ตอนที่ 502
เขาเป็นผู้หญิง!
“ปัญหานี้ไว้พูดกันทีหลัง” ใบหน้าของมู่ชิงเกอฉายแววกระดากใจ พูดอย่างเย็นชา
มู่เฉินยังคิดจะพูดอะไรอีก แต่ราชครูกลับพูดขึ้นว่า “สำหรับปัญหาเรื่องทายาทของนายน้อย พูดตอนนี้ก็ค่อนข้างเร็วไปหน่อย เส้นทางข้างหน้ายิ่งจะยากลำบากขึ้นไปอีก รอถึงวันที่ตระกูลมู่กลับสู่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารแล้ว ค่อยพูดถึงปัญหานี้ใหม่”
คำพูดของราชครูทำให้มู่เฉินไร้คำพูดจะตอบโต้
พูดถึงปัญหานี้ในตอนนี้ก็เร็วเกินไปหน่อย แต่มู่เฉินกังวล! มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงนั่นก็หมายความว่านางไม่อาจมีนางเล็กๆ น้อยๆ ในอนาคตเพื่อสร้างทายาทมากมายให้แก่ตระกูลมู่ต่อไปได้
หากว่าในอนาคตนางยอมมีลูกแค่เพียงคนเดียวเล่าจะทำอย่างไร?
ฝั่งทางสามีต้องการคำอธิบาย ตระกูลมู่ก็ต้องการเช่นเดียวกัน! หรือว่าในอนาคตนายน้อยจะแต่งสามีเข้าบ้าน?
ชั่ววินาทีนั้น ภายในหัวของมู่เฉินก็มีเรื่องราวมากมายวาบผ่าน
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ ก็เหมือนกับที่ราชครูพูด วางปัญหานี้ไว้ชั่วคราวก่อน
“นายน้อย เทียบกับปัญหาเรื่องทายาทของท่าน ข้ามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าจะพูดคุยกับท่าน” ราชครูเอ่ย
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ พยักหน้าเอ่ยว่า “พูดเถอะ”
ราชครูถึงเอ่ยขึ้นว่า “ผ่านไปอีกหนึ่งปีจะถึงเวลาเปิดสุสานเทพแล้วนายน้อยจะเข้าไปด้านในเพื่อแย่งชิงสิทธิ์แห่งเทพใช่ไหม?”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
“เช่นนั้นนายน้อยเคยคิดหรือไม่ว่า เมื่อท่านเข้าไปในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารแล้ว พวกเราเหล่านี้จะทำอย่างไร?” ราชครูถามปัญหาสำคัญออกมา
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง เรื่องนี้..นางยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด
หรือเพื่อจะให้คนเหล่านี้ได้ตามนางเข้าไปในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารด้วย นางจะต้องแย่งชิงสิทธิ์แห่งเทพจำนวนมากจากสุสานเทพงั้นหรือ?
มู่ชิงเกอนิ่งเงียบไป
นางไม่กังวลว่าจะต้องแย่งสิทธิ์แห่งเทพมากเท่าไหร่ แต่กังวลใจว่าภายในสุสานเทพจะมีสิทธิ์แห่งเทพมากมายขนาดนั้นให้แย่งหรือไม่?
นับดูคนข้างกายของนาง ยังไม่รวมพวกหยินเฉิน
องครักษ์เขี้ยวมังกร มั่วหยาง โย่วเหอ ฮวาเยวี่ย คนเหล่านี้ล้วนแต่ต้องนำไปด้วย เพียงแค่นี้ก็ห้าร้อยกว่าคนแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่นอย่างพวกเซวี่ยนหย่า เสวี่ยหยา มู่ เฉิน มู่เฟิงอีก
นางสามารถเก็บคนเหล่านี้เข้าสู่ช่องว่างพาเข้าแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารด้วยได้ แล้วจากนั้นล่ะ?
กฎของแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรหากไม่มีสิทธิ์แห่งเทพก็ไม่มีสิทธิ์ฝึกปรือ การฝึกปรือของพวกเขาถือว่าร้ายกาจมากแล้วในโลกแห่งยุคกลาง แต่ในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารกลับเป็นเพียงแค่เบี้ยล่าง
หลังจากครุ่นคิดสักพัก มู่ชิงเกอก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้ เพียงมองราชครู “จุดนี้ข้าไม่เคยคิดอย่างละเอียดจริงๆ ตามที่ข้ารู้มา หากเข้าไปในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรจะต้องมีสิทธิ์แห่งเทพถึงสามารถฝึกฝนต่อได้ ถ้าหากไม่มีสิทธิ์แห่งเทพแล้ว ถึงจะเข้าไปได้ก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา แต่สิทธิ์แห่งเทพในสุสานเทพ เกรงว่า…”
มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า ความหมายชัดเจน
ปัญหานี้ทำให้หัวใจของพวกมู่เฉินหนักอึ้ง ใช่แล้วจุดมุ่งหมายของพวกเขาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารไม่ใช่ที่นี่ หากพวกเขาขึ้นไปแล้วไม่สามารถฝึกปรือได้ จะพูด เรื่องอื่นๆ ได้อย่างไร?
ราชครูยิ้ม นัยน์ตาฉายแววยินดี “นายน้อยรู้จักแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรและรู้ประโยชน์ของสิทธิ์แห่งเทพ ก็หมายถึงว่าท่านมีความเข้าเกี่ยวกับแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารบ้างแล้ว นายน้อย สิทธิ์แห่งเทพสามารถทำให้คนที่ขึ้นไปสู่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารฝึกปรือต่อได้นี่เป็นเพียงแค่เส้นทางหลักเส้นทางหนึ่งเท่านั้น”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย ยินดีขึ้นชั่วขณะ “พูดมาให้ละเอียดซิ”
ราชครูยิ้มเอ่ยว่า “ในบรรดาผู้ภักดีต่อตระกูลมู่นั้นน่าจะแบ่งได้เป็นสองประเภท ประเภทแรกก็คือบรรดาคนที่เคยติดตามบรรพบุรุษตระกูลมู่มาจากแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร อย่างเช่นข้า เช่นพ่อแม่ของเสวี่ยหยากับเซวี่ยนหย่า ผู้อาวุโสภายในเผ่าอี๋ นอกจากลูกหลานที่เกิดออกมาใหม่แล้ว ที่เหลือก็ล้วนแต่มีสิทธิ์แห่งเทพของตนเอง อีกทั้งยังมีตราทาสตระกูลมู่ ดังนั้นเมื่อกลับไปยังแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารแล้วก็จะไม่มีอุปสรรคในการฝึกปรือ”
‘เป็นเช่นนี้นี่เอง!’ มู่ชิงเกอรู้สึกตกตะลึงในใจ
แต่ข่าวนี้สำหรับนางแล้วเป็นข่าวดีข่าวหนึ่ง!
“เช่นนั้นอีกประเภทล่ะ?’’ นางถามต่อ
ราชครูเอ่ยว่า “ยังมีอีกประเภทก็แบบพวกเสวี่ยหยา เซวี่ยนหย่า เซวี่ยนขุย มู่เฉิน มู่เผิง ม่เฟิง พวกเขานั้นเกิดหลังจากที่ออกมาจากแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์แห่งเทพ และก็ไม่มีตราทาสตระกูลมู่ ถ้าหากพวกเขาอยากจะฝึกปรือต่อในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร นอกจากจะต้องไปแย่งสิทธิ์แห่งเทพแล้วก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
“วิธีอะไร?” มู่ชิงเกอหรี่ตาถามออกไป
ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับทุกคนนอกจากราชครู ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฝั่งทางตระกูลมู่หรือว่าพวกมั่วหยางก็ล้วนแต่นิ่งเงียบตั้งใจฟัง
ราชครูประกาศว่า “นั้นก็คือรอให้นายน้อยทะลวงขอบเขตถึงขั้นถํ้าวิญญาณแล้วประทับตราทาสเอง เพียงมีตราทาสของท่าน พวกเขาก็จะสามารถฝึกฝนในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารต่อได้อีกทั้งในช่วงที่รอให้นายน้อยทะลวงขอบเขตถึงขั้นถํ้าวิญญาณนี้นอกจากระดับพลังของพวกเขาจะถูกกดอยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณแล้วก็จะสะสมไปเรื่อยๆ เพียงแค่มีตราทาสแล้ว ซึ่งก็หมายถึงมีสถานะที่เทพประทานให้แล้ว ระดับพลังที่ถูกกดเอาไว้ของพวกเขาก็จะคลายออกและเพิ่มขึ้นเอง”
“ตราทาส” มู่ชิงเกอท่องคำศัพท์นี้
ราชครูพยักหน้า “ไม่ผิด! ตราทาส นายน้อยสามารถเข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ในการฝึกฝนที่ท่านประทานให้พวกเขา เพียงแค่ประทับตราทาส คนที่ถูกประทับตราทาสก็จะไม่สามารถทรยศนายน้อยได้ชั่วชีวิต”
“เหตุใดต้องได้เฉพาะขั้นถํ้าวิญญาณ?” มู่ชิงเกอสงสัย
ราชครูเอ่ยว่า “ภายในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารนั้น ขอบเขตใหญ่ๆ แบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นจิตวิญญาณ ขั้นถํ้าวิญญาณแล้วก็ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆ ขอบเขตจะแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ระดับหนึ่งเหมือนหนึ่งภูเขา ระยะแบ่งเขตของทุกๆ ระดับล้วนแต่เหมือนการข้ามช่องว่างขนาด ใหญ่ เพียงแค่เข้าสู่ขั้นถํ้าวิญญาณแล้วเท่านั้น เลือดภายในร่างกายถึงจะได้รับการชำระล้างจากแสงแห่งเทพจนสะอาดกลายเป็นเผ่าเทพที่แท้จริง และก็มีเพียงแค่เผ่าเทพที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะมีความสามารถใช้พลังแห่งเทพของตนเองประทับตราทาสได้”
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว คนอื่นๆ ก็เข้าใจเช่นเดียวก้น
คิดจะเข้าไปในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารและไม่ต้องการเป็นเบี้ยล่าง หากไม่ไปแย่งสิทธิ์แห่งเทพในสุสานเทพก็ต้องรอให้มู่ชิงเกอทะลวงขอบเขตสู่ขั้นถํ้าวิญญาณ แล้วกลายเป็นทาสของมู่ชิงเกอ ไม่อาจทรยศได้อีกตลอดชีวิต
“ยังมีอีกจุดที่ข้าต้องเตือน เมื่อประทับตราทาสแล้ว ตราบใดที่สายเลือดของเทพผู้นั้นยังไม่สิ้นสุด ทั้งยังอยู่บนแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร เช่นนั้นตราทาสนี้ก็จะถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นภายในสายเลือดของพวกเจ้า สิ่งเดียวที่จะสามารถทำลายตราทาสนี้ได้ก็คือระดับพลังฝึกปรือของพวกเจ้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าหลังจากเจ้ามีพลังที่สามารถทำลายได้แล้ว จะต้องการทำลายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของพวกเจ้าอีกที” ราชครูพูดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
มู่ชิงเกอฟังออกแล้วว่าที่ราชครูเรื่องที่จะประกาศเรื่องนี้ออกมาในเวลานี้ก็เพื่อสงบใจเหล่าทหารให้นาง
นางเข้าใจ คนอื่นๆ คิดอย่างละเอียดแล้วยังจะมีใครไม่เข้าใจอีก?
มั่วหยางนำองครักษ์เขี้ยวมังกร รวมทั้งโย่วเหอ ฮวาเยวี่ย ชันเข่าเดียวลงกับพื้นแล้วประสานเสียงว่า “พวกข้าน้อย ยินดีติดตามคุณชายไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
“พวกข้าน้อยยินดีติดตามคุณชายไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
“พวกข้าน้อยยินดีติดตามคุณชายไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
“พวกข้าน้อยยินดีติดตามคุณชายไปทุกชาติทุกภพ ไม่มี วนทรยศ!”
ไม่พูดว่าตราทาสสามารถทำลายได้ไม่พูดว่าพวกเขาสามารถเข้าไปแย่งสิทธิ์แห่งเทพในสุสานเทพได้ ตอนนี้แม้จะมีคนเอาสิทธิ์แห่งเทพมาวางตรงหน้าของพวกเขา ให้พวกเขาไปจากมู่ชิงเกอ ทรยศมู่ชิงเกอ พวกเขาก็จะปฏิเสธโดยไม่มีลังเล
ในใจของพวกเขา ไม่รู้ว่าอะไรคือตระกูลมู่ รู้แค่เพียงมู่ชิงเกอคือเจ้านายของพวกเขาเท่านั้น!
ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ผู้นี้!
คุณชายมู่ของพวกเขา!
“พวกข้าน้อยยินดีติดตามนายน้อยไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
ฝั่งทางองครักษ์เขี้ยวมังกรเพิ่งจะแสดงความจงรักภักดี มู่เฉินก็นำมู่เผิงและมู่เฟิงชันเข่าเดียวลงกับพื้น ประสานเสียงพูดว่า “พวกข้าน้อยยินดีติดตามนายน้อยไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
จิงไห่ได้ยินแล้วก็รู้สึกเลือดลมเดือดพล่าน เขาก็คุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ครูฝึก เสี่ยวไห่ก็ขอติดตามท่านไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
คำพูดของเขาเพิ่งจะจบลง ปลอกนิ้วทวนหลิงหลงบนนิ้วชี้ขวาของมู่ชิงเกอก็เปล่งแสงวาววาบออกมา
มู่ชิงเกอรู้สึกร้อนที่นิ้วมือ นางมองไปที่ปลอกนิ้วมือ พึมพำในใจว่า ‘หยวนหยวน เจ้าจะตื่นขึ้นมาแล้วหรือเป็นเพราะได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้ว เจ้าก็อยากบอกข้าว่าเจ้าจะติดตามข้าไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศด้วยงั้นหรือ?’
ราวกับจะตอบคำถามของมู่ชิงเกอ ปลอกนิ้วเปล่งแสงงดงามออกมาสายหนึ่ง
นี่ทำให้มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
นางไม่เคยบังคับใครว่าต้องอยู่ข้างกายนาง แต่กลับเพราะเป็นเช่นนี้คนที่ยินยอมอยู่ข้างกายนางจึงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางรู้สึกถึงความรู้สึกอันลํ้าค่ามากมาย
นางเงยหน้าขึ้นมองเสวี่ยหยา เซวี่ยนหย่าและเซวี่ยนขุย สามคน
เมื่อนางมองมา ทั้งสามคนก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน ประสานเสียงเอ่ยว่า “พวกเรายินดีติดตามนายน้อยไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ!”
‘ติดตามไปทุกชาติทุกภพ ไม่มีวันทรยศ! นี่เป็นคำสาบานที่ยาวนานมาก…และก็เป็นภาระที่ไม่อาจละทิ้งไปทุกชาติทุกภพ!’ มู่ชิงเกอกวาดตามองไปบนตัวของพวกเขา ผ่านไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่านอกหน้าต่างห้องโถง
สายตาของนางดูแน่วแน่มั่นคง ราวกับว่ามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา
นางยืนขึ้นมาจากที่นั่งและเอ่ยอย่างทรงพลังว่า “ดี! ในเมื่อพวกเจ้าเลือกข้า เช่นนั้นจงรอข้า ให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าจะให้พวกเจ้ายืนอย่างสง่าผ่าเผย ใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร!”
“แม้ต้องตายก็จะติดตามคุณชาย!”
“แม้ต้องตายก็จะติดตามนายน้อย!”
“แม้ต้องตายก็จะติดตามครูฝึก!”
เสียงสาบานเหมือนคลื่นทะเลที่ผลักดันออกไปด้านนอก ทุกที่ที่ไหลผ่านไปก็ล้วนแต่ทำให้คนที่กำลังทำงานอยู่ ประสานเสียงขึ้นตาม รวมทั้งกองกำลังที่กำลังฝึกฝนอยู่ในค่ายทหารด้วย
ทั่วทั้งเมืองลั่วซิงเฉิงมีเสียงสาบานต่อมู่ชิงเกอดังขึ้น
เวลานี้เอง นอกประตูเมืองก็มีองครักษ์เขี้ยวมังกรหลายคน ในมือถือข่าวสารที่รวบรวมมาจากหลากหลายที่ รีบวิ่งเข้ามาในจวนเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาได้ยินคำสาบานดังขึ้นที่ข้างหูก็ทำให้รู้สึกเลือดเดือดพล่าน
เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เสียงที่ตะโกนออกไปจึงชัดเจนและก้องกังวานเป็นพิเศษ
“รายงาน! คุณชาย ภาคใต้รับรู้ข่าวที่เจ้าเมืองมู่แห่งลั่วซิงเฉิงเป็นผู้หญิงแล้ว!”
“รายงาน! คุณชาย ภาคตะวันตกรับรู้ข่าวที่เจ้าเมืองมู่แห่งลั่วซิงเฉิงเป็นผู้หญิงแล้ว! ”
“รายงาน! คุณชาย ภาคเหนือรับรู้ข่าวที่เจ้าเมืองมู่แห่งลั่วซิงเฉิงเป็นผู้หญิงแล้ว!”
“รายงาน! คุณชาย ภาคตะวันออกรับรู้ข่าวที่เจ้าเมืองมู่แห่งลั่วซิงเฉิงเป็นผู้หญิงแล้ว! ”
“รายงาน! คุณชาย ภาคกลางรับรู้ข่าวที่เจ้าเมืองมู่แห่งลั่วซิงเฉิงเป็นผู้หญิงแล้ว!”