ตอนที่ 407
ผู้หญิงของราชา
หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าแดนมารนี้ซือมั่วทุ่มเทกายใจรวบรวมมันขึ้นมาเองกับมือ นางจะสนใจความวุ่นวายของพวกมารเหล่านี้งั้นหรือ? อยากจะตีกันอย่างไรก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับนางเลย!
ที่รับปากคำขอร้องของกู่หยาและกู่เย่ก็เพราะว่านางไม่อยากจะให้เลือดหัวใจของซือมั่วถูกทำลาย และก็เพราะว่านางอยากจะมาที่นี่เพื่อหาร่องรอยของซือมั่ว
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้นัยน์ตาของเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่ปรากฎแววตกตะลึง
“องค์ราชาบอกชื่อจริงแก่เจ้างั้นหรือ ทั้งยังอนุญาตให้เจ้าเรียกเช่นนั้นได้?” ดวงตาของจี่ฝูหดตัวลงเล็กน้อย แม้ว่านํ้าเสียงของเขาจะฟังไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ แต่ก็ยากจะปิดบังความตะลึงเอาไว้ใต้
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว รู้สึกมึนงง นางพบว่าหลังจากนางพูดชื่อของซือมั่วไปแล้ว ทั้งสี่คนนี้ รวมถึงองครักษ์มารทั้งแปดร้อยคนที่เงียบมาตลอดมีท่าทีต่อนางเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงนี้…เพิ่มความนับถือเข้ามา
แต่นางก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความรู้สึกนับถือนี้ไม่ได้เกิดมาจากนาง แต่เป็นเพราะซือมั่ว เพราะว่านางเป็นผู้หญิงที่ซือมั่วเลือกมาด้วยตัวเอง!
ภายในตำหนักจื่อเฉินเงียบไปชั่วขณะ
จี่ฝูก้าวออกมา มองมู่ชิงเกอแล้วคำนับ “จี่ฝูคำนับพระชายา”
เขายอมรับสถานะของมู่ชิงเกอ อย่างน้อยก็ยอมรับในตอนนี้
เมื่อเขาเอ่ยปากแล้ว คนที่เหลืออีกสามคนก็ไม่กล้าอึกอักอีก
พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกัน
“หลิงจิวคำนับพระชายา!”
“ชิงเหยียนคำนับพระชายา!”
“ชิงเจ๋อคำนับพระชายา!”
องครักษ์มารทั้งแปดร้อยนายก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง พูดพร้อมกันว่า “ข้าน้อยคำนับพระชายา!”
ภายในตำหนักจื่อเฉิน มีกลุ่มคนคุกเข่าอยู่ต่อหน้ามู่ชิงเกอ นางกวาดตามองออกไป ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ร่างของกู่หยา “เมื่อไหร่จะไปพบกับคนพวกนั้น?”
“พระชายาต้องให้หมอหลวงมาตรวจก่อน” กู่หยากระซิบเตือน
เสียงกระซิบนี้ของเขาก็ไม่ถือว่าเบามาก เพียงแค่คำพูดหลุดออกไป สายตาหลายร้อยคู่ก็จ้องมองมาที่ท้องน้อยๆ ของนางโดยพร้อมเพรียงกัน
ถึงแม้ว่ามู่ซิงเกอจะหน้าหนาแค่ไหน ก็รู้สึกกระดากใจต่อการจ้องมองเช่นนี้นางเอามือข้างหนึ่งออกมาวางไว้ด้านหน้าร่างกาย ปิดบังท้องน้อยๆ ของตนเอง
จากนั้นนางก็หันไปเอ่ยกับกู่หยาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “อืม เจ้าจัดการเถอะ”
กู่เย่ก็เอ่ยขึ้นในทันที “พระชายา ข้าจะพาท่านไปตำหนักส่วนหลังรอหมอหลวงก่อน”
มู่ชิงเกอพยักหน้า แล้วก็มองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่ เอ่ยกับพวกเขาว่า “ลุกขึ้นเถอะ” พูดแล้วถึงได้ตามกู่เย่จากไป กู่หยาก็รีบออกไปตามหมอหลวง ส่วนคนที่เหลืออยู่ในตำหนักจื่อเฉินนอกจากองครักษ์มารทั้งแปดร้อยคนแล้ว ก็ยังมีเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่คน
องครักษ์มารทั้งแปดร้อยคนได้ทำความเคารพนายหญิงของตนเองแล้วก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน เฝ้าอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกของตำหนักจื่อเฉิน ส่วน เจ้าเมืองย่อยทั้งสี่กลับไม่ได้จากไป เพียงแค่รออยู่ภายในตำหนักจื่อเฉิน
รออะไรงั้นหรือ?
แน่นอนว่ารอผลตรวจจากหมอหลวง
ทั้งสี่คนรออยู่ในตำหนัก มองหน้ากันและกัน ชิงเจ๋อเอ่ยว่า “พระชายาผู้นี้ดูแล้วร้ายกาจกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก”
ชิงเหยียนพยักหน้า “ที่ดูตอนนี้ก็ถือว่าวางตัวได้ดีต่อหน้าพวกเรา แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อพบกับพวกหมาป่าเจ้าเล่ห์พวกนั้นแล้ว นางจะสามารถรักษาความสงบได้หรือไม่
หากว่าหวาดกลัวจนร้องไห้ก็คงไม่ดีแน่”
“ความรู้สึกขององค์ราชา พวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้หากว่านางเป็นผู้หญิงขององค์ราชาจริงๆ ทั้งภายในท้องของนางก็มีทายาทขององค์ราชาจริงๆ ไม่ว่า นางจะเป็นพระชายาที่คู่ควรหรือไม่ พวกเราก็ต้องปกป้องนางให้ถึงที่สุด” จี่ฝูค่อยๆ พูดขึ้น
หลิงจิวหัวเราะเอ่ยว่า “หากว่านางไม่ใช่ผู้หญิงขององค์ราชา รอให้องค์ราชากลับมาแล้ว ข้าจะขออนุญาตองค์ราชาสั่งสอนนางให้จงหนัก!’’
จี่ฝูมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กู่หยานำหมอหลวงหลายคนเข้ามา หมอหลวงเหล่านี้ล้วนแต่สูงวัยและก็มีความยุติธรรม
เมื่อหมอหลวงเข้ามากันแล้วก็คำนับเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่
จากนั้น กลุ่มคนทั้งหมดก็พากันไปยังตำหนักหลังเตรียมตรวจชีพจรให้มู่ชิงเกอ
หลังจากเข้าไปในตำหนักส่วนหลังแล้ว มู่ชิงเกอก็เปิดอ่านหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเล่น แม้ว่านางจะมองไม่เห็นตัวอักษร แต่ก็เข้าใจภาพที่อยู่ด้านบนนั้น
ล้วนแต่เป็นแผนที่การทหาร รูปแบบค่ายกล บนนั้นยังมีตัวหนังสืออยู่ ดูแล้วเป็นสิ่งที่ซือมั่วเขียนเล่นยามว่าง
กู่เย่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
เมื่อมีกลุ่มคนเข้ามาก็ได้ทำลายความสงบของตำหนักส่วนหลังไป
เจ้าเมืองย่อยทั้งสี่คนมองเห็นแผ่นภาพในมือของมู่ชิงเกอแล้วนัยน์ตาก็หดตัวลง ในใจเกิดความสงสัย ในบรรดาผู้หญิงที่พวกเขารู้จักมักจะไม่สนใจของเกี่ยวกับการทหารหรือการเคลื่อนทัพเหล่านี้
พวกเขาคิดว่าหลังจากเข้ามาแล้วจะมองเห็นนางกำลังมองไปรอบตำหนักอย่างสนใจเสียอีก
“พวกกระหม่อม ถวายบังคมพระชายา”
บรรดาหมอหลวงคำนับพร้อมกัน
มู่ชิงเกอวางแผ่นภาพในมือลง พูดกับไม่กี่คนนั้นว่า “หมอหลวงทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”
ท่าทางของนางดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือหวาดกลัวเลยสัก นิด ลักษณะท่าทางที่ดูสุขุมเช่นนี้ทำให้บรรดาหมอหลวงไม่กล้าดูแคลน
บรรดาหมอหลวงยืนอยู่กับที่ รอคำสั่งจากนาง
มู่ชิงเกอมองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็วางข้อมือของตนเองไว้บนโต๊ะ “มาเถอะ”
บรรดาหมอหลวงเดินเข้าไปแล้วก็จับชีพจรให้นาง
รอจนบรรดาหมอหลวงตรวจเสร็จหมดแล้ว พวกเขาก็ถอยออกไปอีกข้าง หลังจากพูดคุยกันแล้วถึงได้เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ขอแสดงความยินดีกับพระชายาด้วย องค์ชายน้อยในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงดีมาก”
จากนั้นพวกเขาก็เอ่ยกับเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่ว่า “พระชายา มีลักษณะของการงครรภ์อีกทั้งยังเพิ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณปีครึ่ง”
“ปีครึ่งและก็หมายถึงว่าตั้งครรภ์ก่อนที่องค์ราชาจะจากไปได้ไม่นาน” หลิงจิวพูดออกมา
“ใช่” หมอหลวงชรายืนยัน
“พวกเจ้าถอยออกไปเถอะ” หลิงจิวโบกมือให้พวกเขา พวกเขาล้วนแต่รู้ดีว่า ข่าวสารนี้จะต้องถูกกระจายออก ไปทั่งทั้งพระราชวังไท่ฮวงอย่างแน่นอนและจะกระจาย ไปยังหัวเมืองย่อยต่างๆ หลังจากบรรดาหมอหลวงจากไปแล้ว มู่ชิงเกอก็จัดระเบียบแขนเสื้อตนเองไม่ได้สนใจคนทั้งสี่อีก นางเชื่อว่าหลังจากบรรดาหมอหลวงกระจายข่าวเรื่องที่นางตั้งครรภ์ลูกของซือมั่วออกไปแล้ว พวกคนที่ทะเยอ ทะยานจะต้องรีบมาปรากฎตัวอยู่ต่อหน้านางอย่างแน่นอน
จากนั้นนางก็เพียงแต่แก้ปัญหาไปทีละคนสองคน ก็สามารถจบเรื่องได้แล้ว!
เมื่อสถานการณ์ของที่นี่สงบลงแล้ว นางก็จะไปเหวหนอนโบราณเพื่อตามหาร่องรอยของซือมั่ว
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ? พวกเขาหาผู้หญิงคนหนึ่งพบจริงๆ? ทั้งภายในท้องของนางยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขขององค์ราชาอีก? เป็นไปไม่ได้!”
เสียงโกรธเกรี้ยวของผู้หญิงดังออกมาจากตัวอาคาร
ภายในนํ้าเสียงแฝงด้วยความโมโหและไม่ยอม ทั้งยังมีความแค้นเคือง
นางคาดหวังและรอคอยมาเป็นพันๆ ปี แต่เดิมคิดว่านางต่างหากที่จะได้เป็นนายหญิงแห่งวังซานไห่ แต่มาตอนนี้กลับมีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งเอาทุกอย่างที่นางต้องการไปอย่างง่ายดาย?
“ท่านเจ้าเมืองคลายพิโรธด้วย! อย่าว่าแต่ท่านไม่เชื่อเลย เจ้าเมืองย่อยคนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อง่ายๆ เช่นเดียวกัน รอพรุ่งนี้พบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ท่านก็สามารถเปิดโปง นางได้” สาวรับใช้ข้างกายของนางเอ่ยปลอบ
แต่หัวใจของนางก็ยังคงไม่สงบอยู่ดี
ถึงแม้ว่าต่อหน้าคนอื่นนางจะทำตัวเหมือนกับว่าไม่สนใจสถานะขอแค่เพียงได้อยู่ข้างกายองคราชาก็พอ แต่ว่าการเข้าไปอยู่ในวังซานไห่กลายเป็นนายหญิงเพียงคนเดียวของที่นั่น ได้รับความรักจากองค์ราชาเพียงคนเดียว เป็นความฝันของนางมาโดยตลอด
มาตอนนี้กลับมีผู้หญิงโผล่ออกมาแล้วก็ยังมีทายาทขององค์ราชาอีก!
สิ่งนี้เหมือนเป็นการดูถูกนาง!
“ข้าจะไม่ให้เด็กคนนั้นเกิดออกมาได้! ไม่มีวัน!” ใบหน้าของเยี่ยนหย่าบิดเบี้ยว ความโกรธเกรี้ยวในใจของนางพุ่งทะยานขึ้นมาไม่หยุด
‘นี่เป็นโอกาสที่ดี อาศัยตอนนี้ที่องคราชาไม่อยู่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นกับเด็กในท้องหายไปเสีย!’ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วนัยน์ตาของนางก็ฉายแววอำมหิตออก
มา
พระราชวังไท่ฮวงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองดินแดนแห่งมาร
การปรากฎตัวของผู้หญิงขององคราชาและเด็กในท้อง ข่าวสารนี้กระจายออกไปถึงหูของบรรดาเจ้าเมืองย่อยต่างๆ ภายในวันเดียว
แต่บรรดาเจ้าเมืองย่อยที่มีสิทธิ์เข้ามายังพระราชวังไท่ฮวงเพื่อพบ ‘ผู้หญิงขององค์ราชา’ นั้นกลับมีแค่เพียงสิบหกคน!
ภายในนี้มีอยู่เจ็ดคนที่อยู่ไกลถึงชายแดนและหากไม่มีคำสั่งจากองค์ราชาก็จากมาไม่ได้ ที่เหลืออีกเก้าคน มีสี่คนที่มู่ชิงเกอพบแล้ว ส่วนวันนี้นางต้องพบอีกห้าคน ส่วนสี่คนในนั้น ตามที่กู่หยาและกู่เย่พูดถึงก็คือหัวหอกในการก่อเรื่องราวครั้งนี้และก็เป็นคนที่นางต้องจัดการ
คนที่เหลืออีกหนึ่งคนกลับเป็นผู้หญิง
เจ้าเมืองย่อยหญิงเพียงคนเดียวของแดนมาร!
มู่ชิงเกออยู่ในตำหนักจื่อเฉินอ่านข้อมูลที่พวกกู่เย่รวบรวมมาให้ที่สำคัญก็คือรายงานที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเมืองย่อยทั้งห้าที่นางจะพบในวันนี้
“เป็นทายาทเพียงคนเดียวในตระกูลถึงได้เป็นเจ้าเมืองย่อย…” มู่ชิงเกอมองดูรายงานเกี่ยวกับเจ้าเมืองย่อยหญิงคนนั้นแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ได้ยินว่ามีเจ้าเมืองย่อยที่เป็นผู้หญิง นางก็คิดว่าจะเป็นแม่ทัพหญิงที่กล้าหาญเสียอีก ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะในตระกูลของนางไม่มีผู้ชายสืบทอดนางถึงได้ตำแหน่งไป
“เยี่ยนหย่า…” มู่ชิงเกอพึมพำออกมา เล็กคิ้วขึ้นแล้วก็ พูดกับตนเองว่า “ชื่อไม่เลว” กู่เย่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินนางพูดขึ้นก็เหมือนจะคิดอะไรได้ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกไป หลุบตายืนนิ่ง เวลานี้เอง กู่หยาก็เดินเข้ามาแล้วก็คำนับมู่ชิงเกอ “พระชายา พวกเขารอเข้าพบอยู่ในท้องพระโรงแล้ว”
ที่ควรมาก็มาแล้ว!
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายแววเย็นยะเยือก
นางวางรายงานในมือลงแล้วยืนขึ้น จัดเสื้อผ้าของตนเอง เอามือไพล่หลังจากนั้นก็พูดกับทั้งสองคนว่า “ไปเถอะ”
หลังเดินออกจากตำหนักจื่อเฉินแล้ว เมื่อเดินตามเส้นทางไปยังท้องพระโรงก็มีองครักษ์มารหนึ่งร้อยคนเดินตามมา ด้านหน้าก็มีนางกำนัลที่ค่อนข้างสูงวัยนำหน้าไปท้องพระโรง
ตามทางมู่ชิงเกอได้กระซิบถามกู่หยาว่า “ทางเหวหนอนโบราณมีข่าวคราวมาหรือไม่?”
กู่หยาส่ายหน้า
‘ยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับซือมั่วอีกหรือ?’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววผิดหวัง รู้สึกร้อนใจ นางอยากจะรีบไปเหวหนอนโบราณเพื่อตามหาซือมั่วแล้ว
บนท้องพระโรงดูสูงส่งและสง่างาม
ทั้งเก้าคนแยกออกเป็นสองแถว ยืนอยู่ด้านซ้ายและขวา
เยี่ยนหย่าที่เป็นเจ้าเมืองย่อยหญิงเพียงคนเดียว เมื่อจัดตามลำดับชั้นแล้ว ตอนนี้นางก็ทำได้เพียงแต่ยืนอยู่ตรงส่วนปลายแถวเท่านั้น
สองมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อบีบเข้าหากันแน่น สายตาที่มองขึ้นไปยังตำแหน่งขององค์ราชาฉายแววรอคอย อิจฉาและโมโห
หนึ่งคนที่อยู่ด้านหน้าของนาง มองไปยังพวกหลิงจิว สี่คนทีอยู่ตรงกันข้ามและเอ่ยว่า “องคราชาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน แม้แต่นางกำนัลที่งดงามก็ถูกไล่ออกจากวังจนหมด เหตุใดจึงมีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ออกมาได้?”
หลิงจิวหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา หันหน้าออกไป ดูเหมือนว่าขี้เกียจจะสนใจ
ท่าทางของเขาทำให้เจ้าเมืองย่อยที่เอ่ยปากพูดขมวดคิ้วขึ้น หว่างคิ้วแฝงความไม่พอใจ
จี่ฝูค่อยๆ พูดขึ้นว่า “เรื่องขององคราชาเป็นสิ่งที่พวกเจ้า พวกข้าสามารถคาดเดาได้งั้นหรือ?”
คำตอบที่คลุมเครือเช่นนี้ไม่อาจจะทำให้อีกฝ่ายพอใจได้ แต่เขายังไม่ทันได้ถามต่อ ด้านนอกตำหนักก็มีเสียงตะโกนดังเข้ามา “พระชายาเสด็จ!”