Skip to content

พลิกปฐพี 484

ตอนที่ 484

ตบ

“ผนึกของเจ้าคลายออกแล้วงั้นหรือ? เจ้าจำเรื่องเมื่อก่อนได้แล้วใช่หรือไม่!” มู่ชิงเกอพูดขึ้นมาอย่างดีใจ

ซือมั่วมองนางอย่างขบขัน วางสองมือทับลงไปบนมือของนาง ถามกลับไปว่า “เหตุใดเจ้าจึงรู้ว่าข้าจำได้แล้ว? ข้าที่ถูกผนึกความทรงจำกับข้าในก่อนหน้านี้มีอะไรไม่เหมือนกันงั้นหรือ?”

เอ่อ…

มีอะไรไม่เหมือนงั้นหรือ?

มู่ชิงเกอพูดไม่ออก มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้น

“ข้าคลายผนึกได้แล้วเสี่ยวเกอเอ๋อร์ดีใจมากงั้นหรือ? เป็นเพราะตอนที่ข้าถูกผนึกนั้นปรนนิบัติเจ้าได้ไม่ดีใช่ไหม?” ภายในดวงตาสีอำพันของซือมั่วเผยกลิ่นอายอันตรายออกมา

เขายังคงมีรอยยิ้ม แต่กลับทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกว่าหากตอบคำถามนี้ได้ไม่ดีล่ะก็คงจบไม่สวยแน่!

“ไม่ใช่…จะเป็นไปได้อย่างไร?” มู่ชิงเกอยิ้มหวาน

แต่ซือมั่วกลับไม่ยอมปล่อยผ่านไป “เช่นนั้นเสี่ยวเกอเอ๋อร์ชอบข้าที่ถูกผนึกหรือว่าข้าที่ถูกคลายผนึกละ?”

‘นี่เป็นคำถามอะไรกัน!’

มู่ชิงเกอบ่นในใจ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ส่งสายตาห้ามปฏิเสธมาให้ทำให้นางจำเป็นต้องตอบไป “ชอบหมด!”

แต่คำตอบนี้กลับทำให้ซือมั่วขมวดคิ้วขึ้น พูดอย่างไม่พอใจว่า “ตั้งใจตอบหน่อย”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก พูดอย่างจนปัญญาว่า “ก็เป็นเจ้าทั้งหมดไม่ใช่หรือ?”

ซือมั่วเม้มปาก อารมณ์บางอย่างปรากฎอยู่ในดวงตา

มู่ชิงเกอเหลือบมองเขา สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตกตะลึง แล้วหลุดเสียงพูดออกไปว่า “เจ้าคงไม่ได้กำลังหึงตนเองหรอกใช่ไหม?”

เพิ่งจะพูดจบนางก็รู้สึกว่าตนเองทายถูก

เมื่อถูกมู่ชิงเกอเดาใจออก ดวงตาของซือมั่วก็ผุดความเขินอายออกมาแวบหนึ่ง ถึงแม้ว่าความเขินอายนั้นจะปรากฎออกมาเพียงแวบเดียวแล้วก็หายไป แต่ก็ยังถูกมู่ชิงเกอจับสังเกตได้อยู่ดี

‘เขากำลังหึงตนเองอยู่จริงๆ ด้วย!’ มู่ชิงเกอรู้สึกตกตะลึง

ในสายตาของนางนั้นซือมั่วเป็นคนที่มั่นใจในตนเองมาก แต่มาตอนนี้กลับหึงตนเอง ช่างน่าขบขันจริงๆ

ซือมั่วถอนหายใจ ความเผด็จการในแววตาหายไป เปลี่ยนเป็นความรักใคร่ เขาโอบกอดมู่ชิงเกอที่กำลังตกตะลึงเข้ามาในอ้อมอก “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าไม่อาจยอมรับการสูญเสียเจ้าไปได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรขออย่าได้ปล่อยมือจากข้า”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกเขาแล้วถามอย่างสงสัย ว่า “เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงเกิดอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้เล่า?”

ซือมั่วส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ นัยน์ตาฉายแวววาววาบ “แต่ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อย่างน้อยก็รู้ว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่รังเกียจที่ข้าโหดเหี้ยม อย่างน้อยเสี่ยวเกอเอ๋อร์ก็ตกลงว่าจะมีลูกกับข้า”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง สองแก้มของมู่ชิงเกอก็ร้อนขึ้นมา นางพูดด้วยความโมโหและขบขันว่า “เวลานั้น ความทรงจำของเจ้าไม่ชัดเจน ในเมื่อตอนนี้จำได้หมดแล้ว ก็ไม่นับ”

“จะไม่นับได้อย่างไร?” ซือมั่วเลิกคิ้วนัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์พูดเองว่า ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ล้วนแต่เป็นข้า”

“…” มู่ชิงเกอไม่รู้จะตอบอย่างไร ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองขุดหลุมขึ้นมาเพื่อให้ตนเองกระโดดลงไป

“แค่ก แค่ก พูดถึงเรื่องร่างกายของเจ้าเถอะ” มู่ชิงเกออรีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกไปจับชีพจรของซือมั่ว

แต่ปลายนิ้วของนางเพิ่งจะสัมผัสถึงผิวข้อมือของซือมั่วก็ถูกเขาพลิกมือคว้าเอามือของนางไปกุมไว้ในมือ เอ่ยถามว่า “เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าบาดแผลบนร่างกายของเจ้านั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร”

เป็นใครกล้าทำร้ายคนที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอม?!

มู่ชิงเกอส่ายหน้า ดึงมือของตนเองออกมา “เรื่องของข้านั้นไม่สำคัญ ข้าอยากจะช่วยเจ้าตรวจดูร่างกายก่อน”

พูดแล้วนางก็ไม่สนใจอาการต่อต้านของซือมั่ว คว้ามือของเขามาแล้วตรวจดูชีพจรอย่างละเอียด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของมู่ชิงเกอจึงปรากฎรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา นางปล่อยมือซือมั่ว มองเขาแล้วพูดว่า “หายดีแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกมีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?”

ซือมั่วค่อยๆ ส่ายหน้า จับมือของมู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “ข้าสบายดี”

“ยาปรับเปลี่ยนไขกระดูกร้ายกาจจริงๆ รักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเจ้าได้และจะทำให้การฝึกปรือของเจ้าก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น” มู่ชิงเกอถอนหายใจ

จากนั้นดวงตาของนางก็ฉายแววผิดหวังเอ่ยว่า “แต่น่าเสียดายที่ถึงจะร้ายกาจอย่างไร มันก็ไม่สามารถเติมเต็มพลังฝึกปรือหมื่นปีที่เจ้าสูญเสียไปได้”

“พลังฝึกปรือที่หายไปก็สามารถฝึกฝนให้กลับคืนมาใหม่ได้” ซือมั่วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ใช่แล้ว!” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยถามอย่างเคร่งขรึมว่า “ผนึกของเจ้าคลายออกแล้ว เช่นนั้นราชาเทวะเฟิ่งเทียนหลียวนอะไรนั้นจะรู้สึกอะไรหรือไม่? นางจะตามมาสร้างปัญหาให้เจ้าอีกไหม?”

เพียงแค่คิดว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยังคงคิดคะนึงถึงผู้ชายของนางไม่รู้ลืม ในใจของนางก็รู้สึกโมโหขึ้นมา!

เมื่อพูดถึงหลียวน นัยน์ตาของซือมั่วก็ฉายแววขบขัน แต่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นดูแคลน “ผู้หญิงคนนั้นงั้นหรือ’? ข้าทำลายผนึกแล้ว นางก็จะถูกพลังสะท้อนกลับ พลังฝึกปรือถดถอย ตอนนี้คงคิดแต่จะหลบข้า จะกล้ามาปรากฎตัวต่อหน้าข้าได้อย่างไร”

“สะท้อนกลับ?” มู่ชิงเกอแปลกใจ

ซือมั่วยิ้มเยาะ พยักหน้าอธิบายว่า “เดิมทีก็จะไม่เป็นเช่นนี้ แต่ใครใช้ให้นางอำมหิต ลงคำสาปร่วมเป็นตายไว้บนผนึกด้วยเล่า?”

“อะไรคือคำสาปร่วมเป็นตาย?” มู่ชิงเกอได้ยินชื่อนี้แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ซือมั่วหรี่ตาลงพูดว่า “คำสาปร่วมเป็นตาย เป็นคำสาปที่อำมหิตมากชนิดหนึ่ง หากคนสองคนถูกคำสาปร่วมเป็นตายมัดรวมกัน ชะตาชีวิตก็จะเชื่อมต่อกัน ร่วมเป็นร่วมตาย”

อะไรนะ!

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง สีหน้ามืดครึ้มลงมา

“อย่ากังวลใจไป ข้าได้ทำลายคำสาปไปแล้ว” ซือมั่วมองออกว่ามู่ชิงเกอไม่สบายใจจึงพูดปลอบโยนนาง แต่มู่ชิงเกอก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี “นางคิดอยากจะร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้าเลยหรือ”

ซือมั่วกลับยิ้มเยาะ “นางเพียงแค่กลัวว่าข้าจะฆ่านางก็เท่านั้นถึงได้ใช้วิธีนี้ปกป้องตนเอง”

“…” มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ เรื่องราวจะง่ายดายอย่างที่ซือมั่วอธิบายจริงๆ งั้นหรือ? ผู้หญิงคนนี้…

นางสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดกับตนเองในใจว่า ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะคิดอย่างไร นางจะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงที่คิดอยากได้ผู้ชายของนางไปอย่างเด็ดขาด

“เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าจะรอข้าไปแก้แค้นด้วยกัน” มู่ชิงเกอเอ่ยเตือนซือมั่ว

ซือมั่วยิ้ม “ได้ ข้าจำได้”

คำตอบที่ไม่ลังเลนี้ทำให้มู่ชิงเกอยิ้มออกมา

“ตอนนี้เจ้าบอกได้หรือยังว่าเป็นใครที่กล้ารังแกเจ้า?” ซือมั่วถามมู่ชิงเกออีกครั้ง

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มที่มุมปากเปลี่ยนเป็นขี้เล่นขึ้นมา เหมือนว่าจะนานแล้วที่นางไม่ได้อาศัยบารมีของซือมั่ว!

“ซือมั่ว ตอนนี้พวกเราถูกขังอยู่ในนํ้าพุร้อนพิษ” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเจ้าเล่ห์มองดูซือมั่ว แต่นํ้าเสียงกลับดูผ่อนคลายผิดปกติ

ภายในถํ้าขนาดใหญ่ใต้ถํ้าจิ่วเฉวียน ตัวประหลาดที่เหมือนเต่าดำและมีหนวดนับสิบค่อยๆ เดินกลับไปที่ตานํ้าพุร้อน เตรียมจะเหยียบลงไปให้กระดูกปกคลุมร่างกายของมันอีกครั้งเพื่อฝึกปรือต่อ

ส่วนหนวดของมันก็เข้าไปในรูเพื่อหาอาหารให้มันต่อ! การเคลื่อนไหวของตัวประหลาดนั้นช้ามากเหมือนกับเต่าจริงๆ

มันค่อยๆ ขยับเดินไปจนถึงตานํ้าพุร้อน สี่เท้าเหยียบลงไปให้นํ้าพุร้อนตรงกับจุดชีพจรของมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ย่อกายลง

แต่มันเพิ่งย่อลงไปได้ครึ่งหนึ่ง นํ้าพุร้อนพิษก็มีเสานํ้าพุ่งขึ้นมา โจมตีเข้าที่จุดชีพจรของมัน ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ร่างกายสูงใหญ่ดุจภูเขา พลิกกลับกลางอากาศหลายรอบ แล้วตกลงไปบนกองกระดูก

โครม!

ตัวประหลาดตกลงบนกองกระดูก หงายหลังลงกับพื้น กระดองของมันจมลงไปในกองกระดูก ส่วนสี่ขา หัว และหนวดล้วนแต่สั่นไหวอย่างสับสนวุ่นวาย

“เป็นใคร! เป็นใครกล้าลอบทำร้ายข้า!” ตัวประหลาดคำรามด้วยความโมโห พยายามพลิกตัวกลับมา

ใครจะรู้ว่าจะมีเสียงอันเย็นชาสายหนึ่งดังขึ้น “ชิ เป็นเพียงแค่ภูตเต่าตัวหนึ่งเท่านั้นกลับกล้าโอหังถึงขนาดนี้”

เสียงนี้มาพร้อมกับพลังกดดันกดทับลงไปบนตัวภูตเต่า ทำให้มันอดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ “เป็น…เป็นใคร…ในโลกแห่งนี้ไม่มีใครรู้จักร่างจริงของข้า!”

แสงสว่างสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากตานํ้าพุร้อนตามคำพูดของมัน เมื่อแสงสว่างกระจายหายไป มันก็ได้เห็นเจ้าหนุ่มที่ถูกมันทิ้งลงไปในตานํ้าพุร้อน แต่ด้านข้างกลับมีผู้ชายสวมชุดสีดำท่าทางน่ากลัวคนหนึ่งเพิ่มเข้ามา

รูปโฉมของผู้ชายคนนี้โดดเด่นดุจดั่งเดือนดารา ความงามใดๆ ก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความงามบนใบหน้าเขา

ที่ทำให้คนหวาดกลัวก็คือดวงตาสีอำพันที่แตกต่างจากคนทั่วไปของเขา!

นัยน์ตาของภูตเต่าหดตัวลง หลุดเสียงพูดออกไปว่า “เจ้าคือเชื้อสายกษัตริย์ของแดนมารรกร้าง! ดวงตาสีอำพันมีเพียงแค่เชื้อพระวงศ์ของแดนมารรกร้างเท่านั้นถึงจะมีได้!”

ซือมั่วยิ้มเยาะ “มีความรู้รอบตัวไม่น้อยเลย”

บนหัวที่เหมือนอีแร้งของเต่าเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมา สี่เท้าที่มีกรงเล็บเหมือนเสือของมันขยับอยู่กลางอากาศ ปากก็ร้องตะโกนว่า “จอมมารไว้ชีวิตด้วย! จอมมารไว้ชีวิตด้วย!”

ซือมั่วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นัยน์ตาเย็นยะเยือก พูดกับภูตเต่าว่า “เจ้าเกือบจะฆ่าพระชายาแห่งแดนมาร ภรรยาของข้า แล้วยังจะขอร้องให้ข้าไว้ชีวิตอีกหรือ?”

“อะไรนะ!” เต่าตกตะลึง

มันมองไปยังข้างกายของซือมั่ว แล้วก็มองเห็นมู่ชิงเกอกำลังยิ้มอยู่ นี่…เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง!

รอเดี๋ยว…มันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจอมมารชอบผู้ชาย?

ที่สำคัญก็คือมันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเด็กน้อยอ่อนแอเมื่อครู่จะเป็นผู้ชายของจอมมาร!

“ในเมื่อได้ทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ตายเสียเถอะ” ซือมั่วพูดจบแล้ว ร่างกายก็ปรากฎแสงมารขึ้นมา มีดสีดำนับไม่ถ้วนลอยออกจากร่างกายของเขา ลอยเข้าไปตัดหนวดของภูตเต่า

ภูตเต่ายังไม่ทันได้ขอร้อง หนวดก็ถูกตัดไปอย่างง่ายดายแล้ว

“อ๊าก!” ความเจ็บปวดที่ถูกตัดหนวดทำให้ภูตเต่าร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด

แต่บทลงโทษของซือมั่วเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

มู่ชิงเกอมองไปยังหนวดของเต่าที่ถูกตัด ทันใดนั้นก็รู้สึกขบขันขึ้นมา นี่ก็เหมือนกับคนที่ไว้ผมยาวแล้วถูกโกนผมจนหัวล้านนั้นแหละ

ซือมั่วสะบัดมือขึ้น แสงมารสายหนึ่งวาบผ่านไป พุ่งเข้าไปใส่ภูตเต่า ทำให้มันพลิกขึ้นมาจากกองกระดูก แล้วกระแทกไปบนกำแพงภูเขาอย่างรุนแรง

ภูตเต่าส่งเสียงร้องโหยหวน กระอักเลือดออกมา

ร่างกายอันใหญ่โตของมันค่อยๆ ไหลตกลงมาจากบนกำแพงถํ้า

ซือมั่วคว้านิ้วทั้งห้ากลางอากาศ ชั่วขณะนั้นกระดองบนหลังของภูตเต่าก็ถูกดึงออกมา บนหลังของภูตเต่าเต็มไปด้วยเลือด

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกขึ้น ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนซือมั่วกำลังถอนขนอยู่อย่างนั้น

สภาพของภูตเต่าในตอนนี้ยิ่งดูเหมือนเต่าที่นางคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น…

เสียงร้องโหยหวนของภูตเต่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“หึ” ซือมั่วสบถอย่างเย็นชา มือขวาสะบัดไปมา ทุกครั้งที่เขาขยับก็จะเกิดพลังอันยิ่งใหญ่ลากดึงให้ภูตเต่ากระแทกไปกับมุมต่างๆ

ภูตเต่าร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ ทำได้เพียงแต่ขอร้องอย่างขมขื่น

น่าเสียดายที่ซือมั่วไม่สนใจ

ผ่านไปไม่นาน มู่ชิงเกอก็พบว่า เมื่อภูตเต่าตัวนี้ถูกซือมั่วตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ขนาดของมันก็เปลี่ยนเป็นเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงหนึ่งฝ่ามือของผู้ใหญ่

“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ชิงเกอพูดอย่างแปลกใจ

ภูตเต่าตกลงตรงหน้าของทั้งสองคน ซือมั่วยกเท้าเหยียบบนหลังของภูตเต่า พูดอย่างดูแคลนว่า “นี่ถึงเป็นร่างเดิมของมัน”

มู่ชิงเกอรู้สึกเหมือนถูกทุบหัว ยากที่จะยอมรับความจริงได้ นางถูกเต่าตัวหนึ่งทำร้ายอย่างนั้นหรือ?

อะไรกัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!