Skip to content

พลิกปฐพี 487

ตอนที่ 487

มู่ชิงเกอ ช่วยข้า!

“ยาระดับจอมเทพสามารถเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งให้สามารถฝึกปรือได้เหมือนคน คนที่มีระดับตํ่ากว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์จะมองร่างจริงไม่ออก แต่ถึงจะอัศจรรย์แค่ไหน โอสถก็ยังคงเป็นโอสถอยู่ดี พูดกันว่าหากกินยาระดับจอมเทพลงไป จะทำให้คนระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ฟื้นคืนชีพได้ ส่วนในยาระดับจอมเทพ ขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ราชันย์โอสถจอมเทพ ราชันย์โอสถจอมเทพนั้นไม่เพียงแต่ต้องอาศัยการปรุงยาขั้นสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยพลังฝึกปรือที่มีด้วย พูดกันว่าหากกินราชันย์โอสถจอมเทพลงไปจะทำให้คนระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ทะลวงขอบเขตเข้าไปสู่ขั้นบรรพเทพในตำนาน กลายเป็นเทพที่แท้จริงหรือมารที่แท้จริงได้!”

ภายในช่องว่าง มู่ชิงเกอนั่งสมาธิคิดทบทวนคำพูดที่ซือมั่วพูดก่อนไป

ฟื้นคืนชีพให้ผู้แข็งแกร่งขั้นศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั่นก็หมายถึงว่ายาระดับจอมเทพสามารถฟื้นคืนชีพให้เทพมารที่ตายไปแล้วได้

ส่วนยาระดับมหาเทพก็สามารถฟื้นคืนชีพได้เพียงคนธรรมดาเท่านั่น

ส่วนยาระดับจอมเทพกลับเป็นยาที่ฝืนชะตาฟ้าสามารถฟื้นคืนชีพให้เทพมารได้!

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในใจ คำพูดเช่นนี้ทำให้จิตใจนางไม่อาจสงบลงได้ ดูเหมือนนางจะพบกับเส้นทางใหม่บนวิถีโอสถเข้าแล้ว

มีความมั่นใจที่จะหยุดยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากยิ่งขึ้น!

หลังจากคิดทบทวนจบ มู่ชิงเกอก็หันไปมองเหลียนเฉียวที่นิ่งเงียบอยู่

บนใบหน้าของเด็กหญิงนั้นดูเย็นชา

มู่ชิงเกอปิดปากแล้วไอออกมาเบาๆ สองครั้ง ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ยว่า “ข้าพอรู้ที่มาของเจ้าคร่าวๆ แล้ว”

นางรู้ดีว่าซือมั่วคงไม่เล่าเรื่องยาระดับจอมเทพให้นางฟังเฉยๆ แน่ แต่เป็นการบอกใบ้อะไรบางอย่าง

และสิ่งที่เขาบอกใบ้ก็คือเหลียนเฉียว

เหลียนเฉียวยังคงนิ่งเงียบ

มู่ชิงเกอแบมือ “ในเมื่อเจ้าหนีออกมาแล้ว ก็ต้องสารภาพทุกอย่างกับข้า ให้ข้าได้รู้และเตรียมการอะไรบ้าง ตอนนี้ข้าถูกตำหนักเทพไล่ล่าเพราะหม้อผลาญสวรรค์แล้ว หากว่าเจ้ายังเงียบต่อไป ข้าก็คงทำได้แค่ส่งเจ้าคืนสำนักวิถีโอสถ”

“เขากับเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกัน?” ในที่สุดเหลียนเฉียวก็พูดออกมา แต่คำถามกลับเป็นการถามถึงซือมั่วที่จากไปแล้ว

มู่ชิงเกอยักไหล่ “เจ้าว่าข้ากับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันล่ะ?”

เหลียนเฉียวยิ้มเยาะ “ความรักระหว่างเทพมาร เจ้าช่างกล้าจริงๆ เส้นทางต่อไปข้างหน้า เจ้าก็ต้องแบกรับเองแล้ว”

พูดแล้ว นัยน์ตาของนางก็ปรากฎร่องรอยโศกเศร้า พึมพำว่า “แต่ข้าก็ไม่ใช่ว่าทำไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกันหรอกหรือ ?”

ความรักระหว่างเทพมารจะมีผลลัพธ์อย่างไรนั้น มู่ชิงเกอไม่รู้และก็ไม่จำเป็นต้องรู้

เพราะถึงอย่างไร ไม่ว่ามันจะนำอะไรมาหรือว่าจะมีใครขัดขวางก็ล้วนไม่สามารถทำให้นางกับซือมั่วแยกจากกันได้

เหลียนเฉียวนั่งอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอ นัยน์ตาดูมึนงงเล็กน้อย เหมือนตกเข้าไปอยู่ในความทรงจำอันยาวนาน นางค่อยๆ พูดขึ้นมา “ความรักระหว่างเทพมารเพียงแค่ ถูกวิถีฟ้าขัดขวางก็เท่านั้น เพียงแค่ไม่สนใจวิถีฟ้าก็สามารถอยู่ด้วยกันได้”

“วิถีฟ้า?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เหลียนเฉียวยิ้มเยาะเอ่ยว่า “เพราะคนละเผ่าพันธุ์กัน นับตั้งแต่โบราณมา เทพและมารก็เป็นศัตรูกัน แล้วจะยอมรับการแต่งงานได้อย่างไร?”

มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ

นางจำได้ว่าซือมั่วเคยบอกนางว่าราชาเทวะหลียวนคนนั้นอยากจะให้เขาละทิ้งสถานะจอมมารและออกจากเผ่ามารไปอยู่กับนาง ดังนั้นความรักของหญิงเผ่าเทพที่มีต่อซือมั่วผู้นี้ ก็มีเพียงแค่นี้เอง!

“ส่วนข้า…แต่เดิมก็ไม่ควรรัก” นัยน์ตาของเหลียนเฉียวชื้นน้ำตาขึ้นมา

นางค่อยๆ หันกลับมามองมู่ชิงเกอ “เจ้าเดาได้ไม่ผิด ข้ากลายร่างมาจากยาระดับจอมเทพ อีกทั้งยังเป็น ราชันย์โอสถจอมเทพที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นศักดิ์สิทธิ์ทะลวงขอบเขตเข้าไปสู่ขั้นบรรพเทพในตำนานได้”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ร่างกายเหมือนโดนสายฟ้าฟาด

นางเดาออกว่าเหลียนเฉียวเป็นยาระดับจอมเทพ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นถึงราชันย์โอสถจอมเทพ!

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดคนของตำหนักเทพถึงได้สนใจหม้อผลาญสวรรค์นัก? หรือจะพูดว่าเหตุใดเผ่าเทพบนแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรถึงอยากจะได้มันนัก?” เหลียนเฉียวถาม

มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างแข็งทื่อ

เหลียนเฉียวยิ้มเยาะแล้วเอ่ยว่า “เพราะว่าหม้อผลาญสวรรค์ก็คือหม้อปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลกทั้งสามพันใบที่สามารถปรุงราชันย์โอสถจอมเทพออกมาได้ และข้าก็กำเนิดออกมาจากมัน”

ปัง!

มู่ชิงเกอรู้สึกเหมือนว่าสมองของตนเองถูกข่าวสารนี้ทำให้ระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

หม้อผลาญสวรรค์! หม้อผลาญสวรรค์! หม้อผลาญสวรรค์!

นิ่งไว้! นิ่งไว้!

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามจะระงับความตกตะลึงในใจของตนเอง

ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดหม้อผลาญสวรรค์ถึงเป็นที่ต้องการ หากเป็นนาง เมื่อรู้ถึงข้อนี้แล้วก็จะไม่สนใจอะไรพยายามแย่งหม้อผลาญสวรรค์ให้มาอยู่ในมือให้ได้

เหลียนเฉียวยกมือขึ้น ค่อยๆ ลูบหม้อผลาญสวรรค์ พึมพำว่า “เจ้านายคนก่อนของมันเป็นอันดับหนึ่งในวิถีโอสถบนแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร นับแสนปีที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถเทียบกับเขาได้ เขาปรุงข้าออกมา แต่กลับต้องพินาศเพราะข้า เดิมทีข้าก็เป็นเพียงแค่ยาเม็ดหนึ่ง แต่เขากลับมอบชื่อให้ข้า ให้ข้าอยู่ข้างกาย ดูแลเป็นอย่างดี สอนให้ข้ารู้จักเรื่องราวทางโลก อยู่ร่วมกับเขามานับหมื่นปีทำให้ข้าเหมือนคนมากขึ้นเรื่อยๆ จน กระทั่งเกิดความรู้สึก แต่เคราะห์ร้ายกลับเข้ามา…”

นัยน์ตาของเหลียนเฉียวฉายแววเคียดแค้น นํ้าเสียงของนางพลุ่งพล่านขึ้น “พวกเทพจอมปลอมเหล่านั้น! เห็นแก่ตัว ทำเพื่อความโลภในพลังและอำนาจของตนเอง พวกเขาร่วมมือกันบีบให้เขาส่งมอบข้าออกไป! เขาพาข้าต่อสู้กับพวกไร้ยางอายเหล่านั้นนับร้อยปี แม้ว่าเขาจะเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ไม่ยอมมอบข้าออกไป สุดท้ายเขาก็พาข้าหนีมายังโลกแห่งยุคกลาง แล้วก็สร้างสำนักวิถีโอสถซึ่งเป็นค่ายกลเก็บซ่อนกลิ่นอายขนาดใหญ่เอาไว้ จนในที่สุดก็หนีจากการไล่ล่าได้พ้น”

มู่ชิงเกอตกตะลึง

สำนักวิถีโอสถกลับเป็นค่ายกลอย่างหนึ่ง! อีกทั้งค่ายกลนี้ยังสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเหลียนเฉียว!

เหลียนเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น “เดิมข้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วทุกอย่างก็จะจบ ข้ากับเขาสามารถใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขได้ แต่เขากลับพูดว่า สามารถหลบได้ชั่วคราวแต่ไม่สามารถหลบได้ชั่วชีวิต ดังนั้นเขาถึงได้จากไป และก็มอบภารกิจของเขาให้ลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของเขาทำต่อแทน ซึ่งก็คือให้อยู่ในสำนักวิถีโอสถปกป้องข้าให้ดี ส่วนเขาจะออกไปเสาะหาพลังอันแข็งแกร่ง เขาพูดว่ามีเพียงแค่เขาทะลวงขอบเขตเข้าไปสู่ขั้นบรรพเทพแล้วเท่านั้น บรรดาพวกเทพที่ละโมบถึงจะหยุดโลภในตัวข้า และเขาถึงจะสามารถทำให้ข้าได้ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ ข้าไม่ยอมให้เขาจากไป ข้าพูดว่า ให้เขากินข้าซะ กินข้าแล้วเจ้าก็สามารถทะลวงขอบเขตเข้าไปสู่ขั้นบรรพเทพได้ แต่เจ้ารู้ไหมว่าเขาพูดว่าอย่างไร?”

นางมองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอส่ายหน้า ฟังอย่างสงบ

นางรู้ดีว่าเหลียนเฉียวไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงคิดจะระบายก็เท่านั้น

เหลียนเฉียวยิ้มออกมา “เขาพูดว่า…เด็กโง่ ที่ข้าเสาะหาขั้นบรรพเทพก็เพื่อปกปองเจ้า ข้าปรุงเจ้าออกมา ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้า เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะต้องกลับมาแน่นอน”

มู่ชิงเกอถอนหายใจในใจ

ผลสรุปไม่จำเป็นต้องให้เหลียนเฉียวพูดอีก

ความสงสัยในใจของนางได้ถูกคลายออกไปแล้ว

นางเข้าใจความรู้สึกของเหลียนเฉียว

“มีบางครั้งที่ข้าก็แค้นตนเอง ถ้าหากข้าไม่ปรากฎตัวออกมา เขาจะยังคงเป็นเทพโอสถที่ทุกคนในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเคารพนับถืออยู่ใช่หรือไม่?” เหลียนเฉียวพึมพำออกมา

เอ๋? เทพโอสถ?!

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองเหลียนเฉียวอย่างตกตะลึง

นางเองก็ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การปรุงยามาจากเทพโอสถ แต่สิ่งที่ถ่ายทอดมานั้นไม่ได้มีวิถีโอสถ มีเพียงพื้นฐานทั้งหมดเท่านั้น

เทพโอสถสิ้นชีพไปแล้วหรือ?

ส่วนเทพโอสถที่นางได้รับการถ่ายทอดนั้นเป็นคนเดียวกันกับคนที่เหลียนเฉียวพูดถึงหรือไม่?

ปัญหานี้สามารถพิสูจน์กับเหลียนเฉียวได้

แต่นางกลับไม่ถาม นางไม่อยากให้เหลียนเฉียวเกิดความหวังหรือสิ้นหวังเพราะความไม่แน่ใจนี้

‘บางที เรื่องนี้อาจจะถามกับเจ้าสำนักวิถีโอสถได้’ มู่ชิงเกอพูดในใจ

“เจ้าตามข้ามาทำไมกัน?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

นางต้องการจะถามให้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เหลียนเฉียวอยากตามนางมามากจนซ่อนตัวอยู่ในหม้อผลาญสวรรค์ออกมากับนางเช่นนี้

ยังมี…

“วันนั้นข้าเรียกเจ้าอยู่นอกห้อง เจ้าก็ตอบข้าชัดๆ นี่” มู่ชิงเกอพูดขึ้น

เหลียนเฉียวยิ้มเยาะ “นั้นเป็นเพียงแค่ละครเล็กน้อยเท่านั้น ที่ตามเจ้ามาก็เพราะข้าไม่อยากรออยู่ในสำนักวิถีโอสถต่อ ข้าอยากออกมาตาหาเขา”

“แต่ทำเช่นนี้เจ้าจะเสี่ยงอันตรายมากนะ” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “ในเมื่อสำนักวิถีโอสถสามารถซ่อนกลิ่นอายของเจ้าได้ เช่นนั้นเมื่อเจ้าออกมาแล้วกลิ่นอายของเจ้าก็จะถูกเปิดเผยสู่ภายนอก หากถูกคนของเผ่าเทพค้นพบเข้าก็คงถูกจับไป แล้วจะทำอย่างไร?”

“ถูกจับก็จับไปเถอะ” เหลียนเฉียวพูด “มีบางครั้ง ข้าก็รอมานานเกินไปแล้ว เหนื่อยเกินไป และคิดว่าหากข้าถูกจับแล้ว เขาจะปรากฎตัวออกมาหรือไม่?”

“…” มู่ชิงเกอไร้คำพูดสำหรับความคิดของเหลียนเฉียว

วิธีที่โง่เขลาเช่นนี้ไม่อาจจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

”ในเมื่อเขาให้ความสำคัญกับเจ้าถึงขนาดนี้ก็จะ ต้องกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอน ส่วนที่ยังกลับมาไม่ได้ก็ อาจจะเป็นเพราะยังทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ หรือถูกเรื่องอะไรฉุดดึงเอาไว้จึงกลับมาไม่ได้ชั่วคราว เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่นไป” มู่ชิงเกอเอ่ย

เหลียนเฉียวหลุบตาลงเอ่ยว่า “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง นั่นก็คือเขาได้…สิ้นสูญไปแล้ว”

มู่ชิงเกออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา

”ถ้าหากเขาตายแล้วจริงๆ ข้าอยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไร?” เหลียนเฉียวเงยหน้าขึ้นมองไปยังเพดานห้องปรุงยา สายตาเลื่อนลอย

มู่ชิงเกอถอนหายใจ นางเข้าใจความหมายของเหลียนเฉียว

ถ้าหากคนที่นางรอคอยไม่อยู่แล้วจริงๆ เช่นนั้นนางอยู่ต่อไปแล้วจะมีความหมายอะไร ถูกคนจับไปกินแล้วจะเป็นอะไร?

“มู่ชิงเกอ” ทันใดนั้นเหลียนเฉียวร้องเรียกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอหันมองนาง รอคำพูดต่อไปของนาง

เหลียนเฉียวไม่ได้มองมา แต่ยังคงมองไปยังเพดานห้อง ค่อยๆ เอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าศาสตร์การปรุงยาของเจ้าร้ายกาจ ดังนั้น ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อย”

“อะไรหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

“ถ้าหาก…ถ้าหากว่าเขาไม่อยู่แล้วจริงๆ ข้าอยากให้เจ้าเปลี่ยนข้าเป็นยาพิษ” สายตาของเหลียนเฉียว เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมา

ส่วนคำพูดของนางก็ทำให้มู่ชิงเกอตะลึงไป

นัยน์ตาของเหลียนเฉียวแฝงร่องรอยของความบ้าคลั่ง ใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมา “เทพเหล่านั้นต้องการกินข้าเพื่อทะลวงขอบเขตเข้าไปสู่ขั้นบรรพเทพมากใช่ไหม? ข้าก็จะทำตามที่พวกเขาต้องการ ดูสิว่าใครในพวกเขาจะมีความสามารถได้ข้าไป!”

มู่ชิงเกอถูกคำพูดของนางทำให้ตกตะลึง

‘เหลียนเฉียวต้องการแก้แค้นให้เทพโอสถ! คิดจะใช้ความพิเศษของตนเองก่อความวุ่นวายให้แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรรอจนกระทั่งตายและบาดเจ็บไปนับไม่ถ้วนแล้ว ผู้ชนะคนสุดท้ายที่กินนางก็จะถูกพิษจนตาย ไม่สามารถเข้าสู่ขั้นบรรพเทพได้’

“มู่ชิงเกอ เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่!” ในที่สุดเหลียนเฉียวก็มองไปยังมู่ชิงเกอ ความแน่วแน่ในแววตาเด่นชัดเป็นพิเศษ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!