Skip to content

พลิกปฐพี 461

ตอนที่ 461

ผู้อาวุโสบรรพบุรุษโปรดระงับความโกรธด้วย!

สายตาของเสี่ยวก่วนกวาดไปมาระหว่างมู่ชิงเกอและเหมยจื่อจ้ง ตอนที่เขาพบว่ามู่ชิงเกอและจูหลิงไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันนั้น เขาก็หัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็ว่าแล้วว่าพวกเจ้าต้องหลอกข้า! ชิ!”

คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของจูหลิงและมู่ชิงเกอหนักอึ้งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจูหลิงที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกังวล

“เสี่ยวก่วน เจ้าคิดจะทำอะไร?” จ้าวหนานชิงเอ่ยปากขึ้นมา

เสี่ยวก่วนกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าต้องการทำอะไรงั้นหรือ?”

เขาชี้ไปที่มู่ชิงเกอและเหมยจื่อจ้ง “พวกเจ้าสองคนไปกับข้าสักครู่เถอะ พี่สาวของข้ากำลังรออยู่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีถึงสองคน มีเกี้ยวเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น”

ท่าทางที่ดูหยิ่งผยองนั้นชวนให้คนรังเกียจเสียจริง

แม้จะรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาประสบกับโชคร้ายแต่ก็ยากที่จะทำให้คนรู้สึกสงสาร

เมื่อประโยคนี้ของเขาจบลง จ้าวหนานซิงก็หันออกไปนอกหน้าต่างทันที ในตอนที่เห็นว่าคนที่เดินไปเดินมาบนถนนได้ถอยออกไป และมีเกี้ยวอันหนึ่งอยู่บนถนนสีหน้า ก็ฉายแววยํ่าแย่ขึ้นมาทันที

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ยืนขึ้นมาอย่างสงบ จัดระเบียบเสื้อผ้าของตนเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากว่า “ข้าก็อยากจะพบหน้าพี่สาวคนนี้เช่นกัน”

คำพูดของเขาทำให้จ้าวหนานซิง จูหลิงและซางจื่อซูตกใจขึ้นมาชั่วขณะ

เหมยจื่อจ้งก็หันมองนาง ดูเหมือนว่าจะคิดเช่นเดียวกัน

เมื่อมู่ชิงเกอตกลง เสี่ยวก่วนก็ได้ใจขึ้นมา “หากยอมร่วมมือเสียก่อนหน้านี้จะมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้เกิดขึ้นงั้นหรือ? ไปเถอะ!”

“ข้าจะไปคนเดียว” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นมาอีก

เสี่ยวก่วนชะงัก พวกจ้าวหนานซิงก็ชะงักเช่นกัน

เหมยจื่อจ้งไม่วางใจเอ่ยว่า “ชิงเกอ…”

มู่ชิงเกอหันมองเขา เอ่ยขวางว่า “ข้าไปคนเดียวจะสะดวกกว่า”

เหมยจื่อจ้งเงียบลง ดูเหมือนกำลังคิดว่าตนเองนั้นอ่อนแอเกินไป ช่วยอะไรมู่ชิงเกอไม่ได้

มู่ชิงเกอถอนสายตากลับ มองไปยังเสี่ยวก่วน “ไปเถอะ”

“เจ้าเพียงคนเดียวหรือ?” เสียวก่วนลังเล

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว “เจ้าจะกลับไปเองหรือจะให้ข้าตามเจ้ากลับไป”

เสี่ยวก่วนขมวดคิ้ว นัยน์ตาโหดเหี้ยมเปล่งประกายวูบไหว ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของมู่ชิงเกอ ครู่หนึ่ง เขาถึงได้แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมาว่า “เอาเถอะ วันนี้พาเจ้าไปพบพี่สาวก่อน รอนางเล่นจนเบื่อแล้วค่อยมาหาเขา”

พูดแล้วเขาก็หันกายไปพาคนเดินลงไปด้านล่าง

ส่วนมู่ชิงเกอก็ไพล่มือไว้ด้านหลังเดินตามเขาลงไป

“ศิษย์พี่เหมย ไม่ต้องคิดมากไป สถานะของชิงเกอท่านก็รู้ดี หากว่าไม่ไหวนางก็สามารถเปิดเผยสถานะแล้ว ถอยออกมาได้ ที่นางไม่ให้ท่านไปก็เพราะกังวลว่าท่านจะถูกนางมารหมายตาแล้วจะทำให้เกิดปัญหา” จูหลิงรับรู้ได้ว่าเหมยจื่อจ้งไม่สบายใจจึงพูดปลอบใจเบาๆ

คำพูดของนางทำให้ความรู้สึกผิดในสายตาของเหมยจื่อจ้งลดลงเล็กน้อย เขาหันไปมองจูหลิง สายตาที่สดใสและเงียบสงบนั้นทำให้จูหลิงหัวใจเต้นแรงและนิ่งงันไป

“จริงหรือ?” เหมยจื่อจ้งเอ่ยถาม

จูหลิงพยักหน้าอย่างมึนงงเล็กน้อย เหมยจื่อจ้งถึงได้ถอนสายตา หลุบตาลงไม่พูดจาและก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอีก

เมื่อเขาถอนสายตากลับแล้ว จูหลิงถึงได้ลอบถอนหายใจ แม้ว่านางจะรู้ว่าในหัวใจของเหมยจื่อจ้งนั้นไม่มีนาง แต่ตนเองกลับยังถูกเขาทำให้ใจเต้นได้ง่ายๆ ความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัวนั้นทำให้แก้มของนางร้อนขึ้น

“พวกเราไม่อาจรอเช่นนี้ต่อไปได้” จ้าวหนานซิงมองไปยังนอกหน้าต่าง มองมู่ชิงเกอเข้าไปนั่งในเกี้ยวอย่างสงบ แล้วพูดเสียงเข้มออกมา

เมื่อมู่ชิงเกอนงบนเกี้ยวแล้วคนหามเกี้ยวก็ยกเกี้ยวขึ้นมา แล้วจากไปพร้อมกับพวกเสี่ยวก่วน

“แต่พวกเราจะไปหาใครมาช่วยเล่า?” ซางจื่อซูขมวดคิ้ว

แม้แต่เจ้าสำนักวิถีโอสถก็ยังยอมนางแล้วพวกเขาจะไปหาใครมาช่วย?

แทบจะในเวลาเดียวกันนั่นเอง ข่าวว่ามู่ชิงเกอถูกนำตัวไปได้ส่งเข้ามาถึงหูของเหยาชิงไห่ เขาวางจอกชาในมือลง นัยน์ตามืดทึบลงหลายส่วน เขายืนขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที

มู่ชิงเกอถูกพามายังเรือนหลังหนึ่ง

เรือนหลังนี้ดูหรูหราและงดงามยิ่งกว่าของเหยาชิงไห่เสียอีก

เมื่อนางออกมาจากเกี้ยว ก็รู้สึกแสบตาไปกับแสงสีทองตรงหน้าจนต้องหลับตาลง หลังจากทำความคุ้นเคยแล้ว นางถึงได้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบด้าน

หลังจากมองบรรยากาศรอบด้านชัดเจนดีแล้วมู่ชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงในใจ

อะไรที่เรียกว่าทองหยกเจิดจ้า? ไข่มุกเปล่งประกาย?

ตอนนี้นางได้สัมผัสแล้วว่าที่อยู่ของนางมารในสำนักวิถีโอสถก็เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่ารูปแบบ เช่นนี้ในสายตาของนางนั้นคือ ‘หรูหราเกินไป!’

“ตามข้ามา” เสี่ยวก่วนพูดอย่างเย็นชาแล้วก็บิดเอวเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น เดินตามไป

หลังจากผ่านระเบียงสีทองไปแล้ว นางก็เข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ห้องๆ นี้ดูงดงามหรูหรามาก ไม่เข้ากับรูปแบบของสำนักวิถีโอสถเลย

ภายในห้องมีผ้าม่านเป็นชั้นๆ ปิดกั้นบรรยากาศด้านในเอาไว้

มู่ชิงเกอยืนอยู่ในห้อง เสี่ยวก่วนเลิกคิ้วมองมู่ชิงเกออย่างหยิ่งยโส แล้วเดินไปยังผ้าม่าน เมื่อเข้าไปใกล้แล้ว เขาก็โค้งกายลงเอ่ยอย่างเคารพว่า “พี่สาว พาคนมาถึงแล้ว”

“อืม เจ้าไสหัวออกไปเถอะ” เสียงเย้ายวนของหญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่ดังออกมาจากหลังผ้าม่านนั้น

ดูเหมือนว่าเสี่ยวก่วนจะคุ้นเคยกับนํ้าเสียงที่ดูไม่เกรงใจของนางมานานแล้ว จึงไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ แต่กลับถอยออกไปด้วยความเคารพแล้วก็ปิดประตูลง

เวลานี้เองเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ยังจะนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบมารับใช้อีก”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเย็นชาขึ้น

นางเงียบไม่พูดจา ก้าวเดินเข้าไปใกล้ผ้าม่านทีละก้าวๆ ปลอกนิ้วมือบนมือขวาของนางมีพลังจิตสีทองพันรอบ แต่ก็ถูกมู่ชิงเกอถอนกลับไป นางยังไม่ทันได้เข้าใจวิถีโอสถในผนังเงาทั้งสิบสองแผ่นเลย ยังไม่สามารถหักหน้าของสำนักวิถีโอสถในตอนนี้ได้ เมื่อเดินไปถึงหน้าผ้าม่านแล้วมู่ชิงเกอก็หยุดลง

“เข้ามา อย่ากลัวเลย ข้าไม่กินคน” เสียงนั้นเร่งขึ้นมาอีก มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาเล็กลง ยกมือขวาขึ้นใช้ทวนหลิงหลงที่กลายเป็นปลอกนิ้วมือแหวกผ้าม่านออก

ผ้าม่านไม่ได้มีเพียงชั้นเดียว หลังจากนางแหวกผ้าม่านออกสี่ชั้น นางถึงได้มองเห็นคนที่อยู่ด้านใน

เพียงแต่หลังจากนางมองเห็นชัดแล้ว นัยน์ตากลับประหลาดใจจนหดตัวลง

ตรงหน้าของนางมีเด็กน้อยนอนอยู่บนเตียงอันอ่อนนุ่ม! อย่างมากก็มีอายุเพียงประมาณสี่ห้าปีเท่านั้น!

เด็กน้อยเช่นนี้เป็นนางมารของสำนักวิถีโอสถหรือ?!

คำตอบนี้น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว!

“หืม? กลิ่นบนร่างของเจ้า…” ทันใดนั้นคนๆ นั้นก็ส่งเสียงสงสัยออกมา

ทันใดนั้นเงาร่างเล็กก็หันกลับมาเผยให้เห็นใบหน้าสดใสงดงาม เป็นใบหน้าของเด็กน้อย ตาโต ปากเล็ก ท่าทางดูน่ารักมาก

เด็กหญิงเช่นนี้น่ะหรือที่เป็นนางมาร?

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก

และในตอนที่นางเห็นดวงตาฉายแววหยอกเย้าในดวงตาของเด็กหญิงก็เข้าใจได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่คนที่ลักตัวคนมาเพราะเห็นแก่หน้าตา!

“ข้าก็ว่าแล้วว่าบนโลกนี้จะมีผู้ชายที่งดงามหล่อเหลาขนาดนี้ได้อย่างไร ที่แท้ก็เป็นสาวงามคนหนึ่งนี่เอง” เด็กหญิงพูดอย่างหยอกเย้า

แค่คำพูดเดียวก็แสดงออกแล้วว่านางดูออก นี่ทำให้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ระมัดระวังขึ้นมา

‘นางมองออกได้อย่างไร!’

หรือว่าระดับพลังของเด็กหญิงคนนี้สูงกว่าซือมั่ว? จะเป็นไปได้อย่างไร!

ท่าทางที่ดูระวังตัวของมู่ชิงเกอ ทำให้เด็กหญิงตรงหน้ายิ่งดูขี้เล่นขึ้นมา นางวางมือซ้อนกันอยู่ด้านหน้าเหมือนคนมีอายุ ถึงแม้นางจะดูเหมือนเด็กน้อยแต่การเคลื่อนไหวก็เผยความรู้สึกที่แก่เฒ่ามากออกมา

“น่าสนใจ เป็นผู้หญิงดีๆ ไม่ชอบ เหตุใดถึงต้องปลอมเป็นผู้ชาย? อีกอย่างก็ยังปลอมตัวได้ไม่เลวเสียด้วย หากว่าข้าไม่สัมผัสได้ว่ากลิ่นบนตัวเจ้าไม่ปกติ ข้าก็คงจะหลงเข้าใจผิดไปด้วยแล้ว” เด็กหญิงค่อยๆ พูดออกมา ฟังจากนํ้าเสียงแล้วไม่ได้ดูเหมือนกำลังเสียดสีหรือว่าชื่นชม แยกไม่ออกว่าดีใจหรือโมโห

“กลิ่นบนร่างกายของข้า?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เด็กหญิงพูดออกมาด้วยท่าทางเกียจคร้าน “กลิ่นบนร่างกายของผู้หญิงและผู้ชายไม่เหมือนกัน แต่ว่าเจ้าวางใจเถอะ ความสามารถเช่นนี้มีแต่ข้าเพียงคนเดียวที่มี”

พูดจบแล้วนางก็ชี้ไปที่จมูกของตนเอง

‘กลิ่นบนร่างของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน…’ มู่ชิงเกอคิดถึงคำพูดของเด็กหญิงในใจ นางไม่สามารถแยกจริงหรือเท็จได้ แต่ดูจากท่าทางของเด็กผู้หญิงแล้วก็ไม่เหมือนว่าจงใจหลอกนาง

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นผู้หญิง เช่นนั้นก็วางมือเถอะ ให้พวกเขาอย่ามารบกวนข้าแล้วก็คนข้างกายของข้าอีก” มู่ชิงเกอเสนอความต้องการของตนเองออกไป

เพียงแต่เด็กหญิงกลับทำเหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดของนาง เอาแต่จับจ้องใบหน้าของมู่ชิงเกอด้วยท่าทางเหม่อลอย “ถึงแม้จะเป็นผู้หญิง แต่ก็คล้ายกับเขาอยู่หลาย ส่วนจริงๆ โดยเฉพาะดวงตาและความบ้าคลั่งบนกาย…”

คำพูดที่นางพึมพำกลับทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

“เจ้าคนไร้ประโยชน์เสี่ยวก่วนในที่สุดก็ทำเรื่องที่ถูกใจข้าได้เสียที” เด็กหญิงเอ่ย “เจ้าเข้ามา ให้ข้าลูบใบหน้าของเจ้าหน่อย” เด็กหญิงชี้มือมาเสนอความต้องการของตนเองกับมู่ชิงเกอ

แต่ว่ามู่ชิงเกอจะยอมทำตามความต้องการของนางได้อย่างไร?

กลิ่นอายของนางเย็นชาขึ้น ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

เด็กหญิงขมวดคิ้วไม่คลาย พลังกระจายออกมาจากร่างของนางโอบคลุมมู่ชิงเกอไว้

ทันใดนั้นสองไหล่ของมู่ชิงเกอหนักอึ้งขึ้นมา ทั้งตัวคนเหมือนกับถูกพลังที่ไร้รูป กดดันมาจากรอบทิศทาง แม้แต่หายใจก็ยังยากลำบาก กระทั่งแม้แต่พลังจิตในร่างก็เคลื่อนไหวอย่างติดขัด

ในตอนที่นางคิดจะขัดขืนนั้น เด็กหญิงก็มองเห็นใบหน้าของนางฉายแววเจ็บปวด นัยน์ตาของนางฉายแววสับสนแล้วก็คลายพลังที่กดดันร่างกายของมู่ชิงเกอออกในทันที

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม! ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…” เด็กหญิงกระโดดลงมาจากเตียงพุ่งไปถึงหน้าของมู่ชิงเกอ ดึงชายเสื้อของนางเผยท่าทางที่ดูอดสูออกมา

มู่ชิงเกอมองดูเด็กหญิงแล้วก็พบว่าเหมือนคนที่เด็กหญิงมองเห็นนั้นจะไม่ใช่นางแต่เป็นคนอีกคน

เด็กหญิงคลายพลังออกและก็ไม่ใช่เพราะกังวลว่านางจะบาดเจ็บ แต่เป็น…

ความรู้สึกแปลกประหลาดชนิดหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากหัวใจของมู่ชิงเกอ

เด็กหญิงเงยหน้ามองนางด้วยดวงตาที่ดูน่าสงสาร มือเล็กๆ ดึงชายเสื้อของนาง มองดูแล้วก็ทำให้รู้สึกสงสาร น่าเห็นใจมาก

‘นางกำลังกลัว!’

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็หาคำที่เหมาะสมมาอธิบายได้

‘นางกำลังกลัวอะไร?’

สิ่งนี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอเกิดความสงสัยขึ้นมา

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เจ้าอย่าโมโห…ข้ารับปากเจ้าว่าต่อไปจะไม่ใช้พลังสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ดีหรือไม่?” เด็กหญิงสูดจมูกแล้วพูดออกมา

เสียงขอร้องอย่างน่าสงสารทำให้มู่ชิงเกอคุกเข่าลงไปอย่างไม่รู้ตัวทำให้ทั้งสองคนได้สบตากัน

ตอนนี้เองเหยาชิงไห่ก็มาถึงเรือนสีทองแล้วผลักเสี่ยวก่วนออกไป เขาพุ่งเข้ามาในห้อง ยืนอยู่ด้านนอกผ้าม่าน แล้วเอ่ยอย่างเคารพว่า “ผู้อาวุโสบรรพบุรุษระงับความโกรธด้วย!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!