ตอนที่ 435
คืนแห่งการฆ่าล้าง
“ตอนนี้ข้าจะจัดการเจ้าอย่างไรดี? ผู้ชายที่กล้าแย่งผู้หญิงของข้า” นํ้าเสียงเย็นชาของซือมั่วค่อยๆ ดังขึ้น เหมือนเสียงของปีศาจจากนรกมาทวงวิญญาณ ทั้งยังดู เหมือนเทพสวรรค์ที่กำลังพิโรธ
ซือมั่วที่เป็นเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอตะลึงอยู่กับที่ นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อนซือมั่วในตอนนี้ดุจดั่งเทพมารโบราณที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนหน้านี้แม้ว่านางจะรู้ถึงสถานะในเผ่ามารของซือมั่ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในตอนนี้นางเหมือนจะได้เห็นซือมั่วที่แท้จริง ซือมั่วในอีกด้านหนึ่ง
“พระชายา!” กู่หยามาถึงข้างกายของมู่ชิงเกออย่างเป็นกังวล
เขาเองก็มองเห็นซือมั่วที่มีไอมารโอบล้อมร่างกายและแผ่ความเย็นยะเยือกออกมาด้วยเช่นกัน เขากลัวว่ามู่ชิงเกอจะรับองค์ราชาที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้
“แต่ก่อนเขาเป็นเช่นนี้ตลอดงั้นหรือ?” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ถามขึ้นมา
“…” ปัญหานี้ทำให้กู่หยาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
เขามองไปยังมู่ชิงเกออย่างลังเล แต่กลับมองเห็นว่าดวงตาคู่นั้นของนางจ้องมองที่แผ่นหลังของซือมั่วตลอดเวลา แผ่นหลังที่สูงใหญ่ถูกไอมารสีดำปกคลุม ซือมั่วในตอนนี้ ดูเย็นชาไร้ความรู้สึก ไอสังหารดุดัน เขากุมคอของอินเถิงขึ้นมา กุมชีวิตของเขาเอาไว้
“ข้า…ข้าเป็น…หลายชาย…ของ…หัวหน้า…เผ่าชงเหยียน…เจ้า…ไม่…ไม่กล้า…” ใบหน้าของอินเถิงแดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่ปูดนูน เส้นเลือดปูดจนแทบจะระเบิดออกมา
เขาพยายามรวบรวมคำพูดออกมา ไม่ใช่การขอร้องกลับเป็นการข่มขู่
เขากำลังข่มขู่ซือมั่ว!
เขากล้าข่มขู่ซือมั่ว!
ข่มขู่องค์ราชาที่อายุน้อยที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดจนทำให้ทั่วทั้งแดนมารยอมสยบ!
คำพูดของอินเถิงทำให้ซือมั่วยิ้มอย่างกระหายเลือด พลังมารสายหนึ่งวาบผ่านสองเท้าของอินเถิง
“อ๊าก!” อินเถิงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
มู่ชิงเกอเห็นสองเท้าที่ถูกตัดขาดของอินเถิงตกลงบนพื้นทราย เลือดไหลออกมาจากบาดแผลดุจสายนํ้า
“เจ้า…” อินเถิงพูดออกมาจากไรฟันที่สั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่อารมณ์ก่อนหน้านี้ของเขา
“ไม่…ไว้…ไว้ชีวิตข้า…” อินเถิงที่กำลังหวาดกลัวขอร้องขึ้นมา
แต่ซือมั่วก็ทำเหมือนว่ามองไม่เห็น พลังมารวาบผ่านไปอีกครั้ง
“อ๊าก!” อิงเถิงร้องออกมาอย่างโหยหวน
ความเจ็บปวดจากการถูกแล่เนื้อตัดกระดูกนั้นยากที่คนธรรมดาจะทานทนได้
ชิ้นเนื้อเล็กๆ หล่นลงมาจากบาดแผลก่อนหน้านี้ของอินเถิง
มู่ชิงเกอมองเห็นอย่างชัดเจนว่าชิ้นเนื้อนั้นมีกระดูกติดมาด้วย
“เจ้าว่าข้าสามารถแล่เจ้าได้กี่ครั้ง?” เสียงของซือมั่วดุจดั่งเสียงของปีศาจ ทำให้ใบหน้าที่เจ็บปวดของอินเถิงเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
“ขอ…ขอร้องเจ้า…ข้าผิด…ผิดไปแล้ว…ข้าไม่…ไม่กล้า… อ๊าก!”
น่าเสียดายที่ซือมั่วไม่มีอารมณ์จะฟังการขอร้องของอินเถิง
พลังมารวาบไปอีกครั้ง ส่วนขาที่ตํ่ากว่าเข่าลงไปของอินเถิงถูกตัดออกเป็นหลายท่อน ตกกระจายลงบนพื้น
“ผิด? ไม่กล้า? ไม่ ข้าเพิ่งจะเริ่มต้นเอง จะจบเช่นนี้ได้อย่างไร?” รอยยิ้มของซือมั่ว แม้ว่าจะยังคงดูหล่อเหลา แต่กลับทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากคำพูดของเขาจบลง พลังมารที่กำลังเคลื่อนไหว ก็เหมือนเผยรอยยิ้มอันน่ากลัวออกมา พุ่งออกมาจากมือของซือมั่วเข้าไปหาอินเถิงจากทุกทิศทาง
พลังมารเหล่านี้ไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อพร้อมกระดูกของอินเถิงดังที่เคย แต่เปลี่ยนเป็นมีดแล่เนื้อของอินเถิงออกมาทีละชิ้น…ทีละชิ้น
“อ๊าก!”
ทั่วทั้งทะเลทรายเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของอินเถิง
แผ่นเนื้อที่ถูกแล่ออกมาตกลงบนพื้นส่งกลิ่นคาวเลือดออกมา
“พระชายา ท่านต้องการหลบไปก่อนหรือไม่?” กู่หยามองมู่ชิงเกออย่างระมัดระวัง เห็นนางเอาแต่มองฉากอันน่าสยดสยองแล้วก็อดเสนอออกมาไม่ได้
มู่ชิงเกอส่ายหน้า นางมองกู่หยาแล้วก็ยิ้ม “กู่หยา ในใจของเจ้านั้นข้าอ่อนแอถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? ฉากเพียงเท่านี้สามารถทำให้ข้าหวาดกลัวได้หรือ?”
กู่หยาอ้าปากค้าง เขารู้ว่าฉากเช่นนี้ไม่สามารถทำให้มู่ชิงเกอหวาดกลัวได้ ที่เขาเป็นกังวลก็คือกลัวนางรับองค์ราชาไม่ได้ สิ่งที่กู่หยาเป็นกังวลนั้นมู่ชิงเกอเข้าใจ
นางหัวเราะในใจแล้วหันมองซือมั่ว
แน่นอนว่าซือมั่วแต่ก่อนนั้น ถึงเขาจะฆ่าคนต่อหน้านาง แต่ก็ไม่เคยทำให้นางรู้สึกถึงความอำมหิตบนร่างของเขามาก่อน
แต่ซือมั่วในตอนนี้…
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ขยับเท้าค่อยๆ เดินเข้าไปหาซือมั่ว
นางเดินช้ามาก แต่การเคลื่อนไหวของนางกลับทำให้กู่หยาหวาดกลัว กลัวว่าการเข้าใกล้ของนางจะทำให้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย
“คุณชาย!” กู่หยารีบเข้าไปยืนบังตรงหน้าของมู่ชิงเกอในทันที พูดกับนางด้วยท่าทางที่ดูเคร่งขรึมว่า “ทางที่ดี ท่านอย่าได้เข้าใกล้องค์ราชาในตอนนี้จะดีกว่า” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววสงสัย
กู่หยาเอ่ยว่า “หลังจากองค์ราชาพบท่านแล้วถึงได้กลายเป็นคนที่มีเลือดเนื้อมีหัวใจขึ้นมา”
ประโยคนี้เหมือนกับมีดที่กรีดลงบนหัวใจของมู่ชิงเกอ นางคิดไม่ออกเลยว่าก่อนที่จะพบนางนั้นซือมั่วใช้ชีวิตมาอย่างไรและพบเจอกับอะไรมาบ้าง?
มู่ชิงเกอดึงมือของกู่หยาที่ขวางอยู่ตรงหน้าของนางลง แล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่กลัวเขาหรอกและเขาก็จะไม่ท่าร้ายข้าแน่นอน”
นางเดินเข้าไปหาซือมั่วต่อ ตอนนี้เนื้อบนร่างกายของอินเถิงถูกแล่ออกมาจนหมด เหลือแค่เพียงโครงกระดูกที่สั่นไหวคล้ายจะตกลงมาได้ทุกเมื่อและศีรษะที่สมบูรณ์ภายในโครงกระดูกตรงหน้าอกของเขา หัวใจยังคงเต้นอยู่
“คำสั่งเสีย” ซือมั่วพูดออกมาด้วยนัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึก
อินเถิงพูดคำขอร้องออกมาไม่ไหวแล้ว เขาทนความเจ็บปวดไม่ไหว ดวงตาของเขามองไปยังซือมั่วอย่างเคียดแค้น “ปู่ของข้าจะต้องแก้แค้นให้ข้า! จะทำให้เจ้าไม่สงบสุขไปชั่วชีวิต!”
“เช่นนั้น…ก็ตายไปด้วยกันเถอะ” เมื่อซือมั่วพูดจบเขาก็ ยื่นมืออีกข้างเข้าไปยังหัวใจที่กำลังเต้นอยู่อย่างรุนแรง การเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก ช้าจนทำให้อินเถิงมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวของเขา
ดวงตาของอินเถิงถลนออกมา หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรงเหมือนกำลังจะระเบิดออก
จริงๆ แล้วกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว แต่ซือมั่วกลับทำให้ช้าลง เขากำลังทรมานอินเถิง ไม่เพียงแต่ทรมานร่างกายของเขา แต่ยังทรมานวิญญาณ ของเขาด้วย
อินเถิงกลัว! กลัวแล้วจริงๆ!
เขารู้สึกเสียใจที่มายั่วยุจอมมารผู้นี้ เสียใจที่มาที่นี่ และยิ่งเสียใจไม่น่าไปมองผู้หญิงของคนอื่น!
ซี่โครงหักลง ในที่สุดมือของซือมั่วก็เข้าไปในห้องหัวใจ นิ้วทั้งห้าของเขากุมไปยังหัวใจที่เต้นไม่หยุด นิ้วทั้งห้าของเขาออกแรงบีบภายใต้การจ้องมองอย่าง
หวาดกลัวของอินเถิง
ปัง!
หัวใจระเบิด เลือดสาดเปื้อนใบหน้าของซือมั่วและเปื้อนเสื้อผ้าของเขา
เขาขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ ปล่อยมือออกจากคอของอินเถิง เมื่อร่างที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียใจตกลงพื้นก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
องครักษ์มารรีบเอาผ้าสะอาดยื่นเข้ามา ซือมั่วรับไปเช็ดใบหน้าของตนเอง
เวลานี้เองก็มีมือขาวนวลคู่หนึ่งรับเอาผ้ามาจากมือของเขาแล้วเช็ดให้เขาอย่างละเอียด
ซือมั่วสังเกตเห็นมู่ชิงเกอ การเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนมาก ท่าทางก็ดูตั้งใจ ไม่ยอมทิ้งเลือดเอาไว้สักหยด เมื่อมองเห็นนางแล้ว ความอำมหิตในดวงตาของซือมั่วก็ ค่อยๆ จางหายไป เขาเอ่ยถามว่า “กลัวไหม?”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าผู้หญิงตรงหน้าจะพยักหน้า หรือพูดคำว่า ‘กลัว’ ออกมา
มือของมู่ชิงเกอชะงัก มองไปที่เขาแล้วหัวเราะขึ้นมา “ทำไมต้องกลัวด้วย?”
ทำไมต้องกลัว?
ทำไมต้องกลัว!
ซือมั่วรู้สึกยินดีมาก ความเยียบเย็นในดวงตาของเขาจางหายไป ปรากฎความอบอุ่นและดีใจขึ้นมา
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ็บไหม?”
นางกังวลว่าการขับเคลื่อนพลังมารเมื่อครู่จะส่งผลกระทบต่อบาดแผลของเขา
ซือมั่วมองนางแล้วก็ส่ายหน้า
เขามองนางเหมือนมองดูสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าพาเจ้าไปสังหารคนเป็นอย่างไร?” ซือมั่วค่อยๆ พูดขึ้นมา นํ้าเสียงของเขาไม่ได้แฝงความอำมหิตดุดันเอาไว้อีก แต่กลับเพิ่มความอบอุ่นเข้ามา หลายส่วน
มู่ชิงเกอชะงักรู้สึกมึนงง นานมาแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผู้ชายคนเดียวกันนี้ ยืนอยู่ ตรงหน้านางแล้วพูดคำๆ เดียวกัน!
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างงดงามแล้วพยักหน้า “ดี พวกเราไปสังหารคนกัน”
องครักษ์มารที่อยู่รอบกายของพวกเขาทั้งสองได้ยินคำพูดคุยระหว่างทั้งสองคนแล้วก็กลอกตาในใจ เหตุใดคำพูดคุยจีบกันขององค์ราชาและพระชายาถึงไม่ เหมือนกับคนทั่วไป?
การสังหารคน…เมื่อออกมาจากปากของพวกเขาแล้วก็ดูเหมือนการไปชมดอกไม้อย่างนั้น
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!” ซือมั่วเงยหน้าหัวเราะดังลั่น
การที่เขาหัวเราะครั้งนี้ทำให้องครักษ์มารทั้งกลุ่มใจหายวูบ
พวกเขามององคราชาของพวกเขาอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าเชื่อสายตาและหูของตนเอง
องค์ราชาหัวเราะเป็นด้วยหรือ?
หัวเราะแล้ว?
ทั้งยังหัวเราะอย่างมีความสุขถึงเพียงนี้?
พวกเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกนับถือในตัวมู่ชิงเกอพุ่งทะยานขึ้น
กู่หยาและกู่เย่ที่คุ้นชินกับฉากเช่นนี้แล้วก็มองไปยังบรรดาองครักษ์มารอย่างดูแคลน
‘เมื่อองค์ราชาอยู่ต่อหน้าคุณชายแล้วทุกอย่างเป็นไปได้!’
กู่หยาพูดในใจ
ซือมั่วเก็บเสียงหัวเราะจากนั้นก็โอบเอวของมู่ชิงเกอ ดึงนางเข้ามาในอ้อมอก มู่ชิงเกอที่สูงเพรียวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แล้วก็ตัวเล็กเหมือนกับนกน้อย
“ไป พวกเราไปสังหารคนเผ่าชงเหยียนกัน” นัยน์ตาของซือมั่วฉายแววอำมหิต
เขาพามู่ชิงเกอกระโดดขึ้น เสียงร้องเสียงหนึ่งดังแว่วมา จากนั้นทั้งสองคนก็ไปขี่อยู่บนหลังของนกสีดำ
“โชค?!” มู่ชิงเกอพูดอย่างตกตะลึง
นี่คือโชคตัวผู้ของซือมั่ว
แต่เมื่อซือมั่วพบเห็นมัน เขากลับขมวดคิ้วขึ้นดูเหมือนเขาจะคิดไม่ออกว่าเขามีพาหนะตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาก็รู้ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมู่ชิงเกอนั้นถูกผนึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ โอบกอดนางขี่บนหลังของโชค
โชคพาทั้งสองคนมายังเผ่าชงเหยียน
กู่หยามองกู่เย่แล้วถามว่า “องค์ราชาจะฆ่าล้างเผ่าชงเหยียนจริงๆ น่ะหรือ?”
กู่เย่ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “เผ่าชงเหยียนหยิ่งยโส ทำให้ผู้คนไม่ชอบมานานแล้ว เพียงแต่พวกเขาเอาแต่อยู่ในเหวหนอนโบราณทำให้เผ่าเทพและมารหาเหตุผลลงมือจัดการไม่ ได้ ส่วนคนของเผ่าสาขาอื่นๆ ในเผ่าฉงก็มีกำลังไม่เพียงพอจึงได้แต่ยอมอดทน ครั้งนี้เจ้าอินเถิงนั้นไม่รู้จักที่ตายกล้ายั่วยุองค์ราชา วันนี้เผ่าชงเหยียนคงสิ้นแล้ว”
นัยน์ตาของกู่เย่ฉายแววเย็นยะเยือก
สำหรับเผ่าชงเหยียนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าสมควรฆ่า!
แต่เมื่อคิดถึงร่างกายของซือมั่วแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เอ่ยอย่างกังวลใจว่า “ร่างกายขององค์ราชา…”
กู่เย่ถอนหายใจ “นิสัยขององค์ราชาเจ้าก็รู้ดี คนของเผ่าชงเหยียนยั่วยุเขา เขาต้องฆ่าอยู่แล้ว ดีที่มีพระชายาอยู่ข้างกาย หากเกิดอะไรขึ้นนางก็ยังพอช่วยได้บ้าง”
กู่หยาพยักหน้า ลอบเอ่ยในใจว่า ‘บางทีคุณชายอาจจะรู้ว่าห้ามไม่อยู่ถึงได้ตามใจองค์ราชา’
โชคพาซือมั่วและมู่ชิงเกอไปยังเผ่าชงเหยียน กู่หยาและกู่เย่นำองครักษ์มารไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
โชคไปถึงกลางอากาศของเผ่าชงเหยียนอย่างรวดเร็ว
มันไม่ได้ร่อนลงพื้น แต่ลอยวนอยู่กลางอากาศ
เผ่าชงเหยียนตื่นตกใจ มีคนจำนวนไม่น้อยวิ่งออกมาจากบ้าน บรรดาแมลงนับไม่ถ้วนก็เพิ่มเข้ามาจากรอบด้าน
ซือมั่วยิ้มเยาะ ยกมือขึ้น
“ข้าจัดการเอง” มู่ชิงเกอดึงมือของเขาลงแล้วพูดกับเขาอย่างจริงจัง
ซือมั่วมองไปก็พบว่าในมือของมู่ชิงเกอปรากฎดอกบัวเพลิงขึ้นมาดอกหนึ่ง
มู่ชิงเกอหมุนปลายนิ้ว ดอกบัวเพลิงก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ยิ่งหมุนยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะครอบคลุมทั้งเผ่าชงเหยียน
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์…” ซือมั่วโอบมู่ชิงเกอแน่น ขมวดคิ้วขึ้นจ้องใบหน้าที่ซีดขาวของนาง
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววแน่วแน่ ยิ้มบางๆ ส่ายหน้าให้เขา
บนพื้น หัวหน้าของเผ่าชงเหยียนนำองครักษ์พุ่งออกมา เงยหน้าขึ้นถามว่า “พวกเจ้าคือ…”
“ระเบิด!” แต่ว่าเขายังพูดไม่จบริมฝีปากแดงของมู่ชิงเกอก็แย้มออกเบาๆ
ดอกบัวเพลิงกลางอากาศระเบิดขึ้นในทันที กลายเป็นเปลวไฟนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปบนพื้น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือแมลง หากสัมผัสโดนเปลวไฟของพญาเพลิงอัคคีแรก กำเนิดก็จะถูกเผาไหม้ในทันที
แสงไฟสว่างจ้าไปทั้งท้องฟ้าเหวหนอนโบราณ
มู่ชิงเกอพิงอยู่ในอ้อมอกของซือมั่ว มองดูทะเลไฟด้วยกันกับเขา เผ่าชงเหยียนที่กำลังสับสนอลหม่าน เงาร่างผู้คนที่กำลังทุรนทุรายทำให้นางค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น พูดอย่างไม่พอใจว่า “พญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดยังถือว่าอ่อนแอไปหน่อยเมื่อต่อกรกับเผ่าต่างๆ บนแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร”
ในโลกแห่งยุคกลางหากมีใครสัมผัสโดนพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดเพียงนิดเดียวก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านไป
เมื่อซือมั่วได้ยินคำพูดนี้แล้วก็พูดออกมาอย่างเอ็นดูว่า “รอให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ทะลวงเข้าสู่ขั้นจิตวิญญาณแล้วก็จะดีขึ้นเอง”
มู่ชิงเกอยิ้มให้เขา กำลังจะพูด หางตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของคนๆ หนึ่งพุ่งตัวขึ้นมาบนฟ้า เข้ามาทางพวกเขาทั้งสองคน…