ตอนที่ 494
ศึกที่แม่น้ำรั่ว เคียงบ่าเคียงไหล่
ไอสังหารพวยพุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มู่ชิงเกอถอยหลังไป ตรงหน้ามีแสงกระบี่วาบผ่าน
“ชิงเกอ!”
เลียงร้อนใจของจีเหยาฮั่วดังขึ้นมาที่ข้างหู
จากนั้นเสียงอาวุธกระทบกันก็ดังขึ้น
มู่ชิงเกอหลบหลีกการลอบโจมตี หันกายดีดตัวออก กำทวนหลิงหลงในมือแน่น สะบัดทวนหลิงหลงออกไปอย่างรวดเร็ว ขวางการโจมตีหลายสายที่ตามมาด้านหลัง เมื่อเหยียบลงบนพื้นอีกครั้ง นางถึงได้มองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ที่นี่เป็นช่องว่างที่ไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง
จากบนถึงล่าง รอบด้านเป็นสีขาวทั้งหมด มองไม่เห็นขอบ
พวกคนที่มาถามหาวิถีล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด แต่ตอนนี้กลับถูกแบ่งออกเป็นสามฝั่ง
หนึ่งฝั่งในนั้นก็คือพวกเขาห้าสุดยอดบนทำเนียบชิงอิง
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งสวมชุดแตกต่างออกไป และตอนนี้ก็กำลังหันอาวุธใส่พวกเขาพร้อมด้วยไอสังหาร จำนวนคนของฝั่งนั้นมีมากถึงสี่ห้าสิบคน ส่วนกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่เหลือ มีจำนวนเยอะที่สุดเป็นบรรดาคนที่มาถามหาวิถี ซึ่งกำลังมองมาทางพวกเขาทั้งสองฝั่งด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เพียงแค่แวบเดียวในใจของมู่ชิงเกอก็คาดเดาได้แล้ว
‘ดูแล้วมีฐานกำลังปลอมปนมากับคนที่มาถามหาวิถี คิดจะฆ่านางหลังจากที่เข้ามาในแม่นํ้ารั่วแล้ว ส่วนการลอบโจมตีเมื่อครู่ ก็ทำให้จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อและเหยาชิงไห่ พุ่งเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง เพียงแต่…เว่ยมั่วลี่เล่าเกิด อะไรขึ้น?’ มู่ชิงเกอมองไปยังเว่ยมั่วลี่ นางรู้สึกได้ว่า การเปิดการโจมตีก่อนหน้านี้นอกจากจะโจมตีนางแล้ว ก็ยังมีการโจมตีอีกหลายสายที่พุ่งไปทางเว่ยมั่วลี่ด้วย
มีคนคิดจะฆ่าเขาเช่นกันหรือ?
จากนั้นคนที่ต้องการฆ่าพวกเขาทั้งสองคนก็รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน?
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นชา ใช้ทวนหลิงหลงชี้ไปยังกลุ่มคนตรงกันข้าม ถามด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
“ชิ ส่งของที่เจ้าไม่สมควรครอบครองออกมาแล้วจะละเว้นชีวิตให้เจ้า!” คนที่เป็นหัวหน้าสบถออกมา แสดงท่าทีข่มขู่ออกมาอย่างชัดเจน
แต่ประโยคนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอรู้ถึงสถานะของพวกเขาได้ในทันที
ตำหนักเทพ!
คนที่ไล่ล่านางเพื่อของที่นางครอบครองอยู่ ตอนนี้ก็มีเพียงตำหนักเทพเท่านั้น ส่วนของนั้นก็คือหม้อผลาญสวรรค์!
‘คิดไม่ถึงว่าตำหนักเทพจะสืบหามาถึงตัวข้าได้เร็วขนาดนี้’ ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกหนักอึ้ง ความเร็วของตำหนัก ทพทำให้นางตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
แต่ก็เป็นเหมือนที่นางและเจ้าสำนักคาดเดาเอาไว้ ตำหนักเทพไม่กล้าแย่งของอย่างโจ่งแจ้ง ทำได้เพียงลอบลงมือเท่านั้น
มู่ชิงเกอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง การมายังแม่นํ้ารั่วนั้นเป็นเพียงความสนใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของนาง เหตุใดตำหนักเทพถึงได้เตรียมการวางกับดักนางล่วงหน้าได้?
‘หรือร่องรอยของนางทุกฝีก้าวถูกตำหนักเทพควบคุมเอาไว้?’ ในใจของมู่ชิงเกอเกิดการคาดเดาที่ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้น
“ของอะไร ข้าไม่เข้าใจ” มุมปากของมู่ชิงเกอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย
คนที่เป็นหัวหน้าหรี่ตาเล็กลง ไอสังหารเพิ่มพูนขึ้นมา “ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง! ฆ่า!” เมื่อเสียงของเขาจบลง คนที่เขานำมาก็พุ่งเข้าไปยังฝั่งทางมู่ชิงเกอทันที
พวกจีเหยาฮั่วสามคนเตรียมพร้อม ไม่ได้มีความคิดจะผละออกไปดูอยู่ห่างๆ เลยแม้แต่น้อย
มู่ชิงเกอกวาดตามองพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้พูดจา
นางมองไปยังฝั่งของเว่ยมั่วลี่อีกครั้ง กลับพบว่าในบรรดาคนที่พุ่งเข้ามาโจมตีตนเองนั้น ยังแบ่งคนอีกส่วนไปโจมตีเว่ยมั่วลี่โดยเฉพาะ!
บางส่วนนั้นก็ยืนอยู่ด้านหลังของคนที่พูด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!
‘ตำหนักเทพก็ต้องการฆ่าเว่ยมั่วลี่หรือ?!’ มู่ชิงเกอตกตะลึงไปกับข้อสงสัยนี้นางค้นหาคำตอบภายในหัวอย่างรวดเร็ว ‘หรือจะเป็นเพราะซีเซียนเสวี่ย?’
ตำหนักเทพกักบริเวณซีเซียนเสวี่ยเพราะคิดว่านางชอบเว่ยมั่วลี่ จากนั้นก็ลอบส่งคนมาฆ่าเว่ยมั่วลี่ คิดจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!
นักฆ่าเหล่านี้คงจะเป็นมือดีในตำหนักเทพ พลังฝีมือจะต้องไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน
และก็เป็นอย่างที่คิด คนที่พุ่งเข้ามาเหล่านี้ล้วนแต่มีแสงสีทองปรากฎขึ้นบนร่างของพวกเขา
ระดับสีทอง!
ระดับสีทอง!
ล้วนแต่ เป็นระดับสีทอง!
ครั้งนี้ตำหนักเทพส่งระดับสีทองหลายสิบคนออกมาต่อกรกับพวกเขา! ดูแล้ว ไม่ว่าจะนางหรือเว่ยมั่วลี่ก็ต้องจัดการให้สำเร็จ!
“ให้ตายเถอะ! ระดับสีทอง! เป็นระดับสีทองทั้งหมด!”
เวลานี้เอง บนร่างของพวกมู่ชิงเกอทั้งห้าคนก็ปรากฎแสงสีทองวาบขึ้น ชั่วขณะนั้นภายในช่องว่างสีขาวบริสุทธิ์ไร้ขอบเขตก็เกิดแสงสีทองสะท้อนขึ้นมา
“ตอนนี้ระดับสีทองสองฝ่ายจะต่อสู้กันแล้ว!”
“ไปเอาระดับสีทองมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน? ตอนนี้ระดับสีทองนั้นด้อยค่าขนาดนี้เชียวหรือ? บัดซบ!”
“ภาพในตอนนี้ก็คือระดับสีทองมากมายดุจฝูงสุนัข!”
“น้องสาวเจ้าสิ หากเจ้าอยากจะตายก็อย่าได้ลากข้าไปด้วย พูดเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าจะโดนฆ่าภายในชั่วพริบตาน่ะ?”
คำพูดเพิ่งจะหลุดออกไป แสงสีทองสายหนึ่งก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน พุ่งเข้าตวัดคอของคนคนนั้นทันที เขาแค่พูดว่า ‘ระดับสีทองมากมายดุจฝูงสุนัข’ เท่านั้นก็ถูกฆ่าอย่างไม่ลังเลแล้ว
หัวกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งคู่ยังเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ
“อ้า!”
ความโหดเหี้ยมนั้นทำให้ผู้คนตะลึง
ผู้คนที่เดิมทีมองดูอยู่รอบๆ พากันถอยออกไปรอบด้าน ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก ทั้งยังไปหลบอยู่ไกลๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนลูกหลง
ซากร่างที่ล้มลงทำให้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววดุดัน
ทวนหลิงหลงในมือดูเฉียบคมขึ้นหลายส่วน
ในเมื่อมาฆ่านาง เช่นนั้นนางก็จะไม่เกรงใจแล้ว!
คนหลายสิบคนรุมคนห้าคนอีกทั้งคนเหล่านี้ยังเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมา ระดับพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสนามหนึ่ง!
จุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของคนทั้งห้าก็คือ ยุทธภัณฑ์ระดับมหาเทพในมือของมู่ชิงเกอ และจี เหยาฮั่ว
‘ระดับสีทองของตำหนักเทพส่วนมากล้วนแต่อาศัยโอสถเพาะเลี้ยงขึ้นมา หากต่อสู้ไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเรา’ ทันใดนั้นในหัวของมู่ชิงเกอก็มีเสียงดังขึ้นมา
นางหันไปมองทางเว่ยมั่วลี่แวบหนึ่ง ก็พบว่าเขาถือดาบหนัก สะบัดระดับสีทองคนหนึ่งลอยปลิวไป พอพลิกมือกลับก็พุ่งไปยังนักฆ่าอีกคนที่เข้ามาลอบโจมตี
‘อาศัยโอสถเพาะเลี้ยง!’ มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น มีความคิดหนึ่งขึ้นมาชั่วขณะ
นางคว้าเอายากำหนึ่งออกมาจากอากาศ แล้วใช้พลังจิตทำให้แตกละเอียดกลายเป็นผง จากนั้นก็สาดไปยังฝั่งตรงกันข้าม
นักฆ่าของตำหนักเทพสูดดมผงสีเทาอ่อนนี้เข้าไป
การลอบโจมตีนี้ทำให้พวกเขาเตรียมตัวตั้งรับไม่ทัน พากันถอยไปด้านหลัง เว้นระยะห่างออกไป
พวกจีเหยาฮั่วสามคนพากันเข้ามายังข้างกายนาง เว่ยมั่วลี่ก็โอบดาบหนักเดินเข้ามา ทั้งห้าคนยืนตรง มู่ชิงเกอยืนอยู่ตรงกลาง เมื่อกวาดตามองออกไปก็พบว่าในบรรดาพวกเขานอกจากเว่ยมั่วลี่แล้วทุกคนต่างก็มีบาดแผลไม่มากก็น้อย
เว่ยมั่วลี่ไม่มีบาดแผล นอกจากจะเพราะความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะพลังป้องกันจากรากวิญญาณทองด้วย
ส่วนมู่ชิงเกอ นางใช้อาวุธยาวทำให้คนทั่วไปเข้าประชิดตัวได้ยาก รวมกับที่นางมีชุดเกราะเพลิงและร่างกายที่แข็งแกร่งไม่แพ้เว่ยมั่วลี่
เหยาชิงไห่ล้วงเอาโอสถออกมาแล้วแบ่งให้คนอื่นๆ
หัวหน้าของฝั่งทางตำหนักเทพใช้มือปิดจมูก มองดูลูกน้องซ้ายขวาที่ถอยกลับมา นัยน์ตาฉายแววอำมหิตมองดูมู่ชิงเกอ “เจ้าสาดอะไรมา?”
มู่ชิงเกอยิ้ม “ยาพิษ”
ยาพิษ!
ถึงกับใช้ยาพิษเชียวรึ?
กลุ่มคนที่ถอยออกไปดูไกลๆ รู้สึกตกตะลึงในใจ
ส่วนคนที่เป็นหัวหน้า กลับหัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ยาพิษ เจ้าคิดว่ายาพิษจะสามารถทะลุเกราะป้องกันระดับสีทองได้งั้นหรือ?”
มู่ชิงเกอยิ้มส่ายหน้า เอ่ยเตือนว่า “ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปว่าข้าเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพ ยาพิษที่อาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพปรุงออกมาจะทะลุเกราะป้องกันระดับสีทองไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้สีหน้าของนักฆ่าฝั่งตรงกันข้าม เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นก็ค่อยๆ ปรับลมปราณ ดูว่าตนเองโดนพิษหรือไม่ ส่วนดวงตาของคนที่เป็นหัวหน้าก็หดตัวลง มองเขาอย่างตะลึง
ประโยคแรกของเขายังไม่ทันจบ ประโยคต่อมาก็ยิ่งทำให้นักฆ่าฝั่งตรงข้ามรู้สึกแค้นจนอยากป่นกระดูกของเขาให้กลายเป็นผงขี้เถ้า
“อีกอย่างที่ข้าใช้ก็ไม่ใช้ยาพิษที่เอาชีวิต เพียงแต่ขับพลังระดับสีทองที่อาศัยยาสะสมมาในร่างกายของพวกเจ้าให้ออกไปก็เท่านั้น”
นางไม่ใช่อาจารย์ปรุงยาพิษ ที่ปรุงยาพิษก็เพียงเพื่อไว้ใช้ในคราวจำเป็นเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ได้เตรียมยาพิษชนิดต่างๆ เอาไว้
อีกอย่างยาพิษที่สามารถทำให้ระดับสีทองตายหรือเอาชีวิตได้ในพริบตานั้นก็ไม่ได้ปรุงกันได้ง่ายๆ
ดังนั้นนางจึงใช้หลักการการต้านกันของยา เอายาที่ปรุงเอาไว้ดีแล้วบีบให้มันแตกแล้วผสมรวมกัน กลายเป็นผงยาที่ทำขึ้นใหม่
เรื่องเหล่านี้แน่นอนว่านางไม่ได้พูดออกไป
คำพูดของนางเพิ่งจะจบลง บรรดานักฆ่าที่ปรับลมปราณของตนเองอยู่ก็ค่อยๆ พบว่าระดับพลังของตนเอง ค่อยๆ ถดถอยลง
การค้นพบนี้ทำให้พวกเขาตกใจสับสนอลหม่านขึ้นมา
“ฆ่าเขา! รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!” คนที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่งในทันที
เขาจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะถูกฆ่า
“ชิ ที่แท้ก็เป็นเพียงพวกขยะที่ใช้โอสถเพาะเลี้ยงขึ้นมา วันนี้จะให้เจ้าได้รู้ถึงความร้ายกาจของข้า!” จีเหยาฮั่วยิ้มเยาะ พุ่งตัวเข้าไปต้านรับ
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นเพราะนักฆ่าของตำหนักเทพกังวลใจเรื่องระดับถดถอย ดังนั้นจึงต่อสู้อย่างดุเดือด ลงมืออย่างอำมหิตมากขึ้น
ส่วนพวกมู่ชิงเกอก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ทุกกระบวนท่าล้วนแต่หมายเอาชีวิต
การต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นในช่องว่างของแม่น้ำรั่ว
แต่เดิมนี่คือการเดินทางมาถามหาวิถี แต่กลับเกิดการฆ่าล้างขึ้น
ทวนหลิงหลงส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห ปลายทวนที่แหลมคมแทงทะลุคอของอีกฝ่าย มู่ชิงเกอสะบัดซากร่าง ให้ลอยขึ้นไป ซากร่างที่ปลิวลอยออกจากปลายทวน พลิกกลับอยู่กลางอากาศ พุ่งลอยออกไป
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ หลบการโจมตีจากด้านหลัง หันกายไปต่อสู้ต่อ
จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เหยาชิงไห่ เว่ยมั่วลี่และมู่ชิงเกอล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม อีกอย่างพวกเขาไม่เคยรู้สึกพอใจในฝีมือตนเอง ทำให้คอยพัฒนาฝีมือของตนเองอยู่ตลอด ดังนั้น ถึงแม้พวกเขาจะอายุน้อย แต่ก็ต่อกรได้ไม่ง่าย
นักฆ่าหลายสิบคนตายไปเจ็ดแปดคนในพริบตา
นักฆ่าที่เหลือรู้สึกได้ถึงพลังจิตและระดับพลังในร่างกายถดถอย การโจมตีจึงเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้นมา
ศึกในครั้งนี้ ผู้คนที่อยู่ห่างไกลออกไปชมดูอย่างเพลิดเพลิน
ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นพลังของห้าอันดับแรกบนทำเนียบชิงอิงอย่างชัดเจน!
ห้าอันดับแรกบนทำเนียบชิงอิง…สมคำเล่าลือจริงๆ!
ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ในมือของมู่ชิงเกอปรากฎลูกบอลสีดำออกมาลูกหนึ่ง ลูกบอลเป็นรูปไข่ ผู้คนไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ส่วนมู่ชิงเกอกลับชมอย่างดูแคลนออกมา แทงทวนหลิงหลงออกไป ทันใดนั้นก็ถอนกลับ มือซ้ายมือขวาสลับกัน โยนของนั้นเข้าไปในเสื้อคลุมของนักฆ่าคนหนึ่ง
จากนั้นก็ยกเท้าถีบอย่างรุนแรง ทำให้นักฆ่าคนนั้นหล่นเข้าไปอยู่ในกลุ่มของนักฆ่าอีกทาง
เขาล้มลงไปบนตัวของเพื่อน คนสี่ห้าคนล้มคะมำลงไปบนพื้นพร้อมกัน
ทันใดนั้นเอง
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น เสียงดังจนผู้คนรู้สึกเจ็บแก้วหู
พวกเขาตะลึงพบว่านักฆ่าที่โดนมู่ชิงเกอถีบคนนั้นอยู่ๆ ก็ระเบิดตัวเองแล้วยังพาเพื่อนหลายคนที่เขาล้มทับนั้นระเบิดตายตามไปด้วย…