ตอนที่ 499
กลับลั่วซิงเฉิง
“ฆ่า!” สายลมที่พัดผ่านมีไอสังหารเจือปนมาด้วย มู่ชิงเกอหรี่ตาลง มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอันป่าเถื่อนเย็นชา
ทันทีที่เสียงของนางดังออกมา นักฆ่าที่ซุ่มอยู่ด้านนอกก็ออกมาจากที่ซ่อน พุ่งเข้ามาหานาง
ส่วนนางไม่ได้ขยับ ข้างกายซ้ายขวากลับปรากฎคนสองคนขึ้นมา
สองคนนี้ คนหนึ่งดูสง่างาม ใบหน้าดุจภาพวาด มือถือคันธนูและลูกศร อีกคนหนึ่งดูแข็งแกร่งลึกลํ้าดุจดั่งรูปสลัก เปี่ยมไปด้วยพลัง
นัยน์ตาของสองคนนี้เรียบสงบมาก เมื่อถูกมู่ชิงเกอเรียกออกมา เพียงแค่ปรากฎตัวนักฆ่าตรงหน้าก็พุ่งเข้ามาแล้ว
ในขณะเดียวกัน กู่หยาและกู่เย่ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมาตลอด เมื่อได้ยินคำสั่งจากมู่ชิงเกอและได้สติมาจากอาการตกตะลึงที่แต่ละก้าวของนางมีดอกบัวหนึ่งดอกบานและระดับเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ปรากฎตัวออกมาไอสังหารลุกโชน
ทั้งสี่คนเผชิญหน้ากับนักฆ่านับร้อยที่มาซุ่มโจมตี อีกทั้งนักฆ่าร้อยคนนี้ก็ล้วนแต่อยู่ระดับสีทอง แต่พวกเขากลับไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของทั้งสี่คนนี้ได้ เมื่ออยู่ ต่อหน้าทั้งสี่คนนี้ก็เหมือนกับหมูหมากาไก่ไม่อาจโจมตีได้เลย
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา
มู่ชิงเกอยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม นัยน์ตาสดใสมองดูการต่อสู้ด้านนั้นอย่างสงบ แผ่นหลังของนางเหยียดตรง แม้ว่าฟ้าทล่มลงมาก็ไม่โค้งงอ
เพียงแค่ครู่เดียว นักฆ่าระดับสีทองนับร้อยก็ตายหมด ไม่เหลือผู้รอดสักคน แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของมู่ชิงเกอ
เลือดที่ไหลออกมาจากซากร่างเหล่านี้เปื้อนแดงเต็มไปทั่วพื้นผิวแม่นํ้ารั่ว
แต่มู่ชิงเกอกลับไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด กลับกันเมื่อนางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ภายในอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้ถึงเป็นโลกที่นางคุ้นเคย
ภารกิจสำเร็จแล้ว ทั้งสองคนที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันถึงได้กลับไปอยู่ด้านหลังของมู่ชิงเกออย่างเป็นระเบียบ ยืนปกป้องดุจดั่งเทพ ใบหน้าไร้ความรู้สึก
กู่หยาและกู่เย่ยืนอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอ เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจว่า “หุ่นเทพมาร!”
มู่ชิงเกอพยักหน้า ยกมือขึ้นโบก หุ่นเทพมารสองร่างก็ถูกนางเก็บเข้าไปในช่องว่าง รอมาสามปีในที่สุดหุ่นเทพมารทั้งสองก็ตื่นขึ้นมา ส่วนระดับพลังฝึกปรือก็ยังอยู่ที่ขั้นถํ้าวิญญาณชั้นแปดระดับสูงสุดอยู่
สำหรับมู่ชิงเกอแล้วนี่เป็นนักสู้ชั้นสุดยอดสองคนที่เพิ่มเข้ามา!
การคงอยู่ของหุ่นเทพมารทำให้การเข้าไปในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารในอนาคตของนาง ไม่ใช่ไก่อ่อนแอที่ใครก็สามารถเหยียบได้อีกแล้ว
“สามปีมานี้ ด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” มู่ชิงเกอมองกู่หยาและกู่เย่แล้วเอ่ยถาม
กู่หยาและกู่เย่มองหน้ากัน แล้วก็เล่าเรื่องราวคร่าวๆ ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งยุคกลางภายในสามปีนี้ให้มู่ชิงเกอฟัง
เวลาสามปีสำหรับโลกแห่งยุคกลางแล้วก็สั้นมากจริงๆ
สั้นจนการกักตนบำเพ็ญสักครั้งก็ผ่านไปแล้ว ดังนั้นภายในสามปีนี้จึงไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่คู่ควรให้มู่ชิงเกอรับรู้ก็คือเรื่องที่เกิดจากนาง
“ถึงแม้ว่าพวกเราสองคนจะเตือนคนที่ออกจากแม่นํ้ารั่ว ห้ามไม่ให้เปิดเผยเรื่องราวที่คุณชายเป็นผู้หญิงออกไป แต่เกรงว่าคงจะปิดเรื่องนี้เอาไว้ไม่อยู่” กู่หยาเอ่ย
เห็นเพียงมู่ชิงเกอไม่สนใจเรื่องสถานะของตนเองถูกเปิดเผยออกไป แต่กลับหันมองซากร่างบนพื้น กู่หยาจึงพูดว่า “ก่อนหน้านี้มีสายสืบมา ตอนนี้ปรากฎคนมากมายขนาดนี้ คิดว่าคงจะรู้ว่าเหลือคุณชายคนเดียวในแม่นํ้ารั่วถึงได้มาซุ่มโจมตี”
“คุณชาย พวกเขาคือ…”
“นักฆ่าตำหนักเทพ” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอสงบนิ่งตัดบทพูดของกู่เย่
นัยน์ตาของกู่หยาและกู่เย่หดตัวลง นิ่งเงียบไม่พูดจา
ดูเถอะพวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีเรื่องอะไรปิดคุณชายได้ ดูแล้วคุณชายก็รู้สถานะของนักฆ่าเหล่านี้นานแล้ว
“ตำหนักเทพกล้าส่งนักฆ่ามาลอบฆ่าคุณชาย! เพียงแค่คุณชายสั่งมาคำเดียว ข้าน้อยจะไปทำให้ตำหนักเทพราบเป็นหน้ากลอง!” กู่หยาพูดออกมา
แต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้า
หากนางอยากจะยืมกำลังของซือมั่วไปทำลายตำหนักเทพ แล้วจะรอถึงตอนนี้ทำไม?
ตำหนักเทพเพียงแค่โลภในหม้อผลาญสวรรค์ก็เท่านั้น หากว่าพวกเขาถอยกลับไปเพราะรู้ว่าลำบาก นางก็ไม่คิดจะเสียเวลาฝึกปรือไปเป็นศัตรูกับฐานอำนาจขนาดใหญ่นี้ แต่หากตำหนักเทพไม่ยอมละทิ้งหม้อผลาญสวรรค์เช่นนั้นนางก็จะใช้กำลังและวิธีของตนเองทำให้ฐานอำนาจนี้หายไปจากโลกแห่งยุคกลาง
ไม่ว่าจะยากแค่ไหน!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือกแวบหนึ่งแล้ว หายไปเร็วจนทำให้คนจับร่องรอยไม่ได้
“แค่ก คุณชาย องค์ราชามาอยู่หลายครั้ง ทั้งยังเป็นห่วงสถานการณ์ของคุณชายมาก ตอนนี้ท่านก็ออกมาแล้ว ต้องแจ้งองค์ราชาหรือไม่?” กู่เย่พูดแสดงการคงอยู่แทนเจ้านายของตนเองอย่างรู้เวลา
คิดถึงซือมั่ว นัยน์ตาอันเย็นยะเยือกของมู่ชิงเกอก็กลับคืนสู่ความอ่อนโยน
นางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะส่งข่าวให้เขาเอง”
สามปีแล้ว นางกลับเหมือนผ่านเป็นชาติ มองเห็นการพบพานแยกจากมากมายในวัฏสงสาร นางก็ยิ่งหวงแหนเวลาที่อยู่กับซือมั่ว
แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุยาวนาน สามารถอยู่ได้นานนับหมื่นปี แสนปี…
นางก็ยังคิดว่าเวลาไม่พออยู่ดี
โดยเฉพาะภายในถํ้าจิ่วเฉวียนเมื่อสามปีก่อนในตานํ้าพุร้อนที่ทำนายอนาคต ภาพที่พบเห็นติดอยู่ในใจของนางเหมือนก้างปลา ยากที่จะวางลงได้
“คุณชายใช้เวลาสามปีทะลวงขอบเขตจากระดับสีทองชั้นหนึ่งถึงระดับสีทองชั้นหก ช่างน่ายินดีจริงๆ” นัยน์ตาของกู่เย่ฉายแวววาววาบ พูดอย่างจริงใจ
แต่มู่ชิงเกอกลับใช้นัยน์ตาที่เรียบสงบมองดูพวกเขา ยิ้มบางๆ แล้วถามว่า “กู่เย่ พลังของข้าในตอนนี้เป็นอย่างไรในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร?”
มุมปากของกู่เย่กระตุก มองดูกู่หยาเงียบๆ ส่วนกู่หยาก็หันหน้าหนี ไม่คิดจะช่วย
ดีทีมู่ชิงเกอไม่ได้ต้องการคำตอบจากพวกเขา
นางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยกับสองคนว่า “ดังนั้น ข้ายังคงอ่อนแอ เส้นทางของข้ายังอีกยาวไกลนัก”
โลกของนาง สายตาของนางไม่ได้อยู่ที่โลกแห่งยุคกลางแล่ว ดังนั้นแม้ว่าความสามารถของนางในตอนนี้จะถือว่าเยี่ยมในโลกแห่งยุคกลาง แต่จะมีอะไรให้น่าภูมิใจกัน?
คำพูดของนางทำให้กู่หยาและกู่เย่ไร้คำพูดที่จะตอบ แต่ภายในหัวใจก็รู้สึกนับถือขึ้นมา
พวกเขาสองคนลอบพูดในใจว่า ‘ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน พวกเขาก็ไม่เคยเห็นคนอายุน้อยที่ไหนมีจิตใจที่สงบมั่นคงเช่นคุณชายเลย’
ความสำเร็จในตอนนี้ของมู่ชิงเกอ ไม่ว่าจะอยู่ในตัวใครก็ล้วนแต่จะทำให้คนๆ นั้นรู้สึกภูมิใจได้ไม่ยาก
แม้จะไม่ใส่ใจก็ต้องดีใจบ้าง
แต่มู่ชิงเกอล่ะ?
นางกลับเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย จิตใจของนางฝึกฝนมาจนถึงขั้นนี้แล้วหรือ?
บนแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร หลักเกณฑ์การฝึกปรือแตกต่างจากด้านล่าง แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจว่าอาศัยจิตใจของมู่ชิงเกอในตอนนี้หมายถึงอะไรบนแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารในอนาคต…หมายถึงพลังฝึกปรือของนางภายใต้จิตใจเช่นนี้สามารถไปได้ยาวไกล จะ กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่เจิดจ้าที่สุดในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร!
กู่หยาและกู่เย่ลอบสูดหายใจเย็นเยียบเข้า สายตาที่มองมู่ชิงเกอแตกต่างไปจากเดิม
“ไปเถอะ กลับลั่วซิงเฉิง” มู่ชิงเกอไม่ได้ใส่ใจความเปลี่ยนแปลงในสายตาของทั้งสองคน ยกมือขึ้นจัดชุดของตนเองแล้วก็สั่งการทั้งสองคน
“คุณชาย สภาพของท่านในตอนนี้…” กู่เย่เอ่ยเตือน
สภาพ?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น
เครื่องมือมายาของนางถูกนักฆ่าระดับสีทองชั้นสี่ของตำหนักเทพใช้เข็มทองทำลายลงกลายเป็นเศษโลหะแล้ว สูญสิ้นความสามารถในการปลอมแปลงสภาพภายนอก
หากว่านางยังคิดจะใช้สถานะปลอมอยู่ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแต่ย้อนกลับไปยังหลินชวน ให้หนึ่งเดียวในตระกูลซางที่สามารถหลอมเครื่องมือมายาได้อย่างซางหลันรั่ว หลอมให้ใหม่ จากนั้นค่อยให้ซือมั่วใช้ค่ายกลสนับสนุน
ดังนั้นภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้นางไม่สามารถใช้เครื่องมือมายาปกปิดร่างกายได้
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็ถึงเวลาที่จะเปิดเผยทุกอย่างแล้ว”
พูดจบแล้ว นางก็หรี่ตาลง นัยน์ตาฉายแวววาววาบ
ที่จริงเรื่องที่นางเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนั้น สิ่งเดียวที่นางต้องจัดการก็คือบรรดาเหล่าคนตระกูลมู่
ตอนนี้พวกเขาคิดว่านางเป็นผู้ชายมาโดยตลอด ถึงได้สนับสนุนนางอย่างแข็งขัน หากรู้ว่านางเป็นผู้หญิงแล้ว ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มู่ชิงเกอปล่อยเสี่ยวไฉ่ออกมา พากู่หยาและกู่เย่ไปยังลั่วซิงเฉิง
ในช่วงเวลาที่นางกลับไปนี้ ข่าวที่มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงได้ ค่อยๆ แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งห้าภาคในโลกแห่งยุคกลาง
เพียงแต่ทางลั่วซิงเฉิงกลับไม่มีการตอบสนอง
ส่วนบรรดาพยานที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในแม่นํ้ารั่วก็พูดอย่างคลุมเครือ ดังนั้นทุกอย่างจึงอยู่ในขั้นตอนของการคาดเดา
หนึ่งเดือนต่อมา เสี่ยวไฉ่ร่อนลงที่ปราสารทภายในลั่วซิงเฉิง มู่ชิงเกอที่อยู่บนหลังของมันกระโดดลงมา ขั่วขณะนั้นก็ดึงดูดให้คนจำนวนไม่น้อยสนใจ
“คุณชาย!” มั่วหยางที่ได้รับการแจ้งล่วงหน้ารีบเข้ามาข้างกายมู่ชิงเกอ มองเห็นนางที่กลับคืนสู่สภาพผู้หญิงแล้ว นัยน์ตาที่เรียบสงบก็หวั่นไหวเล็กน้อย
มู่ชิงเกอพยักหน้า ที่ยืนอยู่ต่อหน้านางในตอนนี้ก็คือ องครักษ์เขี้ยวมังกรของนาง
มั่วหยางเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าคุณชายจะจัดการอย่างไร ดังนั้นหลายวันมานี้จึงได้ให้คนที่ไม่รู้สถานะของคุณชายออกจากปราสาทไปชั่วคราว”
มู่ชิงเกอมองเขา รู้ว่ามั่วหยางจัดการเรื่องราวด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด สำหรับการจัดการเช่นนี้นั้นนางไม่มีอะไรต้องถามมาก เพียงแค่ถามว่า “ช่วงนี้มู่เฉิง มู่เฟิงและพวกเซวี่ยนหย่ามีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?”
มั่วหยางขมวดคิ้วเอ่ยว่า “พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติอะไร แต่ทว่า ช่วงนี้ผ่านไปอย่างสงบกลับทำให้ข้าน้อยรู้สึกค่อนข้างกังวลใจ ดังนั้นจึงสั่งให้คนจับตาดูแล ก็ควบคุมความถี่ในการออกจากเมืองของพวกเขา”
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไร หันกายเดินไปยังห้องของตนเอง และก็ไม่เจอใครไปตลอดเส้นทาง
ภายในห้องมีโย่วเหอและฮวาเยวี่ยสองคนเตรียมนํ้าร้อน อาบนํ้าให้นาง ทั้งยังจัดเตรียมอาหารที่นางชอบไว้รอนางอีก
“คุณชาย ท่านเพิ่งจะกลับมาถึง คิดจะพักผ่อนสักครู่หรือไม่ ข้าจะไปแจ้งแก่ทุกคนว่าหากไม่มีคำอนุญาตจากท่านห้ามใครเข้ามารบกวน” มั่วหยางเอ่ย
มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย สั่งว่า “อืม เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
มั่วหยางถอยออกไป
มู่ชิงเกอได้โย่วเหอและฮวาเยวี่ยรับใช้ นางอาบนํ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ในเมื่อไม่สามารถปลอมตัวเป็นอีกเพศได้แล้ว นางก็ต้องกลับไปสวมชุดผู้หญิง
เพียงแต่ว่าชุดผู้หญิงของนางก็ยังคงดูองอาจ สะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปที่สวมชุดกระโปรงเป็นชั้นๆ…