ตอนที่ 445
ความใจแคบของนายท่านมั่ว
มู่ชิงเกอกวาดตามองไปยังเหล่าคนที่ยืนตะลึงอยู่บนดาดฟ้าเรือ มุมปากปรากฎรอยยิ้มบางๆ ออกมา
ตึง ตึง ตึง!
บรรดาคนที่ถูกนางกวาดตามองพากันคุกเข่าลง ร่างกายสั่นสะท้าน
ดูเหมือนกำลังขอร้องให้มู่ชิงเกอให้อภัย
แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้สนใจพวกเขา นางเดินตรงไปยังคนคุมเรือ
สีหน้าของคนคุมเรือดูยํ่าแย่มาก เขามองมู่ชิงเกอที่กำลังเดินมาหาตนเอง สองขาสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ นัยน์ตาของเขาฉายแววหวาดกลัวขึ้นมา
“ขับเรือของเจ้าไปดีๆ ข้าต้องถึงภาคตะวันออกภายในห้าวัน” มู่ชิงเกอเก็บพลังจิตสีทองบนร่าง แต่ใช้ทวนหลิงหลงกดลงไปบนไหล่ของคนคุมเรือแทน
คนคุมเรือสั่นสะท้านรีบเอ่ยว่า “ขอรับ ขอรับ ขอรับ…”
มู่ชิงเกอเก็บทวนหลิงหลงกลับแล้วมองไปยังผู้หญิงที่ถูกนางมัดเอาไว้ ตอนที่นางมัดนางเอาไว้นั้นไม่เพียงแต่มัดเอวแต่ยังมัดสองมือของนางเอาไว้ด้วย
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นนางมองมาก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสีทอง เจ้าร้ายกาจมาก!”
นัยน์ตาของนางฉายแววเทิดทูนบูชา
มู่ชิงเกอไม่ได้ตอบคำของนาง เพียงแต่สะบัดมือแก้มัดให้นาง
มู่ชิงเกอไม่รอให้ผู้หญิงคนนั้นพูด นางก็เอ่ยว่า “ต่อไป เจ้าก็คอยดูพวกเขาให้ดี หากมีใครลอบขี้เกียจก็ให้มาบอกข้า” พูดแล้วนางก็หันกายเดินเข้าไปในห้อง โดยสาร
ดีที่ตัวเรือรับการโจมตีได้ ถึงแม้ว่าจะพังไปบ้างแต่ก็ไม่ได้รั่ว ไม่มีผลกระทบต่อการเดินทาง
ท่าทีของมู่ชิงเกอทำให้คนบนเรือลูบหัวอย่างมึนงง
นี่คือให้อภัยพวกเขาแล้วหรือว่าจะคิดบัญชีภายหลังกันแน่?
นอกจากผู้หญิงที่ออกเสียงเอ่ยเตือนแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนแต่หวาดกลัว ทำให้ต้องใช้ขีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนไปหลายวัน
ดีที่ไม่กี่วันนั้นมู่ชิงเกอไม่ได้ปรากฎตัวออกมา เพียงแต่ให้ผู้หญิงคนนั้นจับตามองพวกเขาเอาไว้
นี่ทำให้พวกเขาเกิดความคิดว่า หรือมู่ชิงเกอจะไม่ถือสาพวกเขาแล้ว?
เวลาห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เดิมทียังต้องใช้เวลาเดินทางอีกวันสองวัน แต่เพราะคนคุมเรือใช้ทางลัดเร่งเวลาเนื่องจากไม่กล้าล่วงเกินมู่ชิงเกอ
“ภาคตะวันออก…ในที่สุดพวกเราก็มาถึงภาคตะวันออกแล้ว”
เมฆหมอกบนทะเลค่อยๆ จางหายไป โครงร่างแผ่นดินค่อยๆ ปรากฎอยู่ตรงหน้าของทุกคนบนเรือ
บรรดาคนที่อกสั่นขวัญแขวนผ่านความเป็นความตายมาจากทะเลหยางไห่สิบกว่าวันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ
บรรดาคนบนดาดฟ้าสีหน้าเปลี่ยน พากันหยุดพูดแล้วเปิดทางให้อย่างเรียบร้อย
มู่ชิงเกอปรากฎตัวอยู่บนดาดฟ้าเรืออีกครั้ง นางยังคงสวมชุดสีแดงเป็นคุณชายที่ดูหล่อเหลาเช่นเคย
นางก็มองเห็นรูปร่างของแผ่นดินใหญ่เช่นเดียวกัน ภาคตะวันออกอยู่ตรงหน้าแล้ว
‘ข้ามาถึงภาคตะวันออกแล้ว!’ มู่ชิงเกอพูดในใจ การเดินทางมาสำนักวิถีโอสถแห่งภาคตะวันออกทำให้นางต้องผ่านเหตุการณ์มามากมายจริงๆ
มู่ชิงเกอถอนสายตากลับแล้วมองไปยังท่าทีหวาดกลัวของทุกคนบนเรือ
นางยิ้มเยาะในใจ พูดอย่างไม่ลังเลว่า “พวกเจ้าเคยทิ้งข้า หากว่าไม่ตอบแทนข้าก็ไม่ขอชื่อว่ามู่ชิงเกอแล้ว”
เมื่อเสียงหลุดออกไป มู่ชิงเกอก็กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรืออย่างรุนแรง
พลังจิตสีทองพุ่งออกมาจากใต้เท้าของนาง ดุจดั่งงูสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าชนเรือจากรอบทิศทาง
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เรือโดยสารก็เริ่มแตกร้าว นํ้าทะเลซึมเข้ามาในรอยแตกทำให้เรือจมลงไปอย่างรวดเร็ว
“มู่ชิงเกอ! เขาคือมู่ชิงเกอ! เจ้าเมืองลั่วซิงเฉิง เจ้านายของเขี้ยวมังกร อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบชิงอิงตอนนี้!”
“เจ้าเมืองมู่ไวิชีวิตด้วย!”
“เจ้าเมืองมู่ พวกเราผิดไปแล้ว!”
อ๊าก!”
ทุกคนได้สติขึ้นมาแต่ก็ตกลงไปในทะเลแล้ว ส่วนมู่ชิงเกอก็ไปปรากฎตัวอยู่ด้านข้างของผู้หญิงคนนั้น หิ้วปีกพานางลอยขึ้นไปกลางอากาศ ลอยไปยังชายฝั่ง ภาคตะวันออก
นางอยู่ระดับสีทอง การเดินทางกลางอากาศภายในระยะทางแค่นี้ไม่เป็นปัญหา
แต่บรรดาคนบนเรือเหล่านั้น…
เสียงของมู่ชิงเกอดังมาจากกลางอากาศ “ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า หากว่าดวงแข็งว่ายนํ้าไปถึงภาคตะวันออกได้ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราก็ถือว่าจบกัน”
ว่ายน้ำ!
หญิงสาวที่ถูกมู่ชิงเกอหิ้วไว้ในมือรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นเฉียบขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง นางมองไปบนผิวทะเล ในบรรดาคนไม่กี่คนบนทะเลมี เพียงแต่คนคุมเรือเท่านั้นที่ว่ายน้ำเป็นและคุ้นเคยกับทะเลหยางไห่ และมีโอกาสจะว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ส่วนคนที่เหลือเกรงว่าถึงจะว่ายไปถึงฝั่งก็คงจะเหลือเพียงครึ่ง
ชีวิต
การพยายามเอาตัวรอดเช่นนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าการฆ่าพวกเขาให้ตายภายในดาบเดียวเสียอีก
นางลอบมองมู่ชิงเกอ ในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยว่าหากตนเองไม่ได้เอ่ยเตือนออกไป นางจะเป็นเหมือนกับคนอื่นๆ ถูกเขาโยนทิ้งอยู่ในทะเลหรือไม่?
‘แต่คนเหล่านั้นก็สมควรได้รับโทษแล้ว! หึ!’ หญิงสาวลอบพูดในใจ
บรรดาคนที่ตกลงไปในทะเลค่อยๆ กลายเป็นจุดสีดำ จากนั้นก็หายลับไปกับตา ส่วนรูปร่างของภาคตะวันออกก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา
มู่ชิงเกอเดินทางอยู่กลางอากาศมาเกือบครึ่งวัน ในที่สุดก็มาถึงแผ่นดินภาคตะวันออก
เมื่อถึงพื้นมู่ชิงเกอก็คลายมือทันที หญิงสาวคนนั้นยังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคงจึงล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย!” นางร้อง ลูบๆ ก้นตัวเองแล้วยืนขึ้นมา คิดจะด่าไปสักสองประโยค แต่เมื่อคิดถึงวิธีการที่มู่ชิงเกอทำต่อพวกคนเหล่านั้นแล้วนางก็ไม่กล้า
มู่ชิงเกอไม่ได้มองนางเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ก้าวเท้ายาวๆ ไปข้างหน้า
นางต้องรีบไปเมืองอินถู หากดูตามแผนที่เมืองอินถู ห่างจากฝังไปไม่ไกล เมื่อถึงเมืองอินถูแล้วค่อยใช้ประตูมิติไปยังเมืองชิงชาง เมืองหลวงแห่งภาคตะวันออก จากนั้นก็ใกล้จะถึงสำนักวิถีโอสถแล้ว
หากนับดูเวลา ช่วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นช่วงที่สำนักวิถีโอสถประกาศรับสมัครศิษย์พอดี หากว่าพลาดไปก็ต้องรอไปอีกสามปี
สามปี…
นางรอไม่ได้แล้ว!
“รอเดี๋ยว เจ้าจะไปไหน?” หญิงสาวคนนั้นไล่ตามมา
มู่ชิงเกอหยุดแล้วหันมองนาง
เมื่อหญิงสาวคนนั้นถูกเขาจ้องมองอย่างเย็นชาก็รู้สึกหวาดกลัว เอ่ยว่า “เจ้า…เจ้าเมืองมู่.
“เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก?” มู่ชิงเกอมองนางแล้วเอ่ยออกมา
หญิงสาวขบริมฝีปาก “ข้าชื่อว่าซ่งจิ่นซาน จะเดินทางไปสำนักวิถีโอสถในเมืองชิงชาง ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองมู่จะไปไหน ข้าสามารถร่วมทางไปด้วยได้หรือไม่?”
‘นางก็ไปสำนักวิถีโอสถด้วยงั้นหรือ?’ มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย ลอบเอ่ยในใจ
เมื่อเห็นนางไม่พูดจา ซ่งจิ่นซานจึงอธิบายอีกว่า “เจ้าเมืองมู่โปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไร เพียงแต่ข้าเป็นผู้หญิง เดินทางคนเดียว ทั้งยังพบกับ เหตุการณ์บนทะเลหยางไห่อีก ทำให้ข้ารู้สึกกลัว หวังว่าจะได้ร่วมทางกับเจ้าเมืองมู่ จะได้ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ท่านวางใจข้าจะไม่สร้างความลำบากให้ท่าน เพียงแต่จะตามท่านไป ท่านก็ไม่จำเป็นต้องสนใจข้า”
มู่ชิงเกอมองนางแล้วพูดว่า “จากที่นี่ไปเมืองอินถู ใช้ประตูมิติไปเมืองชิงชาง ระยะทางแค่นี้คงไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไร ส่วนเส้นทางจากเมืองชิงชางไปสำนักวิถีโอสถนั้น หากเจ้าเดินทางไปเองไม่ได้ก็รีบฉวยโอกาสนี้กลับไปเถอะ”
พูดแล้วนางก็หันกายจากไป ไม่ได้บอกซ่งจิ่นซานถึงจุดมุ่งหมายของตนเอง
แม้ว่าจุดมุ่งหมายของพวกนางจะเป็นที่เดียวกัน แต่นางก็ไม่อยากพาผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางไปด้วย ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้นางคอยรักษาระยะห่างจากผู้ชายและผู้หญิงที่เข้ามาหา
ซ่งจิ่นซานเห็นเขาจากไปอย่างไม่ลังเล ก็รู้สึกผิดหวังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา พูดอย่างมั่นใจว่า “เจ้าคุ้นเคยกับเส้นทางไปสำนักวิถีโอสถขนาดนั้น หรือว่าเจ้าก็จะไปสำนักวิถีโอสถเช่นกัน?”
ความคิดนี้ทำให้นัยน์ตาของนางมีร่องรอยของความเจ้าเล่ห์วาบขึ้นมา
นางล้างความผิดหวังก่อนหน้านี้ออกไปรีบยกกระโปรงมุ่งหน้าไปยังเมืองอินถูอย่างรวดเร็ว
เมืองอินถู เมืองชิงชาง …
มู่ชิงเกอหาเมืองอินถูพบอย่างราบรื่น เมื่อผ่านประตูมิติมาก็ถึงเมืองชิงชาง
นางในตอนนี้ไม่ใช่คุณชายมู่ที่เพิ่งเคยมาโลกแห่งยุคกลางเป็นครั้งแรกอีกแล้ว
ทุกอย่างในเมืองหลวงไม่ได้ดูน่าสนใจสำหรับนางอีกต่อไป
ตอนที่นางเดินออกมาจากประตูมิติและมองเห็นสีท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงแล้วนั้น ก็คิดจะหาที่พักเพื่อพักแรมสักคืน พรุ่งนี้ค่อยขี่เสี่ยวไฉ่ไปสำนักวิถีโอสถ
ด้วยความเร็วของเสี่ยวไฉ่ ทำให้นางสามารถไปถึงสำนักวิถีโอสถได้เร็วยิ่งขึ้น!
“เจ้าเมืองมู่! บังเอิญจังเลย! พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เสียงดีใจของผู้หญิงดังมาจากด้านหลังของมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น หันมองไปก็พบซ่งจิ่นซานยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง
มองดูท่าทางของนางแล้วดูเหมือนเพิ่งจะออกมาจากประตูมิติ
คิดว่านางคงเข้าไปในประตูมิติทันทีที่ถึงเมืองอินถูถึงได้ตามมาทัน
“เจ้าเมืองมู่จะไปสำนักวิถีโอสกเช่นเดียวกันงั้นหรือ?” ซ่งจิ่นซานเดินเข้ามาหามู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอเม้มปากไม่พูดจา ซ่งจิ่นซานดูไม่เหมือนกับคราวก่อน ดูเหมือนนางจะกลับคืนสู่ความมั่นใจในตนเองอีกครั้ง ไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวจากเหตุการณ์
บนทะเลหยางไห่อีก
ซ่งจิ่นซานเห็นมู่ชิงเกอไม่พูดก็ไม่ใส่ใจ พูดต่อว่า “ข้าได้เจ้าเมืองม่ช่วยเหลือเมื่อครั้งอยู่ทะเลหยางไห่ ในเมื่อพวกเราได้พบกันอีกครั้งที่นี่ ไม่สู้ให้ข้าเลี้ยงข้าวเจ้าเมืองมู่สักมื้อเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิต”
“ไม่จำเป็น” มู่ชิงเกอปฏิเสธโดยไม่ลังเล
ในเวลานี้นางก็ได้ยินเสียงของซือมั่วดังขึ้นมาในหัวว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ช่างมีเสน่ห์จริงๆ ข้าเพียงหลับไปครู่เดียว ข้างกายของเจ้าก็มีผู้หญิงเพิ่มมาแล้วหรือ?”
ภายในนํ้าเสียงมีไอสังหารและความหึงหวงที่ปิดไม่มิดเจืออยู่
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก นางพบว่าซือมั่วขี้หึงมากขึ้นเรื่อยๆ
นางเอ่ยตอบในใจว่า “นี่เป็นผู้หญิง!”
นางกำลังเตือน ซือมั่วว่านางก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงสองคนจะเกิดอะไรขึ้นได้!
“แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในสถานะผู้ชาย เสี่ยวเกอเอ๋อร์ในสถานะผู้ชายก็ทำให้คนหลงใหลได้เช่นกัน!”
เสียงของซือมั่วเหมือนได้รับความคับข้องใจ
มู่ชิงเกอหมดคำจะพูด นางก็ปฏิเสธคำเชิญของซ่งจิ่นซานไปแล้วนี่!
จำเป็นต้องหึงขนาดนี้เลยหรือ?
“หากนางยังพัวพันเจ้าไม่เลิก ข้าจะออกไปฆ่านางซะ” ซือมั่วยื่นคำขาด
ผู้หญิงของเขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ห้ามมองห้ามเกี้ยวพา
มู่ชิงเกอรู้สึกขบขัน
วิธีออดอ้อนของเจ้าแห่งมารช่างไม่เหมือนใครจริงๆ เพื่อที่จะปลอบใจคนบางคนและนางเองก็อยากตัดความสัมพันธ์กับซ่งจิ่นซานด้วย มู่ชิงเกอจึงปฏิเสธอย่างเย็น ชาไปอีกครั้ง “ขอบคุณแม่นางซ่งที่หวังดี ที่ข้าช่วยเจ้าก็เพราะก่อนหน้านี้เจ้าเตือนข้าก็เท่านั้น ดังนั้นเจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้า”
พูดแล้วนางก็รีบจากไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางผิดหวังของช่งจิ่นซานอีก
รอจนนางเดินไปไกลแล้ว ซือมั่วก็ส่งเสียงมาอีกว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เข้ามา”
‘ได้ จะได้ประหยัดค่าที่พักไปด้วย’ มู่ชิงเกอพูดในใจ