Skip to content

พลิกปฐพี 433

ตอนที่ 433

ได้ยินว่ามีสาวงามมาเหวหนอนโบราณ

นัยน์ตากระจ่างใสของมู่ชิงเกอถูกเงาร่างสีดำยึดครองพื้นที่ไปจนเต็ม

พริบตาเดียวนางก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นที่นางคุ้นเคยนั่น

เอวของนางถูกมือยาวของซือมั่วรั้งเข้าไปในอ้อมอก หมุนไปรอบหนึ่งนางก็พบว่าที่ที่นางเคยยืนถูกซือมั่วยืนแทนที่และตัวนางก็ถูกเขาปกป้องเอาไว้อย่างแน่นหนา ชุดสีดำบดบังชุดกระโปรงสีแดงเจิดจ้าของนาง มีเพียงแค่ใบหน้าเล็กๆ ครึ่งหนึ่งของนางเท่านั้นที่โผล่ออกมา นางเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นก็ได้ยินเสียงดังลงมาจากเหนือศีรษะ

“อย่ากลัว”

อย่ากลัว!

มู่ชิงเกอไม่เคยกลัวมาก่อน แต่เมื่อได้ยินเสียงอันสงบนิ่งของซือมั่วแล้ว กลับทำให้นางอยากจะพึ่งพิงผู้ชายคนนี้

ไม่ต้องคิดอะไรอีกมอบทุกอย่างให้เขาจัดการ

มู่ชิงเกอพยักหน้า หว่างคิ้วคลายออก พิงอ้อมอกที่ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายนั้นอย่างสบายใจ

เมื่อซือมั่วสัมผัสได้ถึงการโอนอ่อนของผู้หญิงในอ้อมอก ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มุมปากเผยรอยยิ้มบางไร้ที่มาโอบคนในอ้อมอกให้แน่นขึ้นไปอีก

ปัง!

ซือมั่วปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกไปรอบด้าน พละกำลังมหาศาลทะลักออกมาเป็นชั้นโจมตีบรรดาแมลงที่ปกคลุมหนาแน่นทั้งบนฟ้าและผืนดินเหล่านั้น

คลื่นแมลงที่เข้ามาใกล้ถูกพลังอันแข็งแกร่งซัดเข้าใส่

ซากแมลงจำนวนนับไม่ล้วนระเบิดอยู่กลางอากาศ นํ้าพิษสีเขียว สีม่วง สีแดง กระทั่งสีดำสาดกระจายออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวมาก

เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ซากร่างของแมลงบนพื้นก็กองเป็นชั้นหนาขึ้นมา เมื่อบรรดาแมลงที่ตามมาด้านหลัง เห็นฉากนี้แล้วก็หวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงแต่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้

ด้านนอกค่ายกลแมลง กู่หยาและกู่เย่นำองครักษ์มารที่เหลือมาช่วยขับไล่แมลง

เพียงแต่แมลงเหล่านี้ต่อกรได้ง่ายเสียที่ไหน?

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าที่ซีดขาวและปากที่เม้มสนิทของซือมั่ว นัยน์ตาของนางฉายแววกังวลใจ

ซือมั่วค่อยๆ ส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร

แต่มู่ชิงเกอกลับรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของเขาไม่ดีนัก ร่างกายของเขาสับสนอลหม่านไม่สามารถใช้พลังจิตตามใจชอบได้หากเขาใช้กระบวนท่าเมื่อครู่ในเวลาปกติ ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร แต่ตอนนี้…

สามารถเปลี่ยนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของซือมั่วได้ตลอดเวลา!

‘เขายังสามารถอดทนได้ถึงขนาดนี้’ มู่ชิงเกอรู้สึกปวดใจ นางไม่ได้บ่นว่าว่าผู้ชายคนนี้ดื้อดึง เพียงแต่ล้วงเอายาเม็ดหนึ่งออกมาแล้วป้อนเขา

บนริมฝีปากมีกลิ่นยาลอยโชยมาทำให้ซือมั่วอ้าปากรับเอายาพร้อมทั้งนิ้วมือของมู่ชิงเกอเข้าไป ความรู้สึกชื้นและไอร้อนที่ถูกส่งมาจากปลายนิ้ว ทั้งยังมี สายตาอันป่าเถื่อนของผู้ชายคนนี้ทำให้สองแก้มของมู่ชิงเกอย้อมไปด้วยความรู้สึกอับอายในชั่วพริบตารีบถอนมือกลับ พร้อมบ่นเสียงตํ่าว่า “จริงจังหน่อย!”

ความเอียงอายของนางทำให้นัยน์ตาของซือมั่วเข้มขึ้นหลายส่วน ส่วนลึกในดวงตาราวกับมีอารมณ์บางอย่างล้นทะลักออกมา

ดีที่มู่ชิงเกอกลับคืนสู่ท่าทีปกติในพริบตา นางมองไปยังแมลงที่รวมตัวกันไม่ยอมจากไปไหนแล้ว เอ่ยว่า “ไม่รู้ว่ายังมีแมลงเหล่านี้อีกเท่าไหร่ พวกกู่หยาก็คงเข้ามาไม่ได้ในเร็วๆ นี้ พวกเราจะทะลวงออกไปได้อย่างไร?”

ซือมั่วเก็บอารมณ์ในดวงตากลับแล้วเอ่ยว่า “แมลงพวกนี้มีคนคอยควบคุมอยู่ด้านหลัง บีบคนๆ นั้นออกมาก็พอแล้ว”

มีคนคอยควบคุม!

มู่ชิงเกอรู้สึกหนักใจ นางรู้ถึงจุดๆ นี้เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ไปล่วงเกินใครเหตุใดจึงมีคนของเผ่าฉงมาต่อสู้กับพวกเขาได้?

ค่ายกลแมลงเหล่านี้ยากมากที่จะฝ่าออกไป ถึงแม้จะเอาชีวิตขององครักษ์มารไม่ได้แต่หากยังถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่ทางแก้ที่ดี

ที่สำคัญก็คือนางไม่อาจให้ซือมั่วลงมือได้อีกแล้ว มิเช่นนั้นอาการบบาดเจ็บของเขามีแต่จะหนักมากขึ้น

“จะบีบให้คนเบื้องหลังออกมาได้อย่างไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามเสียงเข้ม

ซือมั่วมองไปยังบรรดาแมลงที่ไม่ยอมจากไปไหนแต่ก็ไม่ยอมโจมตีพวกนั้นแล้ว ก็พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า “คนของเผ่าฉงพึ่งพาความสามารถในการควบคุมแมลง ตามปกติแล้วพวกเขาจะซ่อนตนเองเอาไว้ดีมาก หากคิดจะบีบให้พวกเขาออกมาก็มีเพียงวิธีเดียว”

“วิธีอะไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม นัยน์ตาของซือมั่วสะท้อนแสงสีแดงเลือดแวบหนึ่ง ยิ้ม อย่างกระหายเลือดแล้วเอ่ยว่า “ฆ่าจนเขาปวดใจ แล้วออกมาเอง!”

มู่ชิงเกออ้าปากค้างมองเขา ไม่รอนางตอบกลับ ซือมั่วก็ออกกระบวนท่าอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาใช้พลังจิตมากกว่าเดิม ไอสังหารระเบิดออกมาจากร่างกายของเขากลายเป็นมีดไร้รูปร่างพุ่งเข้าไปในค่ายกลแมลง เก็บเอาชีวิตแมลงเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่งและรวดเร็ว

เพียงแค่ซือมั่วลงมือ ความกดดันขององครักษ์มารที่คุ้มครองอยู่รอบกายก็ลดลงไปมาก จนแทบจะไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้ลงมืออีกเลย

พวกเขาได้แต่จ้องมองค่ายกลแมลงที่เกิดรูรั่วและบรรดาแมลงที่พยายามพุ่งเข้าไปอุดรอยรั่วเหล่านั้น แมลงเหล่านี้แต่ละตัวมีขั้นจิตวิญญาณชั้นสอง มู่ชิงเกอฆ่าพวกมันไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าองครักษ์มารจะฆ่าพวกมันไม่ได้

ภายในค่ายกลแมลงมีเสียงร้องโหยหวนของแมลงดังออกมา

เสียงนี้ฟังแล้วสยดสยองมาก ชวนให้คนขนหัวลุก

“เจ้าไม่อาจใช้พลังจิตได้อีกนะ!” มู่ชิงเกอมองใบหน้าที่เริ่มซีดขาวมากขึ้นกว่าเดิมของซือมั่วแล้วอดพูดอย่างเป็นห่วงไม่ได้

แต่ซือมั่วกลับมองนางอย่างนิ่งสงบ นัยน์ตาสีอำพันดูสดใส “เจ้ามียา”

มู่ชิงเกอชะงัก

นางมียานั้นไม่ผิด แต่ยาระดับเทวะทำได้เพียงคลายความเจ็บปวดให้ซือมั่วได้เท่านั้น ไม่อาจแก้ปัญหา

“หยุดมือ!” เวลานี้เองก็มีเสียงดังมาจากที่ไกลๆ

“ออกมาแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว ซือมั่วก็กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางสังเกตเห็นว่าเมื่อเสียงนั้นดังขึ้น บรรดาแมลงที่บุกโจมตีอย่างต่อเนื่องก็หยุดลงแล้วก็ถอยออกไปเรื่อยๆ

ในที่สุดกู่หยาและกู่เย่รวมถึงองครักษ์มารที่เหลือก็สามารถทะลวงเข้ามารวมตัวกับพวกเขาได้

หลังจากแมลงเหล่านี้ถอยหลังออกไปแล้วก็ไม่ได้กระจายไป เพียงแต่กลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ ส่วนบรรดาแมลงที่บินอยู่กลางอากาศก็อ้าปากอย่างบ้าคลั่งน่ากลัว บินวนรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

ซือมั่วยิ้มเย็น สะบัดมือส่งพลังมารออกไปฆ่าแมลง

จี่ จี่!

เสียงร้องโหยหวนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แมลงอีกกลุ่มใหญ่ตายภายใต้เงื้อมมือของซือมั่ว

“ข้าบอกให้เจ้าหยุดมือ! คนเผ่ามาร อยู่ในเหวหนอนโบราณก็อย่าได้กำแหงนัก!” เสียงนั้นพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน

แต่คำพูดข่มขู่นี้ทำให้นัยน์ตาของชีอมั่วยิ่งเยียบเย็น อำมหิตมากขึ้นไปอีก เขายกมือขึ้นอีกครั้งคิดจะโจมตีแต่ก็ถูกมู่ชิงเกอดึงเอาไว้ “ฟังก่อนว่าเขาต้องการอะไร” นางพูดโน้มน้าวใจ ในความเป็นจริง นางเพียงแค่ไม่ต้องการให้ซือมั่วสูญเสีย พลังจิตอีกเท่านั้น

ชีอมั่วมองนางแวบหนึ่งจากนั้นก็วางมือลง

เขายอมวางมือทำให้มู่ชิงเกอค่อยสงบใจลงได้บ้าง แล้วก็เอายาเม็ดหนึ่งออกมาส่งไปที่มือของเขา นางไม่อยากจะป้อนให้เขาแล้ว

แต่ซือมั่วกลับคว้ามือของนางมาค้างไว้บนริมฝีปากของตนเอง นัยน์ตาสีอำพันมองนางราวกับกำลังออกคำสั่ง

ความหมายนั้นชัดเจนมาก เขาต้องการให้มู่ชิงเกอป้อนเขา!

ดูเหมือนว่ารสชาติที่ได้ลิ้มลองอย่างไม่ตั้งใจเมื่อครู่จะทำ ให้เขาติดใจ

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก บ่นในใจว่า ‘นี่เป็นเวลาอะไร ยังจะมีกะจิตกะใจมาเกี้ยวกันอีก!’

นางถลึงตามองเขา อย่างหมดทางเลือกแวบหนึ่ง หลังจากมู่ชิงเกอยัดยาในมือใส่ปากเขาอย่างแรงแล้วก็รีบชักมือของตนเองกลับมาในทันที ไม่ยอมให้แผนร้ายของเขาได้สำเร็จ

เสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากที่ไกลๆ

มู่ชิงเกอเก็บความคิดกลับมา มองไปด้านหน้า ส่วนซือมั่วกลับไม่ได้สนใจคนที่มาเลยสักนิด ดวงตาคู่นั้นจ้องมองแค่เพียงผู้หญิงในอ้อมอกเหมือนกลัวว่านางจะหายไปอย่างนั้น

เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว สิ่งนี้ทำให้กู่หยาและกู่เย่รวมไปถึงบรรดาองครักษ์มารลอบระมัดระวังขึ้นมา

หมอกควันสีเหลืองของเหวหนอนโบราณกระจายออกไป ด้านในมีกลุ่มคนเดินออกมา

จำนวนคนไม่มาก มีเพียงแค่เจ็ดแปดคน

พวกเขาสวมชุดแตกต่างกันไป แต่ที่น่าจดจำก็คือสีสันสวยงามบนชุด ดูเหมือนว่าบนชุดของทุกๆ คนจะมีสีเจ็ด แปดสีรวมกัน

ชุดลายดอกสีสันสดใสมาก

บนผมของพวกเขามีกิ่งไม้เป็นปิ่นปักผม

“เป็นเผ่าสาขาของเผ่าฉง คนของเผ่าชงเหยียน!” เมื่อกู่หยามองเห็นการแต่งกายของพวกเขา นัยน์ตาของเขาก็หดตัวลงแล้วก็พูดออกมา ประโยคนี้ของเขาพูดให้แก่มู่ชิงเกอฟัง

เพราะนอกจากนางแล้ว คนอื่นๆ ก็รู้ถึงที่มาของคนเหล่านี้ในทันทีที่เห็นการแต่งกายของพวกเขา ทำให้ทุกคนดูตึงเครียดขึ้น พร้อมทั้งจับอาวุธแน่น

‘เผ่าชงเหยียน?’ มู่ชิงเกอไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่คงไม่ใช่มิตรแน่

“เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวตลกกลุ่มหนึ่งก็เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกังวล” ซือมั่วค่อยๆ พูดขึ้น เขาเองก็พูดกับมู่ชิงเกอ และเมื่อมู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าท่าทางของเขาดูสงบนิ่งมากไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

“ชิ! กลุ่มคนเผ่ามาร มาอยู่ในเหวหนอนโบราณยังทำตัวกำแหงเช่นนี้อีก ไม่เห็นพวกเราคนเผ่าฉงอยู่ในสายตาเลย” คนที่นำมาแต่งตัวหรูหราท่าทางดูโอ้อวด รูปโฉมของเขา ไม่ถึงขั้นหล่อเหลาแต่ก็ไม่น่าเกลียด เพียงแต่ความหยิ่งผยองบนหว่างคิ้วทำให้คนเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจ

“เผ่าชงเหยียนมีที่มาอย่างไร?” มู่ชิงเกอถามกู่หยาเบาๆ

กู่หยาเอ่ยว่า “เผ่าชงเหยียนเป็นหนึ่งในเผ่าสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเผ่าฉง ในเหวหนอนโบราณเผ่าสาขาเช่นนี้มีทั้งหมดสามเผ่า อีกสองเผ่ายังดีหน่อย มีเพียงแต่เผ่าชงเหยียนที่หลังจากหัวหน้าเผ่ารุ่นก่อนได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองก็หยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังดูแคลนคนเผ่าเทพและเผ่ามารมาก ดูเหมือนคิดว่าตนเองเป็นราชาของเหวหนอนโบราณไปเสียแล้วก่อนหน้านี้มีคนของเผ่าเทพและมารจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาในเหวหนอนโบราณแล้วหายไป สุดท้ายก็พบว่ากลายเป็นซากกระดูกอยู่ในหลุมแมลงของเผ่าชงเหยียน”

‘เอาคนของเผ่าเทพและมารไปเลี้ยงแมลง?’ นัยน์ตาของ มู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ นางถามว่า “คนของเผ่าชงเหยียนกล้าถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

กู่หยาพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาก็แค่อาศัยเรื่องที่ว่าเผ่าเทพและมารจะไม่ก่อสงครามกับเผ่าฉง อีกทั้งเผ่าเทพและมารบางส่วนที่เข้ามาในเหวหนอนโบราณเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับพวกเขาดี”

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว! เป็นเพียงพวกที่กล้าแค่เฉพาะในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น

“เจ้าคนตรงข้ามนั้นเอาเสื้อของเจ้าออกไป ให้ข้าได้เห็นสาวงามในอ้อมอกเจ้าชัดๆ หน่อย ได้ยินมาว่ามีสาวงามมายังเหวหนอนโบราณ วันนี้ก็ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาหน่อยเถอะ” คนที่นำมาพูดอย่างหยิ่งยโส

ที่แท้พวกเขามาเพราะมู่ชิงเกอ!

มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้โมโหก็รู้สึกว่ากลิ่นอายรอบกายของผู้ชายของตนเองเยียบเย็นลง กลิ่นอายความโหดร้าย ทารุณราวกับปรากฎขึ้นมาจากส่วนลึกของพื้นดิน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!