ตอนที่ 401
คุกเข่าลง! ขอโทษ!
สีหน้าของอิ๋งชวนเปลี่ยนไปในทันที อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาไปให้ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลัง
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เขาก้าวออกมาบังอยู่ตรงหน้าของอิ๋งชวน เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เจ้าเมืองมู่! เรื่องที่ท่านตัดลิ้นคุณชายรองบ้านข้านั้น ประมุขน้อยก็ได้สะสางไปแล้ว พวกเราจึงไม่ได้ถือสาเอาความ ตอนนี้เหตุใดท่านจึงต้องเอาเรื่องครั้งก่อนมาพูด เพื่อกลั่นแกล้งคุณชายรองด้วย? อีกอย่าง ความขัดแย้งระหว่างท่านกับคุณชายรองนั้น คุณชายรองได้ปล่อยวางลงแล้ว มาสู่ขอคุณหนูเสวี่ยอู่ด้วยใจจริง ท่านพูดจาคุกคามคนเช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง!”
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งพูดอย่างมีเหตุมีผล ตามที่เขาเห็น ท่าทางของมู่ชิงเกอนั้นไร้มารยาทมาก ส่วนตระกูลอิ๋งของเขานั้นไม่ได้ถือสามาโดยตลอด ซึ่งถือว่าได้ไว้หน้าแล้ว
มู่ชิงเกอยกมุมปากยิ้มขึ้น รอยยิ้มดูดุดัน “หากเป็นตามที่เจ้าพูด ข้ายังต้องตื่นเต้นดีใจที่พวกเจ้ามาสู่ขอถึงบ้านด้วยงั้นหรือ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งแข็งค้าง ขมวดคิ้วขึ้นไม่รู้ว่าจะพูดตอบโต้อย่างไร
อิ๋งชวนหลบอยู่ด้านหลังของเขา หลุบตาลง ภายในดวงตาที่กลอกไปกลอกมาคู่นั้นฉายแววอำมหิต
เขาไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะอยู่ในตระกูลซาง ยิ่งไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะไม่ไว้หน้าตระกูลอิ๋งเช่นนี้!
มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินเข้ามา ทีละก้าวๆ จนมาถึงขอบบันได นางไม่ได้เดินลงมาแต่กลับก้มลงมองคนของตระกูลอิ๋งจากที่สูง ส่งสายตาดูแคลนแล้วเอ่ยว่า “น้องสาว ของข้าจะแต่งออกหรือไม่แล้วจะเป็นอย่างไร จำเป็นต้องให้ตระกูลอิ๋งของพวกเจ้ามาสู่ของั้นหรือ? พูดว่าไม่แต่งก็ คือไม่แต่ง แต่พวกเจ้ากลับยังพัวพันไม่หยุด อย่างไร? คิดจะเอาตระกูลอิ๋งมาบีบบังคับพวกเราอย่างนั้นหรือ? ยังคิดว่าตระกูลอิ๋งของพวกเจ้าสูงส่งจนทุกคนอยากจะปีนขึ้นไปอยู่งั้นหรือ มู่เสวี่ยอู่ไม่ยอมแต่ง พวกเจ้ารู้สึกว่าเสียหน้าจึงจะบังคับให้นางแต่งงานงั้นหรือ?”
พูดจบแล้ว ดวงตาของนางก็ฉายแววดุคัน บรรยากาศรอบกายเคร่งเครียดขึ้น มีความรู้สึกที่พร้อมจะต่อยตีได้ตลอดเวลา
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งที่แต่เดิมพูดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลนั้น มาตอนนี้กลับถูกกลิ่นอายของนางบีบจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาพูดอย่างตกตะลึงว่า “เจ้าเมืองมู่ ท่านพูดเช่นนี้ยุติธรรมดีแล้วงั้นหรือ? คุณชายรองบ้านข้าชอบคุณหนูมู่เสวี่ยอู่มาเนิ่นนาน ทุกคนต่างรู้ดี ตอนนี้ก็ยังมาสู่ขออย่างจริงใจ ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลอื่น หรือว่า เจ้าเมืองมู่ยังจะฝืนไม่ยอมอนุญาตให้คุณชายรองของข้าชอบคุณหนูเสวี่ยอู่อีกหรือ?”
ใครจะรู้ว่ามู่ชิงเกอจะตอบอย่างเรียบง่ายไปว่า “ไม่ผิด! ข้าไม่อนุญาต”
“เจ้า!” ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งโมโหจนหนวดกระตุก ลอบเอ่ยอย่างแค้นเคืองในใจว่า ‘ยโส! หยาบคาย! หยิ่งผยอง! เผด็จการ! ไม่มีอะไรดี!’
“อิ๋งชวน” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็มองไปยังอิ๋งชวนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง
อิ๋งชวนที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแค้นคิดอยากจะทรมานมู่ชิงเกอ เมื่อได้ยินเสียงเรียกสดใสดังขึ้นอย่างกะทันหัน ชั่วขณะนั้นก็เงยหน้าที่ซีดขาวขึ้นมา ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งมองเห็นท่าทางของอิ๋งชวนเป็นเช่นนั้น แล้วก็ทำให้ในใจก็ยิ่งอดทนไม่ไหว
สาขาหลักของพวกเขาตระกูลอิ๋งต้องรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร?
รอบด้านค่อยๆ ถูกมุงไปด้วยชาวเมืองฝูซาที่อยากรู้อยากเห็น สำหรับตระกูลซางนั้นพวกเขารู้จักดี ส่วนตระกูลอิ๋งแห่งภาคตะวันตก พวกเขาก็รู้ดีแก่ใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้สองตระกูลบรรพกาลปะทะกันอยู่ด้านหน้าประตู ไม่ไว้หน้ากันเลย ความคึกคักเช่นนี้พวกเขาจะพลาดไปได้อย่างไร?
“เห็นแก่หน้าของอิ๋งเจ๋อ รีบไสหัวออกไปจากเมืองฝูซาเดี๋ยวนี้ และต่อไปก็อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก และก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเสวี่ยอู่อีก มิเช่นนั้น ข้าสามารถตัดลิ้นของเจ้าได้ ก็สามารถควักดวงตาของเจ้า ตัดหูของเจ้า หรือกระทง…” มู่ชิงเกอเตือนด้วยนํ้าเสียงที่แข็งกร้าว นางมองอิ๋งชวน ทันใดนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา “เอาชีวิตเจ้า”
“มู่ชิงเกอ!” ได้รับการข่มขู่ไม่หยุดทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งพูดออกไปอย่างอดไม่ได้ คิดจะลงมือ เพียงแต่ว่าเขาเพิ่งคิดจะเคลื่อนไหว ก็ถูกสายตาอันเย็นชาของมู่ชิงเกอมองมา แล้วก็ถูกกล่าวเตือนอย่างดูแคลนว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้ อย่าลืมเสียเล่าว่าที่นี่คือเมืองฝูซา เป็นตระกูลซาง ท่านคิดว่าตนเองมีความสามารถมากพอที่จะมาเปิดศึกที่ตระกูลซางหรือ?”
เสียงของนางเพิ่งหลุดออกไป กลิ่นอายอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็ถูกส่งออกมาจากภายในตระกูลซางมุ่งตรงเข้าใส่ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งคนนั้น
สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งเปลี่ยนไปในทันที พลังจิตที่รวมรวมไว้ที่ฝ่ามือหายไปในพริบตา ‘ไม่ผิด! ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลซาง เริ่มเปิดศึกขึ้นที่นี่ก็ จะทำให้ตระกูลอิ๋งของพวกเขาลำบาก ดูแล้ววันนี้ทำได้ เพียงแต่ถอยออกไปก่อน หลังจากบอกเล่าเรื่องราวที่ เกิดขึ้นที่นี่ให้ประมุขตระกูลรับทราบแล้วค่อยตัดสินใจภายหลัง’ ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งมีสีหน้าดำทะมึน ดวงตาฉายแวววาววาบ ลอบคิดคำนวณในใจ
เขาเพิ่งจะสร้างบรรยากาศการต่อสู้ขึ้นแต่ก็ต้องเก็บถอยกลับไปในพริบตา แล้ว
ชั่วขณะนั้นก็ทำให้เกิดเสียงโห่ขึ้นท่ามกลางฝูงชน
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งที่ได้รับความเคารพมาโดย ตลอดมีสีหน้าบิดเบี้ยวเขียวคลํ้า
มุมปากของมู่ชิงเกอเกิดรอยยิ้มดูแคลนขึ้นมา มองไปยังอิ๋งชวนแล้วพูดต่อว่า “อิ๋งชวน เหตุใดเจ้าถึงมาสู่ขอนั้น ในใจของข้าและเจ้าต่างก็รู้ดี การละเล่นเด็กๆ พวกนั้นของเจ้า อย่ามาแสดงต่อหน้าข้าให้ข้าเสียสายตาเลย คิดจะให้ข้าเชื่อเจ้านั้น อย่างน้อยก็ต้องเก็บเอาความแค้นในดวงตาของเจ้ากลับไปก่อน!”
พูดแล้วนัยน์ตาของมู่ชิงเกอก็ฉายแววดูแคลนออกมา
อิ๋งชวนคิดว่าเขาแสดงอย่างแนบเนียนมาก? แต่ว่าต่อหน้าของมู่ชิงเกอ มันก็คือการแสดงของเด็กน้อยเท่านั้น ตัวตลกเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นลมอะไรขึ้นเลย
ตระกูลอิ๋งก็จะไม่มาเปิดศึกกับตระกูลซางหรือนางผู้ซึ่งเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพหนึ่งเดียวของโลกแห่งยุคกลางเพียงเพื่อคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งแน่!
ก่อนอื่นอิ๋งเจ๋อก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
เมื่อถูกมู่ชิงเกอมองออกแล้วอิ๋งชวนก็ไม่ได้ปิดบังอีก เขาเงยหน้าขึ้นมา ไม่เก็บงำความแค้นในดวงตาอีกต่อไป จ้องมองมู่ชิงเกออย่างอำมหิต
มู่ชิงเกอกลับหัวเราะเยาะอย่างไม่สนใจ “อย่างไร ในที่สุดก็ไม่เสแสร้งแล้วหรือ? แต่ก็ใช่ การแสดงของเจ้านั้นหลอกได้เพียงแต่คนโง่เท่านั้นแหละ”
คนโง่ที่นางพูดถึงนั้นหมายถึงใคร? นางไม่ได้พูดออกมา แต่ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งรู้ดี
เขามองอิ๋งชวนและก็ถูกความแค้นในดวงตาของเขาทำให้ตกใจ
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า เบื้องหลังการกระทำของอิ๋งชวน จะยังมีความคิดอื่นซ่อนอยู่อีก
ตอนนี้เมื่อมองเห็นท่าทางของเขาแล้ว ‘หรือว่าคุณชายรองไม่เคยลืมความแค้นที่ถูกตัดลิ้นเลย จึงฉวยโอกาสช่วงเวลาที่ประมุขน้อยไม่อยู่ คิดจะสู่ขอมู่เสวี่ยอู่เพื่อจะล้างแค้นและทรมานนาง?’
การคาดเดานี้ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งตะลึง
ส่วนในตอนนี้ อิ๋งชวนก็คว้าเอาบ่าวที่พูดแทนเขามาแล้วผลักออกไปด้านหน้า
บ่าวคนนั้นไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคงจึงล้มกองลงกับพื้น เขายังไม่ทันได้ยืนขึ้นมา ก็ถูกเตะก้น เมื่อเขาหันกลับไปมองก็พบเข้ากับท่าทางอันดุร้ายน่ากลัวของอิ๋งชวนพอดี ไม่ต้องให้อิ๋งชวนแสดงท่าทีอะไรอีกเขาก็เข้าใจแล้วว่า เขาคิดจะพูดอะไร
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากพื้นดิน รวมความกล้าตะโกนใส่มู่ชิงเกอ “ถูกเจ้ามองออกแล้วจะเป็นอย่างไร? ในครั้งนั้นเจ้าตัดลิ้นของข้า ตอนนี้ก็ต้องเอาน้องสาวของเจ้ามาชดใช้! ข้าต้องแต่งงานกับมู่เสวี่ยอู่ให้ได้ ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า เมื่อแต่งนางกลับไปแล้ว ข้าจะทรมานนางทุกวันทุกคืน ให้นางจะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้! และยังต้องให้เจ้าต้องทนดูน้องสาวของตนเองได้รับความอัปยศ ทรมานแต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือได้!”
“อู อู!” เมื่อบ่าวน้อยพูดจบ ปากที่ไม่มีลิ้นของอิ๋งชวนยังคงส่งเสียงหัวเราะอันน่าเกลียดออกมา
เขาไม่มีลิ้นแล้ว ทำให้ให้ส่งเสียงปกติออกมาไม่ได้ ท ได้เพียงแต่ส่งเสียงที่แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่ามันทิ่มแทงหูออกมา อีกทั้งทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นเพราะมู่ชิงเกอเป็นคนทำ
ความแค้นในดวงตาของอิ๋งชวนลุกโชนขึ้น
ตอนนี้เขาลืมไปแล้วว่า ตอนแรกที่เมืองอู๋อิ๋นนั้น เป็นเพราะเขาใช้วิธีที่ตํ่าช้าและพูดจาเลวร้ายต่อมู่ชิงเกอและมู่เสวี่ยอู่ก่อนถึงได้ถูกมู่ชิงเกอตัดลิ้นเพื่อเป็นการลงโทษ เพราะเหตุนั้นมู่ชิงเกอจึงรับสามกระบวนท่าจากอิ๋งเจ๋อเพื่อชำระบัญชีนั้นแล้ว
“น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
“เลวร้ายจริงๆ!”
“ตระกูลอิ๋งนี้พูดว่ามาสู่ขอ แต่กลับแอบซ่อนความคิดชั่วร้ายต่ำช้า เช่นนี้ไว้อีก” “คุณหนูเสวี่ยอู่ของพวกเราเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งของภาคตะวันตก ทั้งยังเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะ และยังอยู่บนทำเนียบฉูเฟิ่ง นิสัยก็ใจดีอ่อน โยน ไม่เคยดูแคลนพวกเราเหล่าชาวบ้าน คนดีเช่นนี้จะถูกคนเลวพรรค์นี้ทรมานได้อย่างไร?”
“ใช่! ไม่อาจยอมให้คุณหนูเสวี่ยอู่ได้รับความอับยศได้!”
“ไม่อาจแต่งกับตระกูลอิ๋งได้!”
ภายในชาวบ้านที่มุงดูถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ แต่เมื่อได้ยินถึงความคิดของอิ๋งชวนแล้ว ก็ล้วนแต่เข้าข้างมู่เสวี่ยอู่
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้วในใจก็ร้อนรนขึ้นมา คิดอยากจะพาอิ๋งชวนจากไป แต่ดูจากท่าทีแล้ว หากพวกเขาจากไปก็เหมือนกับเป็นการหนีน่ะสิ?
แต่อิ๋งชวนก็ได้ยอมรับด้วยตนเองแล้วว่าคิดอยากจะแต่งงานอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ ต่อไปพวกเขายังจะหาเหตุผลอะไรดีๆ ไปตอบโตได้อีก?
‘ช่างเป็นคนที่ไม่ทำอะไรคอยแต่จะสร้างปัญหาจริงๆ!’ ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งด่าว่าในใจ
มู่ชิงเกอล่ะ?
เมื่อได้ยินบ่าวน้อยพูดความคิดของอิ๋งชวนออกมาแล้วนั้น ความดูแคลนในดวงตาของนางก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น นางไม่ได้ถูกยั่วยุให้โมโหเพราะคำพูดของอิ๋งชวน แต่กลับมองเขาอย่างดูถูก “อิ๋งชวน เป็นใครให้ความมั่นใจแก่ จ้าว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เจ้าต้องการ? แต่เดิม เจ้าก็สามารถมีชีวิตอยู่เป็นคุณชายรองตระกูลอิ๋งของเจ้าต่อไปได้ แต่ว่า เจ้ากลับไม่ยอมใช้ชีวิตไปดีๆ กลับมารนหาที่ตายต่อหน้าข้า ในเมื่อเจ้าแค้นข้าเช่นนี้ ทั้งยังคิดหาวิธีจะทรมานน้องสาวของข้าอีก นิสัยของข้านั้นแต่เดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว ไม่ยอมให้คนที่แค้นข้ามีชีวิตต่อไปได้ ดูแล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในอนาคต ข้าคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว”
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งตกใจ ไม่สนใจว่าจะไม่พอใจอิ๋งชวนอย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้เขาเกิดเรื่องอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นเขาจึงออกมาบังอยู่ ตรงหน้าของอิ๋งชวนในทันที
แต่อิ๋งชวนกลับก้าวร้าวมาก ปัดมือของผู้อาวุโสออกแล้ว มายืนอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอ เงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอ
บ่าวน้อยคนนั้นแปลออกมา “ข้ายืนอยู่ที่นี่ เจ้ากล้าฆ่าก็ฆ่าสิ? ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็รอที่จะถูกตระกูลอิ๋งไล่ฆ่าได้เลย!”
ในดวงตาของอิ๋งชวนเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและบ้าคลั่ง
เขาคิดที่จะเห็นความลังเลและหวาดกลัวจากดวงตาของมู่ชิงเกอ
แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรเลย นัยน์ตาของมู่ชิงเกอดูเรียบสงบมาก ปลอกนิ้วมือที่มือขวาของเขาเริ่มมีพลังจิตสีทองพันรอบ ไอสังหารอันแข็งกร้าวเริ่มที่จะรวมตัวขึ้นในใจ
“ที่แท้สิ่งที่เจ้าพึ่งพาก็ยังคงเป็นตระกูลอิ๋ง” มู่ชิงเกอค่อยๆ เอ่ยขึ้น นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความดูแคลน
ไอสังหารโผล่ขึ้นมาในดวงตาของนาง
แต่ในตอนนี้เอง ก็มีนํ้าเสียงที่แข็งกร้าวดังมาจากที่ไกลออกไป “สารเลว! คุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้!”