Skip to content

พลิกปฐพี 432

ตอนที่ 432

แมลงบุก!

“เรื่องนั้นพวกเราเอาไว้พูดทีหลังได้หรือไม่?” มู่ชิงเกอยิ้ม พูดกับซือมั่ว

แต่สีหน้าของซือมั่วก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด เขาจ้องมองมู่ชิงเกอดูเหมือนว่าต้องการคำตอบจากนาง

“เรื่องนั้น…ตอนนี้เจ้าลืมเรื่องที่เกี่ยวกับข้าไปหมดแล้วถึงได้เป็นเช่นนี้” มู่ชิงเกอพยายามคิดหาวิธีที่จะให้เขาล้มเลิกความคิด “ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ยุ่งมาก ความรับผิดชอบก็หนักหนามาก หากไม่รีบพัฒนาไปข้างหน้าศัตรูของข้าก็คงจะหาโอกาสฆ่าข้าได้ ด้งนั้นในตอนนี้ข้าจึงคิดเพียงแต่จะฝึกปรือฝีมือไม่ใช่แต่งงานคลอดลูก”

“ใครกล้าฆ่าเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าฆ่าเขา ผู้หญิงของข้าใครกล้าแตะ?” ซือมั่วพูดอย่างเย็นชา

ความอหังการนี้ทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกอย่างต่อเนื่อง

นางยิ้มอย่างแข็งทื่อ แต่ก็ยังพูดอย่างอดทนว่า “ถึงแม้จะต้องแต่งงาน อย่างน้อยเจ้าก็ต้องคิดเรื่องระหว่างเราให้ได้ก่อน ค่อยว่ากัน”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นางกล้ารับรองได้เลยว่าเมื่อซือมั่วจำเรื่องระหว่างพวกเขาขึ้นมาได้ก็จะไม่มีทางบังคับนางแต่งงานเช่นนี้

แต่ซือมั่วก็ไม่ยอมตกหลุมพราง มองนางแล้วพูดอย่างมีเหตุผลว่า “เมื่อข้าลืมแล้ว เจ้าก็เล่าให้ข้าฟัง ข้าก็จำได้แล้ว”

มู่ชิงเกอกะพริบตา บ่นในใจว่า ‘ทำไมซือมั่วถึงต่อกรด้วยยากถึงเพียงนี้นะ!’

นางลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เป็นเพราะซือมั่วอยากจะรัก และถนอมนาง ไม่อยากบังคับนาง ไม่อยากทำให้นางลำบากจึงเป็นฝ่ายยอมถอยให้นางก่อนเสมอ

ส่วนซือมั่วในตอนนี้กลับลืมเรื่องราวที่ผ่านมาไปหมดแล้ว

เขาแน่ใจว่าเพียงแค่มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงของเขา เขาชอบนางและคิดจะอยู่กับนาง

เดิมที่เผ่ามารก็ทำตามใจตัวเองอยู่แล้ว

ในเมื่อในใจของเขาคิดอยากจะแต่งงานมีลูกกับนางแล้ว ยังจะต้องอดทนรออะไรอีก?

ซือมั่วในตอนนี้ถึงเป็นราชามารที่แท้จริง!

ในใจของ เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อมู่ชิงเกออย่างระมัดระวัง และคิดเผื่อรอบด้านเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เพียงทำตามนิสัยของเผ่ามารเท่านั้น

เกรงว่าถึงแม้วันนี้มู่ชิงเกอจะไม่ชอบเขา เขาก็จะบังคับให้นางเข้าวังและแต่งงานกับเขา กลายเป็นพระชายาของเขาให้ได้!

“เรื่องนั้น ความรู้สึกที่เจ้าพูดในตอนนี้กับตอนที่ตัวเจ้าเองนึกขึ้นได้นั้นไม่เหมือนกัน อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เจ้าเคยรับปากข้าเอาไว้ว่า จะรอจนระดับพลังของข้ากับเจ้าสูสีกันแล้ว ข้าค่อยจะไปแต่งเจ้าเข้าบ้าน!” มู่ชิงเกอไม่ยอมแพ้

คิ้วงามของซือมั่วขมวดมุ่นขึ้นมา

ราวกับว่าเขากำลังย้อนคิดว่าตนเองเคยพูดอะไรที่ ‘อดสู’ เช่นนั้นด้วยหรือ

เขานิ่งเงียบลงไป มู่ชิงเกอก็ไม่ได้รบกวน

ในขณะที่นางกำลังลอบถอนหายใจในใจและคิดว่าซือมั่วล้มเลิกความคิดแล้วอยู่นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน มองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “จะให้ระดับพลังของเจ้าเหนือกว่าข้านั้นยากมาก”

มู่ชิงเกออ้าปากค้างมองเขา ‘อย่าพูดเสียดแทงคนเช่นนี้ได้หรือไม่? หืม?!’

“ลูกของข้าและเจ้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก” ซือมั่วพูดขึ้นอีก

มู่ชิงเกอรู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองแตกร้าว

“เจ้าพูดผิดแล้ว เป็นข้าแต่งเจ้าไม่ใช่เจ้าแต่งข้า” ซือมั่วพูด

มู่ชิงเกอเอามือยันหน้าผาก นางรู้สึกว่าตนเองพูดคุยต่อไปไม่ได้แล้ว

“กู่หยา…กู่เย่..มู่ชิงเกอยืนขึ้นมาแล้วก็ตะโกนไปหน้าปากถํ้า

นี่กลับทำให้ซือมั่วหึงขึ้นมา เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้า เหตุใดต้องเรียกหาผู้ชายคนอื่นด้วย?”

มู่ชิงเกอถลึงตามองเขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ในตอนที่มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามานั้นก็กัดฟันเอ่ยว่า “พวกเขาเป็นลูกน้องของเจ้า”

“นั่นก็ไม่ได้” ซือมั่วพูด

“องค์ราชา พระชายา” มีเสียงของกู่หยาและกู่เย่ดังเข้ามาจากปากถํ้า

“ไสหัวไป” ซือมั่วพูดอย่างดุดัน

“ช้าก่อน!” มู่ชิงเกอรีบตะโกน

กู่หยาและกู่เย่มองหน้ากันที่ปากถํ้า รู้สึกขมขื่นในใจ ความรู้สึกลำบากใจค่อยๆ ปรากฎขึ้น คำสั่งองค์ราชามิอาจฝืน คำสั่งของพระชายา…ก็มิอาจฝืนเช่นกัน

‘จะทำอย่างไรดี?’

ทั้งสองคนถามกัน ในที่สุดก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

มู่ชิงเกอปวดหัว ยกมือขึ้นนวดขมับ นางพูดว่า “ข้าเพียงแต่จะให้พวกเขาเข้ามาเล่าเรื่องราวของพวกเราเมื่อก่อนให้เจ้าฟังก็เท่านั้น”

“เจ้าสามารถเล่าให้ข้าฟังเองก็ได้” ซือมั่วโต้กลับ

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้ายิ้มบางๆ “ข้าสามารถพูดได้ แต่ให้พวกเขาเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ข้าจะออกไปสูดอากาศก่อน”

พูดแล้วนางก็ยิ้มกว้างให้ซือมั่วแล้วก็หันเดินออกจากถํ้าไป

นางเพิ่งจะเดินออกมาได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงของซือมั่วดังมาจากด้านหลังว่า “หากเจ้าไม่อยากแต่งงานในตอนนี้จริงๆ พวกเราก็สามารถมีลูกก่อนได้”

ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไป เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น มุ่งหน้าออกไปจากปากถํ้า เพียงนางเดินออกไปก็พบกู่หยาและกู่เย่ยืนอยู่ด้านหน้าปากถํ้า

ทั้งสองคนมองเห็นนางแล้วก็ยิ้มและทำความเคารพเอ่ยว่า “พระชายา…”

มู่ชิงเกอถอนหายใจในใจ พูดกับทั้งสองคนว่า “องค์ราชาของพวกเจ้าจำเรื่องบาง เรื่องไม่ได้ พวกเจ้าเข้าไปเล่าให้เขาฟังสักหน่อย ข้าจะไปสูดอากาศก่อน”

พูดแล้วนางก็แทบวิ่งออกไปข้างนอก

กู่เย่รีบสั่งการองครักษ์มารในทันที “รีบตามพระชายาไป คุ้มครองความปลอดภัย”

องครักษ์มารยี่สิบกว่านายขยับกายในทันที ไล่ตามมู่ชิงเกอไป แต่พวกเขาก็รู้จักที่จะรักษาระยะห่างไม่ได้ไปรบกวนการสูดอากาศของมู่ชิงเกอ

เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู่หยาและกู่เย่ก็สบตากัน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้าวเข้าไปในถํ้า

มู่ชิงเกอเดินอยู่บนทะเลทราย เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของเหวหนอนโบราณ

นางรู้สึกประหลาดใจว่าทุ่งหญ้าและทรายเหล่านี้มา เชื่อมต่อกันได้อย่างไร ตามที่นางรู้มาทุ่งหญ้าและทะเลทรายเป็นภูมิประเทศสองชนิดที่แตกต่างกัน

ถึงจะมีความพิเศษตามธรรมชาติเช่นเดียวกับที่ราบลั่วรื่อ แต่นั่นก็เป็นเพราะใต้ดินมีพญาเพลิงอยู่

‘หรือที่นี่เองก็มีพญาเพลิงอยู่เช่นเดียวกัน’ มู่ชิงเกอพูดอย่างแปลกใจ

เมื่อมู่ชิงเกอคิดถึงพญาเพลิง นางก็คิดถึงหยวนหยวนขึ้นมา ดวงตาของนางมืดทึบลงมองลงไปยังปลอกนิ้วมือบนนิ้วชี้ด้านขวาของตน

ไม่ว่าจะอยู่ในแดนมารหรือในสนามรบ นางก็ไม่ลืมที่จะใช้พลังจิตเพาะเลี้ยงจิตวิญญาณแห่งอาวุธ

พลังจิตจางๆ พันวนรอบปลอกนิ้วของนาง

นางไม่รู้ว่าหยวนหยวนจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ และก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วจะยังจะจำลูกพี่ท่านแม่อย่างนางได้หรือไม่

มู่ชิงเกอสะบัดหัวสลัดความรู้สึกเศร้าออกไป

นางเชื่อว่าหยวนหยวนจะต้องกลับมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางอีกครั้ง!

หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ แล้ว ความคิดของมู่ชิงเกอก็ตกไปอยู่ที่ซือมั่ว ซือมั่วในตอนนี้นั้นทำให้นางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีอีกทั้งยังรู้สึกปวดหัวมาก

ก่อนหน้านี้เหตุใดนางจึงไม่เคยรู้ว่าซือมั่วดื้อดึงขนาดนี้?

“เดิมคิดว่าไม่ว่าจะนึกออกหรือไม่ก็ไม่เป็นไรเพราะในใจของเขาก็ยังมีข้าเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ดูแล้วทำให้เขาจดจำทุกอย่างให้ได้โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า มิเช่นนั้นหากมาบีบบังคับให้แต่งงานและเร่งให้มีลูกทุกวันข้าจะทำอย่างไร?” มุมปากของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของนางจะดูหมดทางเลือกแต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความรักอันหวานชื่น

“ก็ไม่รู้ว่าเจ้าสองคนนั้นจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” คิดไปถึงสองคนที่ยากลำบากอยู่ในถํ้าแล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สีกมีความสุขขึ้นมา ความกดคันจากองค์ราชาของพวกเขาไม่อาจให้นางแบกรับเพียงคนเดียวได้

มู่ชิงเกอยืนอยู่บนทะเลทราย ไม่ได้รีบกลับไป ในเมื่อได้ออกมาแล้วก็ชื่นชมกับบรรยากาศเหวหนอนโบราณเสียหน่อย ตอนมานั้นนางร้อนใจเรื่องข่าวคราวของซือมั่ว จึงไม่มีกะจิตกะใจไปชื่นชมบรรยากาศของเหวหนอนโบราณ

ด้านหลังที่ที่นางยืนอยู่ไม่ไกลออกไป มีองครักษ์มารยี่สิบกว่าคนคอยคุ้มครองนางอยู่

รอบด้านเงียบสงบมาก ลมในเหวหนอนโบราณพัดพาความชื้นอ่อนๆ และยังมีกลิ่นคาวลอยมา

ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้น่าดมสักเท่าไหร่

ส่วนบรรยากาศในเหวหนอนโบราณนั้น…

หากพูดตามจริงแล้วก็ไม่ใช่สถานที่ที่งดงามอะไร ให้ความรู้สึกมืดทึบและขุ่นมัว

ถึงแม้หมอกควันสีเหลืองอ่อนจะบางมากแต่ก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัว นางรู้สึกนับถือคนเผ่าฉงจริงๆ ที่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ได้นับแสนปี

ในขณะที่มู่ชิงเกอกำลังวิเคราะห์อยู่ บนพื้นก็มีเสียง ‘ซ่า ซ่า’ ดังเข้ามา

เสียงนี้เบามาก หลังจากดังขึ้นแล้วก็ถูกลมพัดหายไป แต่มู่ชิงเกอได้ผ่านการปรับปรุงพันธุ์กรรมมาแล้วทำให้มี ประสาทสัมผัสที่ไวมาก

เมื่อเสียง ‘ซ่า ซ่า’ ดังขึ้น นางก็ได้ยินแล้ว

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ก้มลงมองพื้นทราย ทะเลทรายนี้เหมือนกับกับทะเลทรายด้านนอก ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง แต่กลับมีเสียงซ่าๆ ดังขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ทันใดนั้นนัยน์ตาของนางก็หดตัวลงรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว

พื้นผิวของทะเลทรายตรงหน้าของนางมีแมลงหลากสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนคลานออกมาจากใต้ดิน ดูเหมือนกับกระแสนํ้าที่พุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว

แมลงมากมายขนาดนี้ดูน่าขนลุกมาก สีหน้าของมู่ชิงเกอดูตึงเครียด สะบัดมือส่งพลังจิตไปที่ตัวแมลงบนพื้น เพียงแต่พลังจิตที่ส่งออกไปไม่ได้ลดความเร็วของแมลงเหล่านั้นลงเลย

เหมือนพลังจิตของนางไม่มีผลต่อพวกมัน

สีหน้าของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไป รีบถอยหลัง ‘พลังจิตของนางเมื่ออยู่ในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารแล้ว ก็ไม่สามารถฆ่าได้แม้แต่แมลงตัวหนึ่งเลยหรือ?’

เพียงแค่มู่ชิงเกอขยับ องครักษ์มารยี่สิบกว่าคนก็รู้สึกตัวในทันที

พวกเขาพบความผิดปกติจึงรีบพุ่งไปด้านหน้าของมู่ชิงเกอในพริบตา ปกป้องนางเอาไว้ข้างใน

เมื่อองครักษ์มารมองเห็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนบุกเข้ามานั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมา

“รีบคุ้มครองพระชายาหนีไป!” องครักษ์มารคนหนึ่งที่น่าจะได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม สั่งการออกมาแล้วเริ่มโจมตีแมลง

พลังจิตของเผ่ามารเป็นสีดำ เมื่อพวกเขาเริ่มโจมตี แมลงที่พุ่งมาเร็วที่สุดก็ตายไป แถบหนึ่งในทันที

ผลลัพธ์นี้เมื่อเทียบกับที่มู่ชิงเกอลองดูแล้ว ก็เหมือนกับฟ้าและดิน

ในขณะเดียวกันนางก็สังเกตเห็นว่าแมลงเหล่านี้ไม่ใช่แมลงธรรมดา ท่าทางที่พวกมันโอบล้อมเข้ามานั้นเป็นเหมือนกับกองทหารที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกมันปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว

มีแมลงตายไปเรื่อยๆ แต่ก็มีแมลงเข้ามาใหม่เรื่อยๆ เช่นกัน

สรุปแล้วคลื่นแมลงที่หนาแน่นเหล่านี้ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย อีกทั้งยังดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนแมลงที่เข้ามาใหม่รวมกันเป็นลูกบอล กดดันเข้ามาหาพวกมู่ชิงเกอ

“เป็นค่ายกลแมลงของคนเผ่าฉง!” มีองครักษ์มารคนหนึ่งพูดออกมา

ค่ายกลแมลง!

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง นางเคยได้ยินคำศัพท์คำนี้แล้ว

ตอนนี้นางถูกองครักษ์มารคุ้มครองเอาไว้ตรงกลาง นางไม่ต้องลงมือก็ไม่มีแมลงตัวไหนเข้ามาใกล้นางได้ เพียงแต่คงฝืนต้านเอาไว้ได้อีกไม่นาน

องครักษ์มารยี่สิบกว่าคนไม่ใช่คู่มือของค่ายกลแมลง

“ระวัง! แมลงเหล่านี้มีพิษ หากว่าสัมผัสโดนก็จะต้องตายในทันที” ภายในหมู่องครักษ์มารมีคนร้องเตือนออกมา

สิ่งนี้ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่นขึ้น

“เร็วรีบไปขอความช่วยเหลือจากองค์ราชาและคนอื่นๆ!” หัวหน้าของกลุ่มองครักษ์มารบีบแมลงแถบหนึ่ง ให้ถอยออกไปแล้วก็ตะโกนสั่งคนอื่นๆ

‘หวี่ง หวี่ง หวี่ง! ’

เวลานี้เองมู่ชิงเกอก็ได้ยินเสียงที่ข้างหู

นางเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับ ‘เมฆดำ’ ลอยมา ‘เมฆดำ’ นั้นลอยตํ่ามากจนแทบจะแนบลงมาติดกับพื้นดิน

“ระวัง! บนฟ้าก็มีแมลง” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง รีบเตือนออกไป

แมลงที่บินเข้ามาเหล่านี้เพิ่มความกดดันให้กับองครักษ์มารยี่สิบกว่าคนมากขึ้นกว่าเดิม

ภายในถํ้า กู่หยาและกู่เย่ได้เล่าเรื่องของมู่ชิงเกอให้ซือมั่วฟังคร่าวๆ แล้ว

ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีองครักษ์มารวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่แล้วรายงานซือมั่วว่า “องค์ราชา พระชายาถูกค่ายกลแมลงขังเอาไว้”

“อะไรนะ!”

กู่หยาและกู่เย่ตกตะลึง

พวกเขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอะไร ก็รู้สึกว่าอุณภูมิรอบกายลดตํ่าลง

เงาร่างของซือมั่วหายไปจากตรงหน้าของพวกเขาในพริบตา

“ถึงแม้องคราชาจะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับคุณชายไป แต่เมื่อคุณชายพบเจอกับอันตราย องค์ราชาก็ยังคงรีบร้อนเหมือนเดิมเสมอ” กู่หยาพึมพำออกมา

กู่เย่เร่งว่า “ร่างกายขององค์ราชายังไม่ฟื้นฟูดี พวกเรารีบไปกันเถอะ”

สีหน้าของกู่หยาซีดขาวรีบนำองครักษ์มารที่เหลือพร้อมกันกับกู่เย่ตามไปสนับสนุนทันที

มู่ชิงเกอถูกองครักษ์มารคุ้มครองเอาไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนา องครักษ์มารยี่สิบกว่าคนโอบล้อมนางแต่ก็ถูกแมลงบีบเข้ามาเรื่อยๆ

พื้นรอบบริเวณเต็มไปด้วยแมลง ด้านหลังก็มีแมลงพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนคลื่นซัดสาด

‘เมฆดำ’ บนฟ้าเหล่านั้นก็โอบล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

ทั้งบนฟ้าและใต้ดินถูกปิดตาย ที่สำคัญก็คือแมลงเหล่านี้เหมือนกับฆ่าไม่สิ้นสุด อีกทั้ง ยังมีพิษร้ายแรง

ยังดีที่เป็นองครักษ์มารของซือมั่ว เพราะหากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าคงจะต้านเอาไว้ไม่ได้นานถึงขนาดนี้!

“พระชายา พวกเราจะเปิดทางเส้นหนึ่งให้ท่าน ท่านใช้กำลังทั้งหมดพุ่งออกไป!” หัวหน้ากลุ่มองครักษ์มารพูด เบาๆ กับมู่ชิงเกอ

จะใช้ชีวิตของคนเหล่านี้แลกกับชีวิตของนางงั้นหรือ?

นัยน์ตาของนางมืดทึบลง นางทำไม่ได้

ในขณะที่นางคิดจะพาองครักษ์มารเหล่านี้เข้าสู่ช่องว่าง เพื่อหลบภัยนั้น ก็มีพลังอันแข็งแกร่งตกลงมาจากฟ้า ทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นไปดู

พลังอันแข็งแกร่งพัดเอาเส้นผมของนางลอยขึ้นและก็ทำให้นางมองเห็นเงาร่างสีดำสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในค่ายกลแมลง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!