของจีเหยาฮั่วดูปวดใจมาก ต้องการความรักและการปลอบโยน!

“พักผ่อนดีแล้ว พวกเราก็รีบไปหาพวกเขา” อิ๋งเจ๋อพูดตรงๆ ไม่สนใจความทุกข์ของเขา

ภายในสนามรบโบราณมีอันตรายมากมาย หากทั้งสี่คนรวมตัวกันแล้วจะสะดวกในการต้านรับมากขึ้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว จีเหยาฮั่วก็ไม่ได้เผยท่าทางอดสูออกมา ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่า “ตอนนี้ พวกเราเข้ามาที่นี่ได้กี่วันแล้ว?”

คำถามนี้ทำให้ทั้งสองคนเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างลืมตัว

ท้องฟ้าสีเทา ไม่มีกลางคืนกลางวัน แยกไม่ออกเลยว่าตอนนี้พวกเขาเข้ามาได้กี่วันแล้ว

อิ๋งเจ๋อถอนสายตากลับ หยิบอุปกรณ์คำนวณเวลาออกมาเงียบๆ

เข็มบอกวันเวลาเล่มหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

เขามองแวบหนึ่งก็เก็บกลับไป แล้วเอ่ยกับจีเหยาฮั่วว่า “สองเดือนเก้าวัน”

“สองเดือนเก้าวัน? เช่นนันก็หมายความว่า พวกเราเหลือเวลาเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดวันเท่านั้น!” จีเหยาฮั่วเอ่ย

อิ๋งเจ๋อพยักหน้าเงียบๆ

จีเหยาฮั่วขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “พวกเราเดินทางไปยังถํ้าที่เว่ยมั่วลี่อยู่กันเถอะ พวกเขาก็น่าจะมุ่งหน้าไปทางนั้นแล้ว”

ก่อนหน้านี้นั้นพวกเขามุ่งหน้าเข้าไปส่วนลึกของสนามรบโบราณก่อน ถึงแม้จะยังอยู่บริเวณชายขอบ แต่ก็ไปอย่างสะเปะสะปะ ตอนนี้เมื่อคำนวณเวลาแล้ว หากจะกลับไปถึงบริเวณทางออกก็ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบวัน นี่ยังไม่ได้นับว่าหากพบเจอเรื่องราวอะไรเหนือความคาดหมายอีก

คำพูดของจีเหยาฮั่วนั้นทำให้อิ๋งเจ๋อครุ่นคิดอย่างจริงจัง ในที่สุดก็พยักหน้าออกมา

“ได้ พวกเรามุ่งหน้าไปทางกลับ หวังว่าจะพบเจอพวกเขาระหว่างทาง” อิ๋งเจ๋อเอ่ย

อีกด้านของสนามรบ มู่ชิงเกอและซีเซียนเสวี่ยซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จ้องมองเงาร่างตัวประหลาดสีเขียวที่อยู่ไกลออกไป นี่เป็นตัวประหลาดกลุ่มที่สองที่พวกนางเจอ พูดตามจริงแล้วตัวประหลาดเหล่านี้ก็ดูน่าเกลียดเหมือนกันหมดจนมู่ชิงเกอก็ไม่รู้ว่าพวกมันใช่กลุ่มเดียวกับที่เคยพบครั้งแรกหรือไม่

ตัวประหลาดตรงหน้ามีตัวสั่งการเพียงแค่ตัวเดียว ส่วนมันก็แบ่งร่างออกมาเป็นแรงงานเพียงแค่ร้อยตัวเท่านั้น

ภายในนั้นมีอยู่ครึ่งหนึ่งที่โอบล้อมมัน ปกป้องมันเป็นชั้นๆ ส่วนตัวประหลาดตัวเล็กที่เหลือก็กระจายออกไปรอบด้านเพื่อค้นหาของที่พวกมันต้องการ

“พวกมันรวบรวมของเหล่านี้ไปทำอะไร?” ซีเซียนเสวี่ยถ่ายทอดเสียงไปถามมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่รู้ พวกเรายังรู้เรื่องของพวกมันน้อยเกินไป”

“พวกเรารออยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว จะเคลื่อนไหวอย่างไร?” ซีเซียนเสวี่ยถามไปอีกครั้ง

มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลงแล้วเอ่ยกับซีเซียนเสวี่ยว่า “ครั้งนี้ พวกเราต้องการตัวสั่งการตัวนั้นแบบเป็นๆ”

“จับเป็น!” ซีเซียนเสวี่ยเบิกตากว้าง

ใครก็รู้ว่าการจับเป็นนั้นยากกว่าฆ่าให้ตายมากนัก

มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตัวสั่งการนั้นเพียงแค่ฆ่าตายก็จะเปลี่ยนเป็นแห้งเหี่ยวทันที จากนั้นก็จะกลายเป็นฝุ่นผงสีเทา ดังนั้นจำเป็นต้องจับเป็นไปเท่านั้น เหล่าแรงงานก็ล้วนแต่เป็นมันที่แบ่งร่างออกมา ดังนั้นหากต้องการจะช่วยให้เว่ยมั่วลี่ฟื้นกลับคืนสู่ปกติ วิธีแก้ก็จะต้องอยู่บนตัวมัน พวกเราต้องจับเป็นๆ กลับไปตัวหนึ่ง”

เหตุผลนั้นไม่ผิด แต่ว่าซีเซียนเสวี่ยเอ่ยถามว่า “จะจับเป็นอย่างไร?”

มู่ชิงเกอหันมองนาง

เมื่อถูกสายตาอันสดใสของมู่ชิงเกอจ้องมองแล้ว ซีเซียนเสวี่ยก็ค่อยๆ เข้าใจความหมายของเขาขึ้นมา “ข้า?”

นางชี้นิ้วมือกลับไปที่ตนเอง

มู่ชิงเกอพยักหน้า สายตาของนางละออกจากใบหน้าของซีเซียนเสวี่ย มองไปยังตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้นใหม่ แล้วเอ่ยกับซีเซียนเสวี่ยว่า “อีกครู่ ข้าจะไปดึงดูดความสนใจของเหล่าแรงงานก่อน หลังจากล่อให้พวกแรงงานเหล่านั้นมา หมดแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสพุ่งออกไปจับเป็นตัวสั่งการตัวนั้น จำไว้ว่าอย่าทำร้ายมัน ทำให้มันสลบหมดสติก็พอ”

ซีเซียนเสวี่ยครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ได้”

หลังจากที่ทั้งสองวางแผนการรบเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอกับซีเซียนเสวี่ยก็แยกย้ายกันไปหาสถานที่ที่เหมาะสมเตรียมการเคลื่อนไหวของตนเอง

มู่ชิงเกอต้องล่อศัตรู แน่นอนว่าต้องอ้อมไปด้านหน้า อีกทั้งยังต้องสร้างระยะห่างจากซีเซียนเสวี่ย ซีเซียนเสวี่ยจะต้องลอบเข้าไปจับตัวหัวหน้า แน่นอนว่าต้องอ้อมไปด้านหลัง อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับมู่ชิงเกอ

ทั้งหมดดำเนินการไปด้วยความเงียบ

มู่ชิงเกอไปถึงจุดที่เหมาะสมก่อน ส่วนซีเซียนเสวี่ยก็อ้อมเข้าไปอยู่ด้านหลังของตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้นได้สำเร็จ

หลังจากเตรียมการดีแล้ว มู่ชิงเกอก็กำมือขวา ทวนหลิงหลงปรากฎขึ้นในมือของนาง นัยน์ตาของนางฉายแววเยียบเย็น กระโดดออกมาจากที่ซ่อน พุ่งเข้าไปยังตัว ประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

ตัวประหลาดตัวเล็กที่พบเจอนางก่อนรีบรายงานไปยังตัวประหลาดตัวใหญ่ทันที

ส่วนตัวประหลาดตัวใหญ่ตัวนี้ก็เหมือนกันกับตัวที่เคยพบตัวก่อนๆ เริ่มแรกก็ส่งให้ตัวประหลาดตัวเล็กสามตัว มาต่อกรกับมู่ชิงเกอ

แต่ตัวประหลาดตัวเล็กทั้งสามยังไม่ทันได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณ ก็ถูกมู่ชิงเกอใช้วิชาโจมตีในเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางฆ่าตายไป นางส่งเสียงออกไปเบามาก ส่วนขอบเขตก็จัดการเพียงแค่ตัวประหลาดตัวเล็กสาม ตัวที่พุ่งเข้ามาหานาง

ตัวประหลาดตัวเล็กสามตัวกลายเป็นของเหลวสีเขียวแล้วหายไปอย่างฉับพลัน สิ่งนี้ทำให้ตัวประหลาดตัวใหญ่สีหน้าเปลี่ยนไป รีบสั่งการให้ตัวประหลาดตัวเล็ก หลายตัวพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอทันที

ดูเหมือนนอกจากตัวประหลาดตัวเล็กครึ่งหนึ่งที่เฝ้าอยู่รอบกายของมันแล้ว ที่เหลือก็ล้วนแต่พุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ

การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซีเซียนเสวี่ยใช้พลังจิตสร้างเกราะคุ้มครองส่วนหัวของตนเองอย่างต่อเนื่อง อาศัยความชุลมุนลอบเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นตัวประหลาดตัวเล็กตัวหนึ่งก็มองมาทางที่นางอยู่ ซีเซียนเสวี่ยหมอบลงในทันใดซ่อนตนเองเอาไว้ ตัวประหลาดตัวเล็กกวาดตามองไปรอบหนึ่ง เมื่อไม่พบอะไรแล้วก็ถอนสายตากลับ

ซีเซียนเสวี่ยบุกเข้าไปอย่างระมัดระวังรอคอยโอกาสที่เหมาะสม

บนสนามรบทวนหลิงหลงในมือของมู่ชิงเกอกวาดตัวประหลาดตัวเล็กที่เข้ามาโจมตีนางให้กระเด็นลอยออกไปอย่างต่อเนื่อง การโจมตีทางจิตวิญญาณที่ตัว ประหลาดตัวเล็กส่งออกมาจากปากล้วนแต่ถูกนางขวางเอาไว้ได้หมด

เมื่อตัวสั่งการมองเห็นแรงงานของตนเองไม่สามารถทำอะไรมู่ชิงเกอได้แล้ว มันก็ทั้งโมโหทั้งร้อนใจ สะบัดมือออกมา สั่งให้ตัวประหลาดตัวเล็กอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่รอบกายของมันเข้าไปต่อสู้ด้วย

ตอนนี้ข้างกายของมันมีตัวประหลาดตัวเล็กคอยคุ้มกันอยู่เพียงแค่ยี่สิบกว่าตัวเท่านั้น

ส่วนมันก็จับจ้องมองไปยังมู่ชิงเกอไม่ได้สังเกตเห็นว่าด้านหลังมีคนลอบเข้ามาใกล้เลย

ซีเซียนเสวี่ยรู้ว่าหูของตัวประหลาดเหล่านี้ดีมาก ดังนั้นตลอดทางมานางจึงกลั้นหายใจเอาไว้ เดินอย่างระมัดระวังอีกทั้งยังใช้รากวิญญาณวารีสร้างชั้นนํ้าไว้ที่ใต้เท้าของนาง ทำให้ไม่เกิดเสียงยามนางเดิน

การต่อสู่ที่ดุเดือดของมู่ชิงเกอทำให้ชุลมุนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนซีเซียนเสวี่ยก็เข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

บรรดาตัวประหลาดตัวเล็กที่โอบล้อมตัวนางล้วนแต่กระเด็นลอยไป นี่ทำให้ตัวประหลาดตัวใหญ่ร้อนใจมาก มันกัดฟันแล้วส่งตัวประหลาดตัวเล็กอีกยี่สิบตัวเข้าสู่การต่อสู้อีก ส่วนข้างกายของตนเองนั้นเหลือเพียงแค่สี่ตัวเท่านั้น มู่ชิงเกอเหลือบตามองไปยังตำแหน่งที่มันยืนอยู่ กระตุกปากยิ้มเย็นขึ้น

“อง!” เสียงอันลึกลับถูกส่งออกมาจากปากของมู่ชิงเกอ

เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้วการเคลื่อนไหวของบรรดาตัวประหลาดตัวเล็กก็เปลี่ยนเป็นช้าลง จากนั้นมู่ชิงเกอก็ส่งเสียงออกมาอีกว่า “มู!”

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !

เสียงนี้ดุจดงเป็นลูกศรนับหมื่นที่ถูกส่งออกไปฆ่าตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นจนตายหมด

ฉากนี้ทำให้ตัวประหลาดตัวใหญ่ตกตะลึง

‘ตอนนี้แหละ!’

นัยน์ตาของซีเซียนเสวี่ยฉายแววอำมหิต ตวัดกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ตัวกระบี่ที่สว่างสดใสกลายเป็นสายนํ้ายาวม้วนเข้าไปยังตัวประหลาดตัวใหญ่

ตัวประหลาดตัวใหญ่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกสายนํ้าพันเอาไว้ กลายเป็นเหมือนรังไหมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกลากขึ้นไปกลางอากาศแล้วลอยมายังซีเซียนเสวี่ย ตัวประหลาดตัวเล็กทั้งสี่ตัวส่งเสียงร้องแหลมออกไปทิ่มแทงซีเซียนเสวี่ยจนปวดศีรษะ

ตัวประหลาดตัวเล็กทั้งสี่ตัวที่เหลืออยู่พยายามจะพุ่งเข้าไปหาซีเซียนเสวี่ย คิดจะแย่งหัวหน้าของพวกมันกลับคืนมา แต่มู่ชิงเกอก็มาได้ทันเวลา เข้าขวางตรงกลาง ระหว่างพวกมันและซีเซียนเสวี่ย กวาดทวนหลิงหลงออกไปเหวี่ยงพวกมันขึ้นไปกลางอากาศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!