Skip to content

พลิกปฐพี 529

ตอนที่ 529

สุดทาง

จิตวิญญาณของมู่ชิงเกอผ่านการเคี้ยวกรำมาจากเคล็ดวิชาเทะส่วนกลาง จึงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบได้

สิ่งที่เทียบไม่ได้นี้ไม่ใช่แค่พลังแต่ยังมีปริมาณอีกด้วย

‘พลังจิตฆ่าเจ้าไม่ตายแล้วจิตวิญญาณยังจะระเบิดเจ้าไม่ได้อีกหรือ’ มู่ชิงเกอใช้จิตวิญญาณของตนเองทะลวงเข้าไปในจิตวิญญาณของปีศาจเฒ่าราศีธนู โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก นางต้องรีบคว้าเอาไว้

เพียงแค่กำจัดปีศาจเฒ่าราศีธนูไปก่อน ทำลายข้อจำกัดของช่องว่าง นางถึงจะมีโอกาสรอด

“อ๊าก!” ปีศาจเฒ่าราศีธนูร้องอย่างเจ็บปวด รวบรวมพลังจิตในมือโจมตีเข้าใส่มู่ชิงเกอ

เปลวเพลิงรวมตัวขึ้นบนร่างกายของมู่ชิงเกอแล้วเกราะเปลวเพลิงก็ปรากฎขึ้นบนตัวนางขวางการโจมตีของปีศาจเฒ่าราศีธนูและกลืนพลังลงสู่ความว่างเปล่า

ปีศาจเฒ่าราศีธนูเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผลก็พยายามข่มความเจ็บปวดที่จิตวิญญาณถูกระเบิด เส้นเลือดของเขาปูดโปน ใบหน้าแดงกํ่าตะโกนไปทางอีกาทองสามเท้า

“เจ้ายังไม่ลงมืออีก! นางสามารถฆ่าข้าได้ก็ฆ่าเจ้าได้เช่นกัน!”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหนักอึ้ง ส่งจิตวิญญาณของตนเองเบียดเข้าไปในจิตวิญญาณของปีศาจเฒ่าราศีธนูอีกครั้ง

“อ๊าก!” ปีศาจเฒ่าราศีธนูเจ็บปวดมาก พลังจิตที่สะบัดออกไปตกลงรอบทิศ พื้นด้านล่างล้วนแต่ระเบิดกลายเป็นซากปรักหักพัง

อีกาทองสามเท้ายืนอยู่ที่เดิม เขาได้ยินคำของปีศาจเฒ่าราศีธนูแล้ว

สมองของเขากำลังแล่นอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังคิดว่าควรลงมือดีหรือไม่ ในตอนที่เขาเห็นเส้นเลือดในดวงตาของปีศาจเฒ่าราศีธนูแตกซ่าน ดวงตา ปาก จมูก หู มีเลือดไหลออกมานั้นก็กัดฟันลงมือในที่สุด

เขารู้สึกว่าตนเองดูถูกความสามารถของมู่ชิงเกอมากเกินไป

ก็เหมือนกับที่ปีศาจเฒ่าราศีธนูพูด หากว่ามู่ชิงเกอมีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้ เช่นนั้นก็มีความสามารถที่จะฆ่าตนเองได้เช่นกัน

อีกาทองสามเท้ากระโดดขึ้นพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของมู่ชิงเกอจากด้านหลัง

ปีศาจเฒ่าราศีธนูมองเห็นอีกาทองสามเท้าขยับนัยน์ตา ก็เกิดความหวังขึ้น

ส่วนมู่ชิงเกอก็มองเห็นเงาร่างที่เข้ามาใกล้ของอีกาทองสามเท้าจากดวงตาของปีศาจเฒ่าราศีธนู แต่หากว่านางหลบในตอนนี้ ทุกอย่างที่ทำมาก็จะสูญเปล่า จะไม่มีโอกาสให้นางได้ลอบโจมตีปีศาจเฒ่าราศีธนูเช่นนี้อีกแล้ว หากว่าไม่หลบนางก็ต้องรับการโจมตีนี้ของอีกาทองสามเท้า

หลบหรือไม่หลบ

ทางเลือกนี้หมุนวนในหัวของมู่ชิงเกออย่างรวดเร็วรอบหนึ่งแล้วก็ได้คำตอบ

นัยน์ตาของนางฉายแววดุดัน เกิดความดื้อรั้นขึ้นมาจากส่วนลึกของดวงตา

จิตวิญญาณของนางพุ่งเข้าไปในหัวของปีศาจเฒ่าราศีธนูอีกครั้ง ฝ่ายหลังร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดและแค้นใจว่า “เจ้ายังไม่หลบอีกอยากตายหรืออย่างไร”

มู่ชิงเกอยิ้ม “ไม่ส่งเจ้าไปตาย ข้าจะจากไปได้อย่างไร”

“บ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว!” ปีศาจเฒ่าราศีธนูเบิกตากว้าง มองไปยังมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ

ตอนนี้อีกาทองสามเท้ามาถึงด้านหลังมู่ชิงเกอแล้ว พลังจิตที่รวมอยู่ในมือของเขาพุ่งตวัดใส่หัวใจด้านหลังของมู่ชิงเกออย่างไร้ไมตรี

ปัง

“อ๊าก! ถึงตายข้าก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป ข้าตายตาไม่หลับ อ้าๆๆๆๆๆ!”

เสียงปะทะอันรุนแรงรวมทั้งเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกัน

การโจมตีของอีกาทองสามเท้าทำให้เกิดหมอกควันบังตา ภายใต้หมอกหนาเขามองเห็นหัวของปีศาจเฒ่าราศีธนูระเบิดออก เลือดและสมองสาดกระจาย

‘คนล่ะ!’

ทันใดนั้น นัยน์ตาของอีกาทองสามเท้าก็หดตัวลง สัมผัสได้ว่าเงาร่างของมู่ชิงเกอนั้นหายไปแล้ว

เขายกมือขึ้นตวัด เกิดลมสายหนึ่งพัดหมอกเหล่านั้นให้กระจายไป

รอบด้านไม่มีเงาร่างของมู่ชิงเกอ มีเพียงร่างไร้หัวของปีศาจเฒ่าราศีธนูที่ล้มกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ยินยอม

“นังเด็กเจ้าเล่ห์หนีไปแล้วหรือ” อีกาทองสามเท้ามองหารอบทิศ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงของมู่ชิงเกอก็หรี่ตาลง แววตาฉายแววอันตราย

เขายิ้มเยาะเอ่ยว่า “หนีหรือ เจ้ายังจะหนีไปไหนได้อีก”

พูดแล้วเขาก็กระแทกไม้เท้าในมือลงบนพื้นอย่างรุนแรง กระโดดตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ดูเหมือนคิดจะไล่ล่ามู่ชิงเกอ ก่อนจะไปยังไม่ลืมค้นร่างกายของปีศาจเฒ่าราศี ธนูรอบหนึ่ง

ภายในช่องว่าง มู่ชิงเกอชันเข่าข้างเดียวลงกับพื้น มือหนึ่งกุมหัวใจ อีกมือหนึ่งยันพื้น ไออย่างหนักหน่วง พ่นเลือดออกมาจากปากจนสาดกระจายเต็มพื้น

“เจ้านาย! ใครทำร้ายท่าน” พอเหมิงเหมิงรับรู้ได้ก็รีบเข้ามาพยุงมู่ชิงเกอขึ้นมาจากพื้นด้วยความตกใจ

มู่ชิงเกอปรับลมหายใจ ครู่หนึ่งก็กระอักเลือดเสียออกมา นางปล่อยมือของเหมิงเหมิง ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร”

เหมิงเหมิงขมวดคิ้ว “เจ้านาย ท่านอย่าได้ทำอะไรเหลวไหลเพียงเพราะพลังฟื้นฟูของตนเองแข็งแกร่งนะ”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขมขื่น ใครเล่าจะอยากบาดเจ็บ ก็แค่ทางเลือกในความสิ้นหวังเท่านั้น

เมื่อร่างกายฟื้นฟูแล้ว มู่ชิงเกอก็เอากระจกส่องเทพออกมาดูสถานการณ์ด้านนอก ศพของปีศาจเฒ่าราศีธนูยังคงนอนอยู่ที่เดิม ส่วนอีกาทองสามเท้านั้นไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว

มู่ชิงเกอเก็บกระจกส่องเทพแล้วเตรียมจะจากไป

“เจ้านาย ท่านเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บมา พักผ่อนก่อนเถอะ” เหมิงเหมิงเอ่ยโน้มน้าว

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “เวลาของข้ามีไม่มากแล้ว เรื่องที่สำคัญยังไม่ทันได้เบาะแสข้าจำเป็นต้องรีบตักตวงเวลา”

พูดแล้วนางก็หันกายออกไปจากช่องว่าง

เมื่อออกมาปรากฎตัวที่เดิมแล้ว มู่ชิงเกอก็ก้มลงมองศพของปีศาจเฒ่าราศีธนูเล็กน้อย

เมื่อนางเห็นว่าไม่มีถุงซวีหมีใดๆ เลยบนซากศพ นัยน์ตาของนางก็ฉายแววหนักอึ้งขึ้น ลอบเอ่ยในใจว่า ‘กลับทำให้อีกาทองสามเท้าได้ประโยชน์ไปง่ายๆ เสียได้!’

ทั้งชีวิตของปีศาจเฒ่าเช่นปีศาจเฒ่าราศีธนูจะต้องมีของมีค่าซ่อนเอาไว้ไม่น้อยเป็นแน่

นางสังหารอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก แต่ของรางวัลกลับถูกอีกาทองสามเท้าแย่งเอาไป ช่างน่าไม่อายจริงๆ

มู่ชิงเกอด่าอยู่ในใจรอบหนึ่งแล้วเดินทางออกจากที่เดิม อีกาทองสามเท้าและมู่ชิงเกอจากไปได้ไม่นาน เว่ยมั่วลี่ก็มาถึงที่นี่ เขาเพิ่งถึง จีเหยาฮั่ว เหยาชิงไห่ ซีเซียนเสวี่ย อิ๋งเจ๋อ และยังมีผู้เฒ่าเหนือมังกรกับสวี่สวี่ก็มาถึง

ความสับสนวุ่นวายรอบตัวพวกเขาแล้วก็ยังมีซากร่างของปีศาจเฒ่าราศีธนูทำให้พวกเขาตกตะลึง

“ที่นี่มีร่องรอยของการต่อสู้ที่ชัดเจน ดูแล้วชิงเกอคงเคยต่อสู้กับเขาที่นี่” ซีเซียนเสวี่ยชี้ไปที่ซากศพของปีศาจเฒ่าราศีธนูแล้วเอ่ย

จีเหยาฮั่วเดินไปข้างซากศพ ใช้เท้าเตะเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างตะลึงว่า “ชิงเกอถึงกับฆ่าปีศาจเฒ่าราศีธนูได้เลยหรือ” ชุดบนซากศพนั้นเป็นเอกลักษณ์เกินไป แม้จะไม่มีหัว พวกเขาก็จดจำได้ในแวบเดียว

“เช่นนั้นนางเล่า” อิ๋งเจ๋อเงยหน้าถาม

พูดตามกำลังของมู่ชิงเกอในตอนนี้ถึงแม้จะเอาชนะปีศาจเฒ่าราศีธนูได้ก็ต้องได้รับบาดเจ็บและน่าจะไปไหนได้ไม่ไกล แต่ที่นี่ไม่มีเงาร่างของมู่ชิงเกอเลย รอบด้านก็ไม่มีกลิ่นอายของนาง

“คนที่ต่อสู้ไม่ได้มีเพียงแค่สองคน” จู่ๆ ผู้เฒ่าเหนือมังกร ก็เอ่ยปากขึ้น

คำพูดของเขาดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ

ผู้เฒ่าเหนือมังกรเคาะไม้เท้าหัวมังกรของตนเอง จมูกมังกรดูดกลิ่นอายรอบด้าน ผู้เฒ่าเหนือมังกรหลับตาลง เหมือนกำลังสัมผัสอะไรอยู่

พวกซีเซียนเสวี่ยไม่เข้าใจจึงทำได้เพียงรอคอยอย่างสงบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าเหนือมังกรถึงลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย “อีกาทองสามเท้า”

“อีกาทองสามเท้าหรือ” ซีเซียนเสวี่ยโพล่งออกมา

ผู้เฒ่าเหนือมังกรพยักหน้า “ที่นี่มีกลิ่นอายของอีกาทองสามเท้าอยู่”

“อีกาทองสามเท้าก็อยู่ด้วย เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ปีศาจเฒ่าราศีธนูตายได้อย่างไร ถูกใครฆ่า ตอนนี้ชิงเกออยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือไม่?” จีเหยาฮั่วถามรัวเป็นชุด

อิ๋งเจ๋อเอ่ยว่า “ตอนนี้มีโอกาสเป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือ นางฉวยโอกาสหนีไปได้ สองคือถูกอีกาทองสามเท้าจับตัวไป”

“ความเป็นไปได้ทั้งสองล้วนแต่บอกว่าตอนนี้สถานการณ์ของนางไม่ดีนัก” เว่ยมั่วลี่เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง

“เช่นนั้นพวกเรายังจะรออะไรอีกเล่ารีบไล่ตามไปสิ” จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างร้อนใจ

“พวกเจ้ายุ่งวุ่นวายกับการหาเด็กคนนั้น แม้แต่เรื่องสำคัญของตนเองก็ไม่สนใจแล้วงั้นหรือ” ทันใดนั้น ผู้เฒ่าเหนือมังกรก็เอ่ยเตือนขึ้นมา

ทั้งสี่คนชะงักนิ่งเงียบลง

พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อสิทธิ์แห่งเทพ ตอนนี้เวลาผ่านไปถึงสองในสามส่วนแล้ว พวกเขากลับยังหาสิทธิ์แห่งเทพของตนเองไม่พบ

เวลานี้เองก็มีแสงสายหนึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว

หลังจากร่อนลงพื้นแล้ว ทุกคนถึงได้พบว่าเป็นเหยาชิงไห่ที่แยกตัวไปจากกลุ่มเมื่อก่อนหน้านี้

“ในที่สุดก็ไล่ตามพวกเจ้าทัน” เหยาชิงไห่ยิ้ม

แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีเคร่งเครียดของทุกคนแล้วก็อดถามไม่ได้ว่า “เป็นอะไรไปหรือ”

สวี่สวี่เอ่ยว่า “พวกเขากำลังคิดว่าจะออกตามหาพี่สาวมู่ต่อหรือจะไปหาสิทธิ์แห่งเทพของตนเองดีน่ะ”

“ไม่จำเป็นต้องคิด ข้าจะไปหาชิงเกอ” ซีเซียนเสวี่ยเอ่ยขึ้นในทันที

จีเหยาฮั่วกับอิ๋งเจ๋อก็พยักหน้า ถึงแม้เว่ยมั่วลี่จะไม่พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดเจนจากท่าทีของเขา

“หากพวกเจ้าเชื่อข้าก็มอบเรื่องตามหาคนให้ข้าจัดการเถอะ พวกเจ้าจะได้ไปตามหาสิทธิ์แห่งเทพได้” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ย

แต่ความเอื้อเฟื้อที่มากเกินไปของเขากลับทำให้พวกเขาเกิดความระแวงขึ้นในใจ จากความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถไว้ใจกันได้ถึงขั้นนั้น ความหวังดีของผู้เฒ่าเหนือมังกรทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ เหยาชิงไห่เข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงยิ้มเอ่ยว่า “ข้าโชคดีได้สิทธิ์แห่งเทพแล้ว ไม่สู้เอาอย่างนี้ข้ากับผู้เฒ่าเหนือมังกรไปตามหาชิงเกอต่อด้วยกัน พวกเจ้าก็แยกย้ายกันไปหาสิทธิ์แห่งเทพของตนเอง หลังจากหาพบแล้ว พวกเจ้าก็ไล่ตามกลิ่นหอมพันลี้ที่ข้าทิ้งเอาไว้มา”

คำพูดของเหยาชิงไห่ทำให้ทั้งสี่คนลังเล

เขาเอ่ยอีกว่า “หากพวกเจ้าละทิ้งโอกาสในการหาสิทธิ์แห่งเทพของตนเองเพื่อชิงเกอ พวกเจ้าคิดว่าหลังจากนางรู้แล้วจะดีใจงั้นหเรือ หากไม่อยากให้นางรู้สึกผิดก็ไปทำเรื่องของตนเองให้เสร็จ พวกเราทางนี้ยังมีผู้เฒ่าเหนือมังกรอยู่ หากแม้กระทั้งเขาก็ยังช่วยชิงเกอไม่ได้ พวกเราไปทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์”

เขาพูดโน้มน้าวเช่นนี้ทำให้จิตใจของทั้งสี่คนหวั่นไหว

อิ๋งเจ๋อพูดว่า “เอาเถอะ พวกเราจะไปหาสิทธิ์แห่งเทพเดี๋ยวนี้จะพยายามหาให้พบโดยเร็วแล้วกลับมารวมตัวกับพวกเจ้า”

“แม่นางสวี่สวี่ไปกับพวกเราเถอะ” ทันใดนั้นจีเหยาฮั่วก็มองไปทางสวี่สวี่แล้วเอ่ยออกมา

สวี่สวี่ชะงักกะพริบตาปริบ

ผู้เฒ่าเหนือมังกรกลับหัวเราะขึ้นมา “พวกเจ้าไม่ไว้ใจข้า จึงคิดจะเอาสวี่สวี่ไปเป็นตัวประกันงั้นหรือ หากเป็นเวลาปกติไม่แน่ว่าข้าอาจจะทำตามที่พวกเจ้าต้องการ แต่ในสุสานเทพนี้ สวี่สวี่จะปลอดภัยที่สุดเมื่อตอนอยู่กับข้าเท่านั้น พวกเจ้าปกป้องนางไม่ได้”

“นางตาย ข้าตาย” ทันใดนั้นเว่ยมั่วลี่ที่เงียบขรึมก็เอ่ยออกมา

ท่าทีนั้นชัดเจนมากว่าต้องการพาสวี่สวี่ไปด้วย

ผู้เฒ่าเหนือมังกรชะงัก นัยน์ตาฉายแววโมโห

แต่สวี่สวี่กลับเอ่ยขึ้นเองว่า “ท่านปู่ให้ข้าไปกับพวกเขาเถอะ ข้าไม่อาจจะอยู่ข้างกายท่านและรับการปกป้องจากท่านไปตลอดได้ไม่แน่ว่าหากข้าตามไปแล้วก็อาจ จะเจอสิทธิ์แห่งเทพที่เหมาะกับตนเองก็ได้”

“สวี่สวี่ เจ้า…” ผู้เฒ่าเหนือมังกรมองหลานสาวของตน

เองอย่างตกตะลึง

สวี่สวี่เดินไปข้างกายของซีเซียนเสวี่ยเอง ยิ้มแล้วเอ่ยกับนางว่า “พี่สาวธิดาเทพ ข้าไปกับท่านดีหรือไม่”

ซีเซียนเสวี่ยมองนางและค่อยๆ พยักหน้า ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีกับผู้เฒ่าเหนือมังกรว่า “ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะไม่ให้สวี่สวี่เกิดเรื่องแน่”

ในขณะเดียวกันนี้ มู่ชิงเกอกลับตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอยู่อีกที่หนึ่ง นางมองไปยังคนหลายสิบคนที่โอบล้อมนางอย่างเย็นชา จิตใจสงบดุจนํ้าไม่ได้กระวนกระวายใจเลยสักนิด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!