Skip to content

พลิกปฐพี 437

ตอนที่ 437

องค์ราชากลับมาแล้ว!

พระราชวังไท่ฮวง เจ้าเมืองย่อยทั้งสิบหกคน…ตอนนี้เหลือเพียงสิบห้าคน มาปรากฎตัวอยู่ในตำหนักไท่ฮวง นอกจากพวกเขาแล้วก็ยังมีบรรดาชนชั้นสูงในเผ่ามารที่มีสิทธิ์มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ยืนเงียบๆ อยู่ในตำหนัก ไม่ใช่เพื่ออะไร เพียงแต่เพราะองค์ราชาของพวกเขากลับมาแล้ว!

องค์ราชากลับมาแล้ว?

สั่วเซิ่ง เซ่อฉิน ซู่เหยียนและซูเฉวียนรู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาลอบส่งสายตาหาเจ้าเมืองย่อยอีกสามคนที่ร่วมมือกัน แต่อีกสามกลับทำเป็นมองไม่เห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา พากันนิ่งเงียบดุจดั่งรูปปั้น

“น่ารังเกียจนัก! เจ้าพวกสามคนนี้คิดอยากตัดความสัมพันธ์ตอนนี้งั้นรึ!” ซู่เหยียนพูดอย่างโมโห

ซูเฉวียนเองก็โมโหไม่ต่างกัน “ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามสนับสนุนพวกเราชัดๆ! มาตอนนี้พอองค์ราชากลับมาแล้วพวกเขากลับคิดจะสลัดพวกเราทิ้งรึ?”

สั่วเซิ่งถอนหายใจ เอ่ยอย่างหมดทางเลือกว่า “เพราะพวกเราใจร้อนเกินไป!”

ประโยคนี้ของเขาทำให้อีกสามคนเงียบลง

พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของสั่วเซิ่ง พวกเขาใจร้อนเกินไป องค์ราชาหายไปเพียงแค่ปีกว่าพวกเขาก็ร้อนใจอยากตั้งองค์ราชาคนใหม่ ไม่มีองค์ใหม่ก็จะสร้างขึ้นมา

สรุปแล้วแม้แต่เลือดหัวใจขององค์ราชาพวกเขาก็ยังไม่ทันได้เห็น ก็กลับมีพระชายาโผล่ออกมาแทน

หากพระชายาต่อกรได้ง่ายก็ดีไป แต่พระชายาที่โผล่มากลับยากจะต่อกร อีกทั้งยังร้ายกาจมาก สามารถทำให้บรรดาขุนนางในพระราชวังไพ่ฮวงกลัวได้ก็แล้วไป แต่นางยังสามารถคิดแผนการมาฆ่าเผ่าอี้จนหมดสิ้นได้ นับตั้งแต่มีสงครามระหว่างเผ่ามารและเผ่าอี้มา นอกจากที่องค์ราชาออกศึกเองแล้วก็ไม่เคยได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดเช่นนี้อีก

ตอนนี้บรรดาทหารเผ่ามารเคารพนับถือพระชายามาก โดยไม่ได้สนใจระดับพลังที่ตํ่าต้อยของนางเลย

ตอนนี้สถานะของพระชายามั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนองค์ราชาที่หายไปก็กลับคืนมา

พวกสั่วเซิ่งสี่คนจะไม่กลัวได้อย่างไร?

พวกเขากลัวว่าองค์ราชาจะไล่เอาความเรื่องที่พวกเขาทำรวมทั้งความคิดที่ไม่สมควรมี

“อิงตามนิสัยขององค์ราชาแล้ว เกรงว่าวันนี้พวกเราคงต้องตายแน่” เซ่อฉินส่งสายตาหาอีกสามคนแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจ

ทั้งสามคนนิ่งเงียบ

คนที่กล้าทรยศซือมั่วลับหลัง นอกจากพวกเผ่าที่ก่อนหน้านี้ที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับเว้นโทษตายและถูกขับไล่ไปทะเลมั่วไห่แล้ว คนอื่นๆ ก็ตายอย่างหมดจด แม้แต่โอกาสเกิดใหม่ก็ยังไม่มี

พวกเขาทั้งสี่คนจะโชคดีเช่นนั้นหรือไม่?

ทั้งสี่คนรู้สึกหนักอึ้งในใจ

“เช่นนั้นพวกเราจะรอความตายงั้นหรือ?” ซูเฉวียนรู้สึกไม่ยอม

ซู่เหยียนยิ้มอย่างขมขื่น “เช่นนั้นยังจะทำอะไรได้อีก? พวกเราฉวยโอกาสตอนที่องค์ราชาหายไปก่อเรื่อง ก็เพราะองค์ราชาไม่อยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้องค์ราชากลับมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าจะกบฏหรือไม่กบฏ เกรงว่าองค์ราชาคงไม่ให้โอกาสพวกเราด้วยซํ้า”

“สรุปแล้วถึงแม้พวกเราทั้งสี่จะมีความคิดที่ไม่สมควรมี แต่ก็ยอมสยบต่อองค์ราชา หากองค์ราชาไล่ถามเอาความพวกเราก็ได้แต่ยอมรับผิดและขอให้องค์ราชา อภัยโทษละเว้นชีวิตพวกเรา” สั่วเซิ่งถอนหายใจ

หากเทียบกับพวกเขาที่เกิดความหวาดกลัวในใจแล้ว ฝั่งทางจี่ฝูกลับสงบนิ่งกว่ามาก ชิงเจ๋อกับหลิงจิวกลับมาจากแม่นํ้าเมิ่งหลานและก็เล่าเรื่องการศึกในครั้งนี้ให้จี่ฝูและชิงเหยียนฟังอย่างละเอียด ไม่เพียงแต่พวกเขาสองคน เจ้าเมืองย่อยที่จงรักภักดีต่อซือมั่วอีกสี่คนที่ชายแดนก็รับรู้เรื่องที่แม่น้ำเมิ่งหลานเช่นเดียวกัน ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกสนใจต่อพระชายาที่ยังไม่เคยเห็นหน้าผู้นี้มาก

ภายในตำหนักเงียบมากแต่ในใจแต่ละคนกลับมีความคิดวุ่นวายซับซ้อน

นอกตำหนักไท่ฮวง นกทมิฬในถิ่นแดนมารพากันส่งเสียงร้องบินวนรอบเมือง เหมือนกำลังฉลองที่เจ้าแห่งมารกลับมา

เสียงนี้ดังก้องไปทั่วทั้งพระราชวังไพ่ฮวงและเมืองหลวงแดนมาร

บนกำแพงด้านหนึ่งของเมืองมารมีเงาร่างของคนคนหนึ่งห้อยอยู่

ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงสกปรก เสื้อผ้าเปื้อนและยับ ผิวขาวละเอียดกลายเป็นแห้งและแตก รอยเลือดที่แตกมีแมลงบินตอมกินเลือดและเนื้อของนาง

เสียงนกทมิฬในแดนมารดังออกมาจากพระราชวังไท่ฮวง

เมื่อได้ยินเสียงนกประสานเสียงร้อง คนที่ถูกทอดทิ้งให้ห้อยอยู่บนกำแพงเมืองก็สั่นสะท้านขึ้นมา

นางที่กำลังสิ้นหวังเหมือนเกิดความหวังขึ้นมาใหม่

“องค์ราชากลับมาแล้ว…องค์ราชากลับมาแล้ว…” ปากที่โดนเส้นผมบังส่งเสียงแหบแห้งออกมา นํ้าเสียงได้สูญเสียความสดใสและสูงสง่าไป

นางตื่นเต้นจนตัวสั่น นางอดทนต่อความเจ็บปวด รู้สึกได้ถึงเลือดในร่างของตนเองเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

“ข้าไม่อาจตายได้! ข้าไม่อาจตายเช่นนี้ได้…ข้าต้องพบองค์ราชา…ข้าต้องพบองค์ราชา…”

นางพึมพำออกมาอย่างตื่นเต้น แววตาที่มืดมิดกลับมาสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าเมืองย่อย!”

ทันใดนั้น ด้านล่างก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

สายตาของเยี่ยนหย่าพร่ามัวเล็กน้อยมองหาต้นเสียง

“เจ้าเมืองย่อย เป็นข้าเอง” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง

เยี่ยนหย่าหรี่ตาเล็กลง ในที่สุดก็มองเห็นชัดว่าคนที่มานั้นเป็นสาวใช้ของนาง

เหอ เหอ…น่าตลกจริงๆ เยี่ยนหย่ารู้สึกเศร้าขึ้นมา นางถูกหญิงสาวเลวทำร้ายจน ตกอยู่ในที่นั่งลำบากขนาดนี้ คนในตระกูลของนางไม่เพียงแต่ไม่หาวิธีช่วยนาง แต่กลับคิดว่าจะแสดงความจงรักภัคดีต่อหญิงสารเลวคนนั้นอย่างไร จะได้สืบทอดตำแหน่งของนาง

บรรดาคนที่เคยใกล้ชิดและเคารพนางก็พากันออกห่างนางอย่างไม่ลังเล

นางลืมสายตาดูแคลนและเยาะเย้ย รวมถึงคำด่าว่าของคนเหล่านั้นในตอนเห็นนางถูกห้อยไม่ลง

พวกเขาอาศัยอะไร!

อาศัยอะไร!

นัยน์ตาของ เยี่ยนหย่าฉายแววแค้นใจ

นางจะต้องลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้! องค์ราชากลับมาแล้ว นี่เป็นโอกาสของนาง!

นางมองไปที่สาวใช้ที่กำลังยื่นถ้วยนํ้ามาให้นางแล้วสั่งอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไปพบองค์ราชา ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ต้องให้องค์ราชาพบข้าให้ได้ ข้าจะต้องให้องค์ราชาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหญิงสารเลวนั้น! ข้าจะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงสารเลวคนนั้นไป!”

“เจ้าเมืองย่อย…” สาวใช้รู้สึกลังเล นางรู้สึกว่าหากทำเช่นนั้นแล้วจุดจบของเจ้านายตนเองจะเลวร้ายกว่าเดิม

แต่เยี่ยนหย่าในตอนนี้ถูกความแค้นบังตา ท่าทางของนางดูดุร้าย ดวงตาที่โผล่ออกมาจากเส้นผมทำให้สาวใช้ตกใจกลัว

“รีบไป! ”

เยี่ยนหย่าเร่ง

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…” สาวใชไม่กล้าชักช้า แต่นางมองดูรูปลักษณ์ของเยี่ยนหย่าในตอนนี้แล้วก็เอ่ยเตือนขึ้นว่า “เจ้าเมืองย่อย ท่านไปพบองค์ราชาเช่นนี้จะดีหรือ? ให้บ่าวช่วยท่านแต่งตัวเสียหน่อยไหม?”

เยี่ยนหย่าชะงัก คิดขึ้นได้ว่าสภาพของตนเองดูแย่แค่ไหน

การเตือนของสาวใช้ทำให้นางหวั่นไหว

แต่นางก็ตัดสินใจกัดฟันเอ่ยว่า “ไม่! ข้าจะไปพบองค์ราชาเช่นนี้ให้เขาได้เห็นกับตาว่าหญิงสารเลวคนนั้นทำกับข้าอย่างไร! ทรมานข้าอย่างไร! ข้าจะให้องค์ราชาแก้แค้นให้ข้า! ”

ประโยคสุดท้ายของนางเหมือนคำรามออกมา

สาวใช้ตกใจจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง พูดอย่างหวาดกลัวว่า “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…บ่าวจะรีบไปขอพบองค์ราชาเดี๋ยวนี้…”

พูดแล้วนางก็ทิ้งถ้วยนํ้าในมือแล้วหันกายมุ่งหน้าไปยังพระราชวังไท่ฮวง

เมื่อมองสาวใช้จากไปแล้ว เยี่ยนหย่าก็ยิ้มออกมา นางพูดอย่างมั่นใจว่า “องค์ราชาจะต้องพบข้า! องค์ราชาปฏิบัติต่อข้าเป็นพิเศษ…จะต้องเป็นเช่นนั้น…มิเช่นนั้น แล้วเขาก็คงไม่นิ่งเฉยปล่อยให้ข้าสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองย่อย…มิเช่นนั้นแล้วเขาก็จะไม่ละเว้นชีวิตของขุนนางกบฏเพราะข้าขอร้อง…เขาปฏิบัติต่อข้าเป็นพิเศษ ชิ หญิงสารเลวคิดจะให้ข้าตายงั้นหรือ? เกรงว่าครั้งนี้ข้าไม่เพียงจะไม่ตาย แต่ยังจะไปแทนที่ตำแหน่งของเจ้าเข้าไปอยู่ในอ้อมอกขององค์ราชา!”

พระราชวังไท่ฮวง ตำหนักไท่ฮวง

กู่หยาและกู่เย่พาองครักษ์มารลอยลงมาที่นอกตำหนักไท่ฮวงพวกเขาเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ ชุดเกราะบนร่างกระทบกันเกิดเสียงดังออกมาดุจดั่งอยู่ในสนามรบ ทำให้คนในตำหนักอดกลั้นลมหายใจไม่ได้ เพราะพวกเขารู้…ว่าองค์ราชาของพวกเขากลับมาถึงแล้ว!

เหล่าองครักษ์มารแบ่งออกเป็นสองแถว เฝ้าที่ด้านซ้ายและขวาของตำหนักไท่ฮวง เฝ้ารักษาทุกๆ จุดอย่างเข้มงวด

กู่หยาและกู่เย่ก็เดินไปยังด้านหน้าของบัลลังก์อย่างเคร่งขรึม

บนแท่นเก้าชั้นมีบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียวที่เป็นขององค์ราชาของพวกเขา!

ส่วนพวกเขาก็สามารถยืนอยู่เพียงแค่บันไดชั้นที่สาม แบ่งออกยืนซ้ายและขวา

เมื่อทั้งสองคนเข้ายืนที่ตำแหน่งของตนเอง บรรดาขุนนางในตำหนักก็เข้าไปยืนตรงตำแหน่งของตนเองและคุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบ ประสานเสียงเอ่ยว่า “น้อมรับ องค์ราชากลับมา! ขอองค์ราชาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

“น้อมรับองค์ราชากลับมา! ขอองค์ราชาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

“น้อมรับองค์ราชากลับมา! ขอองค์ราชาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

“น้อมรับองค์ราชากลับมา! ขอองค์ราชาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

เสียงของบรรดาขุนนางผสานเสียงไปกับเสียงนกทมิฬ บนยอดตำหนักไท่ฮวง นกทมิฬกระพือปีกบินไป แสงสีดำสายหนึ่งสาดลงมาจากยอดเหนือบัลลังก์

แสงนี้แฝงด้วยพลังอำนาจทำให้หมู่มารยากที่จะต้านทานได้

ภายในแสงสีดำเหมือนมีพลังบางอย่างที่สูงส่งและลึกลับ สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง ทำได้แต่แหงนหน้ามองด้วยความเคารพนับถือ

แสงลีดำค่อยๆ ร่อนลงมาดุจดั่งแสงดาวโอบคลุมบัลลังก์ไว้

ภายในแสงสีดำค่อยๆ ปรากฎเงาร่างสองสายออกมา เงาร่างสองสายนี้คือเงาร่างสูงใหญ่เคียงข้างด้วยเรือนร่างผอมเพรียว

เงาร่างคนค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา

สีดำและสีแดงตัดกันดูงดงามและลงตัว

บรรดาขุนนางแดนมารคุกเข่าเงยหน้ามองเห็นองค์ราชาของตนเอง องค์ราชาที่เย็นชาโหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก

แต่มือขององค์ราชากลับจูงมือผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ สายตาของบรรดาขุนนางมองไปตามมือข้างนั้น แล้วพวกเขาก็ได้เห็นใบหน้างามล่มเมืองเป็นหนึ่งพร้อมรอย ยิ้มองอาจบนใบหน้านั้น

เป็นพระชายาจริงๆ!

ในตอนนี้เองความสงสัยทั้งหมดก็ได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

องค์ราชาจูงมือนางมาปรากฎต่อหน้าบรรดาขุนนาง ใครจะไร้สมองไปถามว่าพระชายาคนนี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอมอีก?

พวกเขา…ไม่กล้าท้าทายอำนาจขององค์ราชา!

“น้อมรับองค์ราชาและพระชายากลับมา! ขอองค์ราชาและพระชายาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

นัยน์ตาของชิงเจ๋อขยับร้องตะโกนออกไป

เพียงเขาส่งเสียง คนอื่นๆ ก็ได้สติขึ้นมา ตะโกนพร้อมกันว่า “น้อมรับองค์ราชาและพระชายากลับมา! ขอองค์ราชาและพระชายาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชั่วนิรันดร!”

“น้อมรับองค์ราชาและพระชายากลับมา! ขอองค์ราชาและพระชายาอายุยืนเสมอฟ้า คุ้มครองแดนมารชวนิรันดร!”

ซือมั่วมองไปยังบรรดาขุนนางที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างเย็นชา ภายในนัยน์ตาสีอำพันไม่มีความรู้สึกใดๆ หลังจากนั้น เขาก็มองกลับมายังมู่ชิงเกอแล้วก็จูงนางพาไปยังบัลลังก์แล้วก็นั่งบัลลังก์ร่วมกันกับนางต่อหน้าบรรดาขุนนางที่กำลังตกตะลึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!