Skip to content

พลิกปฐพี 453

ตอนที่ 453

เขาก็คืออันดับหนึ่งทำเนียบซิงอิงงั้นหรือ

เหมยจื่อจ้งยืนอยู่ที่เดิม ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กฝึกหัดของเฟิงผิงก็เอาหม้อปรุงยาออกมาหลายใบ

หม้อปรุงยาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหม้อปรุงยาที่ใช้ภายในสำนักวิถีโอสถ ด้านนอกเหมือนกันไม่มีผิด

ระดับตํ่า ระดับกลาง ระดับสูง ระดับจิตวิญญาณ…

ในตอนที่หม้อปรุงยาทั้งสี่ถูกจัดวางไว้ตรงหน้าของเหมยจื่อจ้งนั้น เด็กฝึกหัดก็มองเขาแวบหนึ่ง ดูเหมือนกำลังถามว่า หม้อพอไหม?

เหมยจื่อจ้งยิ้มบางๆ เอ่ยกับเขาว่า “ขอเพิ่มอีกอัน”

คำพูดของเขาทำให้เด็กฝึกหัดชะงักไป แต่ก็ไม่ได้ตะลึงมากเกินไป วางหม้อในมือลงอีกหนึ่งอัน

“ระดับสมบัติ! ต้องปรุงถึงยาระดับสมบัติ!”

กลุ่มคนค่อยๆ พูดคุยวิเคราะห์ขึ้นมา

เหมยจื่อจ้งยืนอยู่ด้านหลังหม้อปรุงยา สายตามองไปยังกองวัตถุดิบยาที่มู่ชิงเกอและเขาแยกไว้แล้ว วัตถุดิบยาเหล่านี้เฟิงผิงไม่ได้เก็บกลับไป ดูเหมือนจะเหลือเอาไว้ ให้พวกเขาสองคนปรุงยา

เหมยจื่อจ้งเดินไปตรงหน้ากองวัตถุดิบยาและตั้งอกตั้งใจเลือกยาที่ต้องการ

การเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก แต่กลับไม่ทำให้คนร้อนใจ ท่าทางที่ดูสงบนิ่งนั้นกลับทำให้คนชมดูจนมึนเมา ไม่เป็นตัวเอง และเหมือนได้รับอิทธิพลจากเขาทำให้ทุกคนค่อยๆ สงบอารมณ์ลงมา

ผ่านไปครู่หนึ่งเหมยจื่อจ้งก็เอาวัตถุดิบยาที่เลือกแล้วมาวางที่หน้าหม้อแต่ละอัน

มู่ชิงเกอและจ้าวหนานชิงมองเห็นวัตถุดิบยาที่เขาเลือกแล้วนัยน์ตาก็เปล่งประกาย แม้แต่นัยน์ตาของเฟิงผิงก็ฉายแววหวั่นไหว

มีเพียงคนที่เข้าใจการปรุงยาเท่านั้นถึงจะสามารถระบุชนิดยาที่เขาจะปรุงออกมาได้จากการมองวัตถุดิบยาที่เขาเลือก

และก็เป็นเพราะมองออกถึงการตัดสินใจของเหมยจื่อจ้ง ถึงได้ทำให้พวกเขาตกใจกับความคิดของเขา

“หากว่านับเรื่องความละเอียดอ่อน ข้าไม่สู้ศิษย์พี่เหมย” มู่ชิงเกอกระซิบที่ข้างหูจ้าวหนานชิง ประโยคนี้พูดออกมาอย่างจริงใจ ไม่เสแสร้ง

จ้าวหนานชิงค่อยๆ ยิ้ม เอ่ยกับนางว่า “ศิษย์พี่เหมยได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีความเข้าใจในวัตถุดิบยาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องความคิดละเอียดอ่อน ข้าเองก็เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบของเขา”

มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย

ยาที่เหมยจื่อจ้งเลือกที่จะปรุงขึ้นมาก็คือ ยาระดับต่ำ เป็นยาใช้รักษาบาดแผลภายนอก ยาระดับกลางเป็นยาเพิ่มความแข็งแกร่ง ยาระดับสูงเป็นยารักษาภายใน ยาระดับจิตวิญญาณเป็นยาเสริมพลังจิต ยาระดับสมบัติเป็นยาชะลออายุขัย

ผลลัพธ์ของยาทั้งห้าแตกต่างกัน และก็แสดงถึงความยากลำบากภายในนั้น

มองดูเหมยจื่อจ้งเฉยๆ ไม่ร้อนไม่เย็น แต่การเคลื่อนไหวกลับแสดงให้เฟิงผิงเห็นถึงความสามารถของตนเอง

‘เขาไม่ได้เลือกยาที่ปรุงง่ายในระดับนั้นๆ แต่กลับเลือกที่ปรุงได้ยาก มีความมั่นใจในตนเองถึงขนาดนั้นเลยหรือ?’ เฟิงผิงลอบเอ่ยในใจ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบยาดีแล้ว เหมยจื่อจ้งก็แยกใส่ยาลงในหม้อ

เมื่อวัตถุดิบยาตกลงไปในหม้อ แสงไฟก็ลุกขึ้นมา การปรุงยาเริ่มต้นขึ้น

“เริ่มแล้ว!”

“ซู่ เบาๆ หน่อย อย่าส่งเสียงดัง”

“ปรุงยาต่างระดับพร้อมกัน ข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก นี่ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาจริงๆ”

ภายในกลุ่มคนเกิดเสียงพูดคุยกันขึ้นมา

แสงไฟภายในหม้อปรุงยาสะท้อนแสงสีส้มเรืองรองไปบนชุดสีขาวของเหมยจื่อจ้ง แต่เขาก็ไม่ได้ดูวุ่นวายสับสน ท่าทางที่ไม่รีบร้อนนั้นทำให้คนสบายใจ

การเคลื่อนไหวของเขาส่งอิทธิพลต่อคนไม่น้อย ทำให้เกิดความเงียบสงบขึ้นมาทั่วบริเวณ

“เจ้าคิดดีหรือยังว่าจะปรุงยาอะไร?” จ้าวหนานซิงค่อยๆ กระซิบที่ข้างหูของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยิ้มออกมาแล้วก็พยักหน้า

เห็นนางดูมั่นใจเช่นนี้ จ้าวหนานซิงก็ยิ้มออกมา ไม่ได้ออกเสียงอีก

หนึ่งใจแบ่งใช้ถึงห้าส่วน แบ่งออกไปควบคุมวัตถุดิบปรุงยาต่างชนิดกัน แม้จะเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งทางพลังจิตมากมายแค่ไหนก็ยากจะจัดการได้

ในความเป็นจริงเฟิงผิงก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าสำนักถึงได้เสนอการทดสอบเช่นนี้ออกมา ความยากเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นอาจารย์ปรุงยาที่มีชื่อเสียงก็ยังทำไม่ได้ หรือว่า…เจ้าสำนักก็ไม่อยากจะให้เจ้าสองคนที่ทำลายกฎนี้เข้าสู่ส่วนในเช่นกัน?

เฟิงผิงขมวดคิ้ว คาดคิดในใจ เวลานี้เองเปลวไปจากเตาปรุงยาทั้งห้าก็ได้หลอมละลายวัตถุดิบยา คัดส่วนที่ดีที่สุดเอาไว้แล้วขับสิ่งแปลกปลอมออกไป

ต่อมาก็เป็นจุดสำคัญที่สุด การหลอมรวมยา!

กระบวนการหลอมรวมยา หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อย งานก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า หรืออาจจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพยาได้

หว่างคิ้วของเหมยจื่อจ้งเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก

เขากัดฟันริมฝีปากขาวซีด เขาไม่คุ้นเคยกับการใช้จิตวิญญาณควบคุมห้าส่วนเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเขามีจิตใจที่สงบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เกรงว่าคงยากที่จะทำได้

“รีบดู จะสำเร็จแล้ว”

“อย่าเพิ่งพูด ตั้งใจดู!”

ภายในเตาปรุงยา ยาค่อยๆ ขึ้นรูป กลุ่มคนเริ่มที่จะส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้นแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังมากนัก แผ่นหลังของเหมยจื่อจ้งเปียกชื้น สีเลือดฝาดในผิว ค่อยๆ จางลงไปจนขาวซีด

หว่างคิ้วของมู่ชิงเกอและจ้าวหนานซิงฉายแววเคร่งเครียด พวกเขากังวลว่าการสูญเสียพลังจิตอย่างรวดเร็วเช่นนี้จะทำให้เหมยจื่อจ้งควบคุมจนถึงช่วงสุดท้ายไม่ได้

‘หากว่าศิษย์พี่เหมยล้มเหลว ข้าก็คงรู้สึกผิดต่อเขามาก!’ มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของมู่ชิงเกอค่อยๆ กำแน่น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

นางรีบร้อนและไม่มีเวลาอยู่ในสำนักวิถีโอสถ เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นเรื่องของนาง

แต่มาตอนนี้กลับทำให้เหมยจื่อจ้งต้องมารับการทดสอบไปด้วย หากว่าผ่านก็ดีไป หากว่าไม่ผ่านเหมยจื่อจ้งก็จะไม่สามารถเข้าสู่สำนักวิถีโอสถเรียนการปรุงยาได้ชั่วชีวิต?

หากว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ จะส่งผลกระทบอะไรต่อเหมยจื่อจ้งบ้าง ?

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นชา ตัดสินใจว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าจะต้องคิดหาวิธีส่งศิษย์พี่เหมยเข้าสู่สำนักวิถีโอสถให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม’

“อา!”

ทันใดนั้นในกลุ่มคนก็มีเสียงร้องอย่างตกใจขึ้นมา

เป็นเพราะว่าเหมยจื่อจ้งถอยหลังมาก้าวหนึ่งอย่างกะทันหัน

จ้าวหนานซิงเบิกตากว้าง รีบพุ่งไปข้างหน้ารับร่างของเหมยจื่อจ้ง

เหมยจื่อจ้งควบคุมร่างกาย แล้วก็ส่ายหน้าให้จ้าวหนานชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นอะไร

เวลานี้เองมู่ชิงเกอก็เดินเข้ามา ยื่นยาฟื้นฟูเม็ดหนึ่งไปให้เหมยจื่อจ้ง

นางหันมองเฟิงผิง เอ่ยอย่างเสียดสีว่า “ในกฎคงไม่ได้บอกว่าห้ามใช้ยาเสริมพลังใช่ไหม?”

นางรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว การใช้วิธีพิเศษเข้าสู่ส่วนในต้องรับการทดสอบที่ยากกว่าปกติ เรื่องนี้นางได้เตรียมตัวเอาไว้ แล้ว

แต่นี่กลับจงใจสร้างความลำบากให้ไม่รู้จบ ทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?

นี่ทำให้มู่ชิงเกอคิดว่า สำนักวิถีโอสถวางตัวเองเอาไว้สูงส่งและหยิ่งยโสเกินไปจริงๆ

ในตอนนั้นหัวหน้าโรงโอสถบอกให้นางมาที่สำนักวิถีโอสถและเอาอันดับหนึ่งของงานชุมนุมใหญ่ของสำนักวิถีโอสถมาให้ได้ เพื่อระบายความแค้นให้เขา ดูแล้วก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว

บางทีตาแก่นั่นอาจจะเคยได้รับการเยาะเย้ยจากสำนักวิถีโอสถ จึงรู้สึกอึกอัดจนอยากแก้แค้น

คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้สีหน้าของเฟิงผิงมืดครึ้ม แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม

จ้าวหนานซิงเอายาป้อนเข้าไปในปากของเหมยจื่อจ้ง ทำให้สีหน้าของเหมยจื่อจ้งดีขึ้นมาหน่อย

หลังจากฟื้นฟูแล้ว เหมยจื่อจ้งก็หลอมรวมยาต่อ เมื่อครู่นี้เขาทรงตัวไม่อยู่แต่ก็ยังไม่ลืมว่ากำลังหลอมรวมยาอยู่ ทำให้ยาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

พรึบ!

เปลวไฟภายในหม้อด้านขวามือสุดดับลง ยาระดับตํ่าเม็ดหนึ่งดีดออกมาจากหม้อก่อน

เฟิงผิงยกมือขึ้น เม็ดยาระดับต่ำเม็ดนั้นลอยเข้ามาภายในมือของเขา เพียงแค่ยาระดับตํ่า เขามองเพียงแวบเดียวก็ระบุคุณภาพออกมาได้ “ระดับตํ่าคุณภาพสูงสุด” คำเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่รุนแรงอะไร

พรึบ!

มีอีกเม็ดลอยออกมาจากหม้อ ตกเข้าไปในมือของเฟิงผิง “ระดับกลางคุณภาพสูงสุด”

พรึบ!

“ระดับสูงคุณภาพสูงสุด”

พรึบ!

“ระดับจิตวิญญาณคุณภาพสูงสุด”

เฮือก!

จนถึงตอนนี้ถึงได้เกิดเสียงดังขึ้นมาในกลุ่มคน

ยาออกมาแล้วสี่เม็ด ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ แต่คุณภาพก็ยังเป็นคุณภาพสูงสุดทั้งหมดด้วย

ปีศาจ!”

ภายในใจของคนจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดเสียงเดียวกันขึ้นมา

เวลานี้เองเหมยจื่อจ้งก็กัดฟัน และยาเม็ดสุดท้ายออกมาจากหม้อ

ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของเฟิงผิงในตอนนี้จะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ในใจกลับเหมือนเกิดลมพายุแห่งความตระหนกขึ้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนสามารถแบ่งใจออกเป็นห้าสาย ปรุงยาต่างชนิดต่างระดับต่างการใช้งานออกมาได้จริงๆ

ในกำมือยังมียาระดับสมบัติที่ร้อนกรุ่นอยู่ ท่าทางของเฟิงผิงดูซับซ้อนขณะที่เอ่ยว่า “ระดับสมบัติคุณภาพสูงสุด”

คนนับหมื่นวุ่นวายขึ้นมาทันที!

“ทำได้จริงๆ หรือ?”

“ให้ตายสิ! เก่งเกินไปแล้ว!”

“สวรรค์! เขาทำได้อย่างไร?”

“อัจฉริยะเช่นนี้…สามารถเทียบกับอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ของสำนักวิถีโอสถเหยาชิงไห่แห่งตระกูลเหยาได้เลย!”

เฟิงผิงไม่สนใจคำพูดตกตะลึงเหล่านั้น เขามองไปยังเหมยจื่อจ้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าผ่านด่านแล้ว นับตั้งแต่นี้ไป เจ้าเป็นศิษย์ส่วนในของสำนักวิถีโอสถ”

มุมปากของเหมยจื่อจ้งเผยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้มออกมา คำนับให้เฟิงผิงอย่างมีมารยาทแล้วก็ถอยไปข้างกายของมู่ชิงเกอ

เวลานี้เอง เฟิงผิงที่ถูกเหมยจื่อจ้งทำให้ตะลึงก็ได้สติขึ้นมาว่ายังมีอีกคนที่รอการทดสอบอยู่

มู่ชิงเกอก้าวออกมาเองโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปาก

เด็กฝึกหัดสองคนเข้ามาเก็บหม้อ แล้วก็เปลี่ยนหม้ออันใหม่ให้

“ไม่จำเป็นต้องเยอะขนาดนั้น อันเดียวก็พอ” ในตอนที่เด็กฝึกหัดจะเอาหม้ออันที่สองออกมานั้น มู่ชิงเกอก็ส่งเสียงห้ามออกมา

คำพูดของนางดึงดูดความสนใจจากรอบด้าน

“เขาจะทำอะไร? จะใช้เพียงหม้อเดียวปรุงยางั้นหรือ?”

“หรือว่า…ที่เขาแสดงออกอย่างร้ายกาจในก่อนหน้านี้ความจริงแล้วกลับปรุงได้แต่ยาระดับต่ำ?”

“เป็นไปไม่ได้กระมัง!”

“ข้าว่าเป็นไปได้มาก ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีแค่หม้อเดียวเล่า?”

นัยน์ตาของเฟิงผิงหดตัวลง มองไปที่มู่ชิงเกอ นัยน์ตาฉายแววดูแคลน ตามที่เขามอง เหมยจื่อจ้งถือว่าเป็นผู้มีความสามารถ แต่มู่ชิงเกอนั้นดู…ผยองและบ้าคลั่งเกินไป

เขาสบถอย่างเย็นชาไปคำหนึ่ง โบกมือให้เด็กฝึกหัดถอยออกไป แล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “หวังว่าเจ้าคงจะไม่มั่นใจในตนเองเกินไป”

มู่ชิงเกอยิ้ม “ขอบคุณที่เตือน”

เมื่อพูดจบแล้ว นางก็เดินไปยังกองวัตถุดิบยา นางไม่ได้ช้าอย่างเหมยจื่อจ้ง เพียงแค่กวาดตามองแวบหนึ่ง ยกมือขึ้น วัตถุดิบยาที่นางต้องการก็ลอยขึ้นมากลาง อากาศ

“ให้ตายสิ! ท่วงท่าจะเท่เกินไปแล้ว!”

“ฮ่าๆๆๆ! บ้าดี ข้าชอบ!”

มู่ชิงเกอคิดไม่ถึงว่าแค่เพียงการเคลื่อนไหวอย่างไม่ใส่ใจของตนเองจะทำให้เกิดการพูดคุยวิเคราะห์ขึ้นมา

แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจ สะบัดมืออีกครั้งเอาวัตถุดิบยาที่ลอยอยู่กลางอากาศใส่รวมลงไปในเตา

“ให้ตายสิ! นี่เป็นการปรุงยางั้นหรือ?”

“ยาระดับต่ำต้องการวัตถุดิบยามากมายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”

นี่มัน! คงไม่ใช่ว่าปรุงยาไม่เป็นหรอกใช่ไหม?”

“ตลกแล้ว ก่อนหน้านี้แสดงออกเท่ถึงขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นเจ้าหน้าขาวที่ปรุงยาไม่เป็นหรือ?”

นัยน์ตาของเฟิงผิงหรี่เล็กลง ขมวดคิ้วแน่น เขาก็ไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอคิดจะทำอะไรกันแน่

เมื่อวัตถุดิบยาลงไปในหม้อ เปลวไฟก็ลุกขึ้นมาจากส่วนล่างของหม้อปรุงยา

วัตถุดิบยานับร้อยผสมปนเปไปด้วยกันในหม้อ กลิ่นหอมเข้มข้นเริ่มกระจายออกมาทั่วบริเวณเรื่อยๆ

“กลิ่นยาหอมมาก”

“หอมนั้นหอมอยู่หรอก แต่การใช้วัตถุดิบยามากมายรวมเข้าด้วยกันจะไม่ระเบิดหรือ?”

ซ่งจิ่นซานยืนอยู่ในกลุ่มคน เขย่งเท้ายืดคอขึ้นมองอย่างตื่นเต้น นางกัดริมฝีปากของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว พูดในใจไม่หยุดว่า ‘เขาจะทำอะไร? ปรุงยาเช่นนี้ง่ายที่จะล้มเหลว’

ทุกๆ คนล้วนแต่คิดว่าที่มู่ชิงเกอทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ เพราะความไม่รู้

มีเพียงแค่เหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานชิงเท่านั้นที่เชื่อใจมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอนำความประหลาดใจมาให้พวกเขามากเกินไป เรื่องนี้ก็เช่นกัน

ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเวลาที่เหมยจื่อจ้งใช้ ยาภายในหม้อปรุงยาของมู่ชิงเกอก็เริ่มขึ้นรูป ส่วนตัวนางเองกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และไม่ได้สีหน้ายํ่าแย่เหมือนเหมยจื่อจ้งเมื่อครู่เลย

ไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณของนางมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแข็งแกร่งขึ้นเพราะเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางมานานแล้ว ถ้าหากจะบอกว่าจิตวิญญาณของคนทั่วไปเป็นหมอก เช่นนั้นจิตวิญญาณของเหมยจื่อจ้งก็คือลำธารเล็ก ส่วนนาง…คือทะเลสาบแม่นํ้ากว้าง

มู่ชิงเกอปรุงยาอย่างสบายๆ มือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือตบหม้อปรุงยาอย่างไม่ใส่ใจไปฝ่ามือหนึ่ง

ปัง!

เสียงโลหะสะท้อนออกมา

จากนั้น

พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ!

เสียงหกเสียงและยาหกเม็ดต่างแสงสีดีดตัวออกมาจากหม้อตามๆ กัน

ฉากนี้ทำให้คนนับหมื่นตกตะลึงจนเงียบเป็นป่าช้า

แม้แต่จ้าวหนานซิงและเหมยจื่อจ้งที่คุ้นเคยกับมู่ชิงเกอก็อ้าปากค้าง พวกเขารู้ว่ามู่ชิงเกอจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะปรุงยาต่างระดับจากหม้อเดียวกันได้!

นี่…นี่ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางพลังจิตขนาดไหนกัน?

ตกตะลึง!

น่ากลัว!

การตบอย่างไม่ใส่ใจของมู่ชิงเกอดูเหมือนจะทำให้ผู้คนนับหมื่นรู้สึกว่าตนเองแหลกสลายกลายเป็นเศษขยะ

เมื่อครู่ใครพูดว่ามู่ชิงเกอปรุงยาไม่เป็น?

เมื่อครู่ใครกันที่พูดว่ามู่ชิงเกอปรุงได้เพียงยาระดับตํ่า?

ใครเป็นคนถาม ตอนนี้หน้าชาหรือไม่?

ยาทั้งหกเม็ดลอยเข้าไปในมือของเฟิงผิง ประกายแสงด้านบนโดยเฉพาะเม็ดสุดท้ายที่สาดแสงสีทองที่มีเฉพาะยาระดับเทวะเท่านั้นที่จะมีได้ออกมา ทำให้ทุกคนรู้ว่ามู่ชิงเกอคืออาจารย์ปรุงยาระดับเทวะ!

“ระดับตํ่าคุณภาพสมบูรณ์! ระดับกลางคุณภาพสมบูรณ์! ระดับสูงคุณภาพสมบูรณ์! ระดับจิตวิญญาณคุณภาพสมบูรณ์! ระดับสมบัติคุณภาพสมบูรณ์! ระดับเทวะ…คุณภาพสมบูรณ์!”

ทุกๆ คำที่เฟิงผิงพูดออกมาล้วนแต่ทำให้คนนับหมื่นแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นหินอยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังปริแตก

ให้ตายเถอะ! เขาเป็นใครกันแน่?

มีเสียงดังขึ้นมาในใจของคนนับหมื่น

ส่วนเฟิงผิงก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเบิกตากว้างตกตะลึง หลุดเสียงถามออกไปว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เป็นใครกันแน่? กลับมีขอบเขตที่อาจารย์ปรุงยาทุกคนถวิลหาอย่างขอบเขตสมบูรณ์ได้!

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ พูดชื่อของตนเองออกไป “มู่ชิงเกอจากลั่วซิงเฉิง”

มู่ชิงเกอจากลั่วซิงเฉิง!

มู่ชิงเกอจากลั่วซิงเฉิง!

หลังจากผ่านความเงียบสงัดไปแล้ว คนนับหมื่นก็ระเบิดเสียงตกตะลึงออกมา

“มู่ชิงเกอจากลั่วซิงเฉิง! เขาเป็นอันดับหนึ่งคนใหม่ของทำเนียบชิงอิง! อาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพ เพียงหนึ่งเดียวของโลกแห่งยุคกลาง!”

“ไม่! ไม่เพียงเท่านั้น…เขายังเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะที่อยู่ในขอบเขตสมบูรณ์!

คนนับหมื่นเหมือนจะได้ยินเสียงร่างกายของตนเองแตกเป็นเสี่ยงๆ มีคนบางประเภทที่เกิดมาเพื่อโจมตีคนโดยเฉพาะ คนนับหมื่นมองมู่ชิงเกอเงียบๆ และรู้สึกว่าเขาก็คือคนประเภทนั้น…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!