ตอนที่ 610
อะไรที่เรียกว่าวางแผนเป็นหนึ่ง
“พวกเจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือคิดว่าราชาเทวะจงซานตาบอดหรือ” มู่ชิงเกอเยาะเย้ยถากถาง
แต่เมื่อคำพูดนี้ของนางเอ่ยออกมา ทุกคนบนแท่นวิถีก็สูดอากาศเย็นเฉียบเข้าลึก
ดวงตาสีฟ้าของราชาเทวะจงซานมองตรงมาที่มู่ชิงเกอ เหมือนชักสนุกขึ้นมา
“เจ้าว่าอะไร เจ้ากล้าหยามราชาเทวะจงซานหรือ” สีหน้าเยี่ยนเฉวียนเปลี่ยนไปแล้วตวาดขึ้น
การตวาดของเขาทำให้เหล่าลูกศิษย์แดนจงซานไม่พอใจทันที
แต่มู่ชิงเกอยังคงพูดเหน็บแนมอย่างสบายอารมณ์ว่า “หูเจ้าข้างไหนได้ยินว่าข้าหยามราชาเทวะจงซาน เพราะเจ้าเองร้อนตัวเลยอยากเปลี่ยนเรื่องหรือไร”
‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้าเริ่มจะทรมานคนอีกแล้วสิ’ ซือมั่วที่ยืนอยู่ในฝูงชนมองไปยังมู่ชิงเกอในชุดแดงบาดตาบนแท่นวิถี มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มรื่นเริง
เขาชอบมากที่เห็นมู่ชิงเกอเป็นเช่นนี้ ในสายตาเขาทุกครั้งที่นางเป็นเช่นนี้มู่ชิงเกอจะคล้ายกับลูกเสือตัวน้อยๆ ที่น่ารักแต่ชอบแยกเขี้ยวข่มขู่ ทำให้เขาอยากปรี่เข้าไปโอบไว้ไนอ้อมอก
หลีเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “เข็มนํ้าแข็งที่พุ่งมายังข้าเมื่อครู่นี้มาจากทิศทางแดนจั๋วอวี่ชัดๆ หากเจ้าสามไม่ได้เอ่ยเตือน เวลานี้ข้าคงหมดสตินอนอยู่บนพื้นแล้ว”
นึกถึงภาพเมื่อสักครู่แล้ว หลีเฉายังนึกกลัว
หากมู่ชิงเกอไม่ได้เอ่ยเตือน เขาคงโดนคัดออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เสียหน้าแดนฮ่วนเยวี่ยยิ่งนัก
พอนึกถึงผลลัพธ์นี้หลีเฉาก็มองมู่ชิงเกออย่างซาบซึ้ง และผงกศีรษะให้
คนแดนฮ่วนเยวี่ยก็พากันลุกขึ้นยืนมองไปทางแดนจั๋วอวี่อย่างไม่พอใจ
“ฮึ! เข็มนํ้าแข็งอะไร พวกเจ้าแดนฮ่วนเยวี่ยคิดจะใส่ร้ายคนก็ต้องดูฝ่ายตรงข้ามให้ดีด้วย นึกว่าพวกเราแดนจั๋วอวี่ข่มเหงได้ง่ายๆ หรือ” เยี่ยนเฉวียนตอบโต้เสียงแข็ง ความหนาของใบหน้านั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งจริงๆ
เขาไม่เพียงปฏิเสธคำพูดหลีเฉาและยังคงโจมตีมู่ชิงเกอต่อว่า “ราชาเทวะรอบรู้ยิ่งนัก แข็งแกร่งหาใดเหมือน เจ้าถึงขนาดกล้าว่าราชาเทวะตาบอด ยังกล้าปฏิเสธว่าไม่ได้หมิ่นราชาเทวะอีกหรือ”
“เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาว่าราชาเทวะพวกเรา”
“พวกเจ้าคนแดนฮ่วนเยวี่ยโสโอหังเช่นนี้หรือ”
“ที่นี่แดนจงซานไม่ใช่แดนฮ่วนเยวี่ย กล้าหมิ่นราชาเทวะพวกเรา กลับไปแดนฮ่วนเยวี่ยของพวกเจ้าเลย”
“ไล่กลับยังง่ายไป ต้องมอบตัวต้นเหตุมาแล้วลงโทษอย่างหนัก ทั้งยังต้องให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมาอธิบายกับราชาเทวะจงซานด้วยตัวเองด้วย”
เหล่าลูกศิษย์แดนจงซานฟังคำพูดยุแหย่ของเยี่ยนเฉวียนจนพุ่งปลายหอกไปที่แดนฮ่วนเยวี่ย
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ นางมองไปยังราชาเทวะจงซานที่นั่งอยู่บนดอกบัวหิมะก็เห็นแต่ท่าทางสนุกสนานของเขา ราวกับแค่กำลังดูละครเฉยๆ
นางละลายตากลับมองไปทางเยี่ยนเฉวียนไม่พลาดที่จะเห็นสายตายิ้มเยาะปองร้ายของจี้หลุน
มู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ‘พวกเขานึกว่าเพียงแค่กลบเกลื่อนเช่นนี้ก็จะสามารถรอดตัวจากเรื่องทุจริตไปได้ง่ายๆ หรือ’
ความโกรธแค้นของลูกศิษย์แดนจงซานทำให้ลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยต่างเคร่งเครียดขึ้นมา
ห้าน้อยขมวดคิ้วมองมู่ชิงเกอ “เมื่อครู่เจ้าพูดประโยคนั้นทำไมกัน”
น้ำเสียงคล้ายตำหนิ
หลีเฉาตวาดทันที “เจ้าห้า เจ้าสามช่วยพวกเราไว้นะ”
เขาแน่ใจได้เลยว่าในเมื่อเยี่ยนเฉวียนกล้าลงมือกับเขา ย่อมไม่ปล่อยคนอื่นไว้แน่นอน
ดังนั้นการที่มู่ชิงเกอตวาดขึ้นนั้นไม่เพียงแค่ช่วยเขาแต่ก็ช่วยคนอื่นๆ ด้วย
ห้าน้อยหายใจฟึดฟัดเม้มปากนิ่ง แววตาทั้งร้อนใจทั้งหมดหนทาง
จนกระทั่งเหล่าลูกศิษย์แดนจงซานได้ระบายอารมณ์กันพอสมควรแล้ว มู่ชิงเกอจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “หรือพวกเจ้าไม่คิดว่าคนที่ยืนอยู่บนแท่นวิถีนั้นมีอะไรแปลกประหลาดหรือ”
คำพูดนี้ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนที่เชื่อหรือไม่เชื่อต่างก็หันมามองรอบๆตัวเอง รวมทั้งพวกที่ดูอยู่บนยอดเขาหิมะ
มุมปากราชาเทวะจงซานยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นดูสนุกสนานมากขึ้น
เยี่ยนเฉวียนขมวดคิ้ว
เขาราวกับนึกไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอโดนโจมตีหนักขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ปกป้องตัวเองแม้แต่นิด กลับยังกัดเรื่องแดนจั๋วอวี่ไม่ยอมปล่อย
เขายังอยากเติมฟืนใส่ไฟอีก แต่มู่ชิงเกอก็ชิงออกปากก่อนว่า “พวเจ้าไม่คิดว่าลูกศิษย์บนแท่นวิถีนี้มีแต่แดนจั๋วอวี่มากที่สุดหรือ และหากนำแผ่นหยกในมือพวกเขาออกมาเทียบกันก็จะพบเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่งนั่นก็คือ คำตอบพวกเขาทั้งที่ถูกและผิดล้วนเหมือนกันทั้งหมด”
อะไรนะ!
คำพูดมู่ชิงเกอทำให้คนทั้งหมดตกตะลึง
คงมีเพียงราชาเทวะจงซานที่มีท่าทางนิ่งเฉย มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนความสนใจของซือมั่วก็อยู่บนตัวมู่ชิงเกอ มองดูท่าทางนางที่โดดเด่นยิ่งนัก ปฏิกิริยาของคนอื่นล้วนไม่เป็นที่สนใจของเขาเลย
พวกเยี่ยนเฉวียนสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีนึกหวั่นไหวในใจ ก่อนอื่นพวกเขาไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าถึงเรื่องที่นำแผ่นหยกของลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่มาเทียบกันทั้งหมด คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้พวกเขานึกขึ้นได้ว่าคัมภีร์ทั้งห้าพันเป็นไปไม่ได้ที่จะท่องได้ทุกคำโดยไม่ผิดเลย อย่างน้อยก็ต้องมีถูกผิดบ้าง อีกทั้งความสามารถในการบันทึก ความสามารถในการบรรยายของทุกคนต่างไม่เหมือนกัน เนื้อความในแผ่นหยกย่อมแตกต่างกันมาก
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคำตอบที่ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกับอีกคนหนึ่งอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เช่น ในตะกร้ามีไข่ไก่สามใบ หินห้าก้อน หากคำเดิมถูกเปลี่ยนเป็นในตะกร้ามีไข่ไก่สามตัว หินห้าใบ คำตอบที่ผิดเล็กน้อยนี้หากปรากฏซ้ำๆ หลายคนก็น่าสงสัย
อีกทั้งใจความในคัมภีร์นั้นยังลึกซึ้งกว่านี้มาก การเกิดข้อแตกต่างที่เหมือนกัน ความเป็นไปได้นี้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก หากเป็นเช่นนั้นแล้วการผิดซํ้าเหมือนๆ กันในหมู่ลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…
”แดนจั๋วอวี่” จวงซานเข้าใจความหมายของคำพูดมู่ชิงเกอ พูดเสียงเครียดทันที
แดนจั๋วอวี่ทุจริต
แดนจั๋วอวี่ถึงขนาดทุจริตเลยหรือ
ทันใดนั้น คำพูดนี้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาล
บนยอดเขาหิมะ สีหน้าของพวกผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่ดูน่าเกลียดในทันที พวกเขาไม่รู้เลยจริงๆ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแผนของเยี่ยนเฉวียนกับเหล่าลูกศิษย์ไม่ได้บอกพวก
เขา
เมื่อได้โอกาส มู่ชิงเกอก็พูดต่อว่า “เมื่อครู่นี้ข้าบันทึกเสร็จแล้วกำลังพักผ่อนอยู่ บังเอิญเห็นว่าเหล่าลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่กำลังแอบส่งแผ่นหยกให้กันหลังจากพวกเขาใช้ปัญญาเทวะจนหมดสิ้นจึงแอบใช้เข็มนํ้าแข็งลอบซัดใส่คนอื่นเพื่อสร้างเหตุการณ์ใช้ปัญญาเทวะหมดสิ้นจนกระอักเลือดหมดสติขึ้น เป็นเช่นนี้แล้วจำนวนคนที่ชนะมากที่สุดในรอบนี้ก็เป็นแดนจั๋วอวี่แน่แล้ว”
ทุกคนร้องอื้ออึงขึ้นทันที
พอมู่ชิงเกออธิบายเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ราวกับเห็นถึงความผิดปกติ
โดยเฉพาะลูกศิษย์แดนจงซานกับแดนเหว่ยอี้ที่ยืนอยู่บนแท่นวิถีในเวลานี้มีอยู่น้อยมากจริงๆ
“งานสี่แดนเทพถกวิถีจัดขึ้นที่แดนจงซาน ภายใต้สายตาราชาเทวะจงซาน พวกเจ้าคนแดนจั๋วอวี่ กล้าเหิมเกริมเช่นนี้ไม่ใช่เพราะคิดว่าราชาเทวะจงซานตาบอด หรือเป็นพวกเจ้าหรือข้ากันแน่ที่หมิ่นราชาเทวะจงซาน” มู่ชิงเกอตวาด พูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ไม่มีใครนึกว่า เรื่องจะกลบกลายเป็นเช่นนี้
เยี่ยนเฉวียนเองก็นึกไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอจะร้ายกาจมากขนาดนี้ เพียงไม่กี่คำก็พูดเรื่องที่พวกเขาทุจริตลอบทำร้าย อีกทั้งคืนเรื่องที่เขาใส่ร้ายกลับมาอยู่ที่ตัวพวกเขาทั้งหมดได้
“ปากคอเราะร้าย” เยี่ยนเฉวียนพูดด้วยความแค้น
จี๋หลุนเวลานี้ก็แค้นมู่ชิงเกอสุดแสน ที่เคยมีเรื่องกับเขาก่อนหน้านี้ก็ช่างเถอะ เวลานี้ยังมาทำลายเรื่องใหญ่ของพวกเขาอีก
เขากัดฟันเถียงว่า “ที่เจ้าพูดเป็นแค่การใส่ความฝ่ายเดียว เจ้ามีหลักฐานหรือ”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเอ่ยอย่างสนุกสนานว่า “หลักฐานหรือ เจ้าต้องการหลักฐานหรือ”
แววตานางเต็มไปด้วยอาการดูแคลน “ข้าเพิ่งบอกไปนี่ ทุจริตหรือไม่แค่นำเอาแผ่นหยกของพวกเจ้าทั้งหมดออกมาเปรียบเทียบกันก็จะรู้เอง ส่วนเรื่องลอบทำร้าย…”
นางมองไปที่หลีเฉา ยิ้มว่า “ใหญ่น้อยแดนฮ่วนเยวี่ยของข้ายังไม่ใช่พยานอีกหรือ”
หลีเฉาแหงนหน้าแววตาเย็นเฉียบพูดว่า “ถูกต้อง เข็มนํ้าแข็งพุ่งมายังข้าและถูกข้าซัดจนแตกคือพยานที่ชัดเจนที่สุด”
“ใหญ่น้อย เจ้าผิดแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นกะทันหัน ท่ามกลางแววตาสงสัยของหลีเฉาทั้งท่าทีซ่อนเร้นของเยี่ยนเฉวียน นางก็เอ่ยอย่างสนุกสนานว่า “พยานที่ดีที่สุดก็คือราชาเทวะจงซานต่างหาก”
นางมองไปที่ราชาเทวะจงซานแล้วพูดเสียงดังว่า “พวกเจ้านึกหรือว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดจะรอดพ้นสายตาราชาเทวะจงซานไปได้”
มู่ชิงเกอในเวลานี้ยกเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างราชาเทวะจงซานออกมาในที่สุด
ก่อนหน้านี้นางพูดอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งยังเป็นเหตุเป็นผล อีกทั้งยกราชาเทวะจงซานออกมา หากเขายังคงทำหูหนวกตาบอดต่อไปอีก ไม่ใช่หมายความว่าเป็นถึงระดับราชาเทวะจงซานแต่ไม่เห็นเรื่องที่พวกเขาแอบทำกันหรือ
ไม่สู้บอกว่าเขาเห็นอยู่แล้วดีกว่า ต่อให้ไม่เห็นเวลานี้ก็ต้องทำเป็นเห็นไม่เช่นนั้นเขาจะรักษาหน้าไว้ได้อย่างไร
‘เจ้าหนุ่มหัวไวคนนี้ถึงขนาดบีบให้ข้าต้องทำตามความคิดของเขาเชียวรึ’ ราชาเทวะจงซานแอบคิดในใจ ดวงตาสีฟ้าผุดแววสนุกสนานขึ้นมา
“คนจั๋วอวี่ถึงขนาดไร้ยางอายเช่นนี้”
“ไม่เพียงไร้ยางอาย ทั้งยังตํ่าช้ามากด้วย”
“ทำเกินไปจริงๆ ข้ายังว่าทำไมพวกเราคนแดนจงซานจึงเหลือน้อยเช่นนี้ที่แท้พวกนี้ก็ใช้วิธีชั่วช้าลอบทุจริตนี่เอง”
“ตัดสิทธิ์พวกเขาเลย”
“ใช่ การประลองต่อไปต้องไม่ให้แดนจั๋วอวี่เข้าร่วม ไม่เช่นนั้น พวกเราถูกแอบเล่นงานแล้วก็คงยังไม่รู้ตัว”
ทุกคนต่างอารมณ์พลุ่งพล่าน
เหล่าผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่เห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจขอร้องราชาเทวะจงซาน “ราชาเทวะจงซาน เรื่องครั้งนี้เป็นพวกเด็กๆ ทำไม่ถูก แต่พวกเขาแค่อยากเอาชนะจนเลอะเลือนไปชั่วขณะ ขอให้ท่านให้อภัยพวกเขาด้วยเถิด อย่างไรในบรรดาพวกเขาเองก็ยังมีคนที่อาศัยความ สามารถตัวเองยืนหยัดมาจนถึงเวลานี้หากตัดสิทธิ์ทั้งหมดดูจะไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขาเกินไป”
ราชาเทวะจงซานค่อยๆ เอ่ยขึ้นในที่สุด สีหน้าของเขามองไม่ออกเลยว่ารู้สึกอย่างไร “ให้นำแผ่นหยกของลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ทั้งหมดมาเปรียบเทียบดู พวกที่เหมือนกันให้ตัดสิทธิ์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือให้ประลองต่อไป หากยังคิดว่าข้าผู้เป็นราชาเทวะหูตาฟั่นเฟือนลอบเล่นตุกติกอีกละก็ พวกเจ้าแดนจั๋วอวี่ทั้งหมดก็จงออกจากแดนจงซานไป อีกทั้งเรื่องนี้ข้าจะทำหนังสือแจ้งราชาเทวะจั๋วอวี่ด้วยตัวข้าเอง”
การตัดสินของราชาเทวะจงซานทำให้มู่ชิงเกอออกจะเสียความรู้สึกอยู่บ้าง นางมองไปทางราชาเทวะจงซาน ด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย