ตอนที่ 644
ของขวัญวันเกิดหนักจริงเลย
ชูเนี่ยนเห็นมู่ชิงเกอเหม่อลอยก็ยิ้มถามว่า “เจ้าคิดอะไรอยู่”
“ข้าคิดอยู่ว่าคำพูดเจ้าเมื่อครู่นี้หมายความว่าอะไร” มู่ชิงเกอพูดอย่างจริงใจยิ่งนัก
ใครจะรู้ว่าพอพูดคำนี้ออกไปแล้วก็ทำให้นัยน์ตาหงส์ใสที่ราวบ่อน้ำผุดของชูเนี่ยนเปล่งประกายตำหนิเล็กน้อย นางแล้วพึมพำว่า “เจ้างง”
จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
มู่ชิงเกอสองคิ้วขมวดแน่น ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง
ชูเนี่ยนเดินอย่างรวดเร็วพลางคิดว่า ‘ข้าเป็นอะไรไป คำพูดนั้นธรรมดามากแท้ๆ เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทธรรมดา ทำไมพอเขาถามอย่างจริงจังแบบนั้น ถึงทำให้ใจข้านั้นป่วนขึ้นมานะ’
นางสูดลมหายใจลึกๆ แล้วส่ายหน้าช้าๆ เคลื่อนลมปราณตามบทเพลงสงบจิตขับขานรอบหนึ่งจึงสามารถทำให้อารมณ์ตัวเองสงบลงได้
ชูเนี่ยนสงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วก็มองกลับไป เห็นมู่ชิงเกอยังคงยืนอยู่ที่เดิมจึงถามว่า “ยังงงอะไรอยู่อีก”
มู่ชิงเกอรู้สึกตัวก็ยิ้มอย่างจนใจ สะบัดแขนเสื้อตามไป
คงมีเพียงหยินเฉินที่เมื่อมองมู่ชิงเกอกับชูเนี่ยน แววตาก็ปรากฎความสงสัยขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก เพียงเดินตามมู่ชิงเกอไป
ในวังเทวะได้จัดโต๊ะไว้จนเต็มหมดแล้ว
ราชาเทวะอู๋หวายังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงนั้น รักษาบารมีราชาเทวะไว้ มองคนที่มาอวยพรวันเกิด
คนที่มาอวยพรส่วนใหญ่เป็นรุ่นเยาว์ ราชาเทวะดินแดนเทพอื่นไม่ได้มาด้วยตัวเอง ดังนั้น ราชาเทวะอู๋หวาย่อมต้องไว้ตัวสงวนท่าที
ในตำหนักใหญ่มีคนยืนอยู่แล้วไม่น้อย มีคนของดินแดนอู๋หวาและแขกเหรื่อจากที่อื่น ชูเนี่ยนเห็นแล้วว่ามู่ชิงเกอไม่ชอบเรื่องพิธีการทั้งเรื่องทักทายปราศรัยกันจึงนำเขาเข้าพบราชาเทวะอู๋หวาโดยตรง
“ท่านพ่อ ลูกขอให้ท่านพ่ออายุยืนยาวเทียมฟ้าดินทะลวงขอบเขตขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ในเร็ววัน” ชูเนี่ยนกล่าวต่อราชาเทวะอู๋หวา
เห็นบุตรสาวมาถึง ดวงตาราชาเทวะอู๋หวาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มและผงกศีรษะให้นาง เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอที่ข้างกายนางจึงพูดว่า “ราชาเทวะน้อยมู่ หลายวันนี้ในวัง อู๋หวาอยู่สบายหรือไม่”
มู่ชิงเกอก้มศีรษะ ยิ้มว่า “ทุกอย่างสบายดีมาก ขอบคุณราชาเทวะที่เป็นห่วง”
ราชาเทวะน้อยมู่!
ใช่แล้ว ราชาเทวะน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ยแซ่มู่ คนในตำหนักใหญ่ เมื่อได้ยินแซ่ที่เป็นประเด็นอ่อนไหวนี้แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงกลับคืนสู่ท่าทีปกติ
ขณะที่พวกเขาเห็นประกาศของดินแดนฮ่วนเยวี่ยครั้งแรกและพบว่าราชาเทวะน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ยแซ่มู่นั้นก็ตกใจกันมาก แต่เมื่อตรวจสอบแล้วว่าราชาเทวะ น้อยมู่บินขึ้นมาจากโลกข้างล่าง บังเอิญเป็นแซ่เดียวกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแซ่มู่ที่แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรต่างหลบเลี่ยง อีกทั้งเป็นเพราะดินแดนฮ่วนเยวี่ยพวกเขาจึงไม่ได้ติดใจกับปัญหาเรื่องนี้ต่อ
“ดี ชินแล้วก็ดี” ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะนิดๆ สั่งชูเนี่ยนว่า “เนี่ยนเอ๋อร์พาราชาเทวะน้อยมู่เข้านั่งประจำที่เถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” ชูเนี่ยนค้อมศีรษะรับคำแล้วนำมู่ชิงเกอไปยังอีกด้านหนึ่ง
โต๊ะจัดงานเลี้ยงอยู่ด้านซ้ายและขวาของตำหนักใหญ่ จัดเรียงเป็นชั้นๆ ที่นั่งของมู่ชิงเกอถูกจัดไว้อยู่ด้านหน้า เห็นได้ว่าราชาเทวะอู๋หวาให้ความสำคัญกับมู่ชิงเกอมาก
แน่นอนว่าความสำคัญนี้เกิดจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยเบื้องหลังนาง ตัวนางเอง…อาจเป็นเพียงสาเหตุเล็กน้อย กระทั่งอาจไม่ได้เป็นสาเหตุได้เลยด้วยซ้ำ
“ที่ของข้าอยู่ติดกับเจ้า หากต้องการอะไรก็บอกข้าได้” ชูเนี่ยนบอกมู่ชิงเกอ
ความละเอียดรอบคอบในการดูแลของนางทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกขบขัน เพราะเป็นการดูแลที่คล้ายกับพี่สาวดูแลน้องสาว ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็กล้วนจัดการด้วยท่าทีนิ่มนวลเคร่งขรึม
แน่นอน นี่เป็นเพียงความรู้สึกของนางเอง ย่อมบอกคนนอกไม่ได้
เมื่อสองคนเข้าประจำที่นั่ง หยินเฉินก็นั่งลงข้างๆ มู่ชิงเกอ ส่วนหุ่นเทพมารก็ยืนเฝ้ามู่ชิงเกออย่างสงบทางด้านหลัง
ข้างหลังชูเนี่ยนเองก็มีสองสาวใช้ยืนอยู่ คนหนึ่งก็คือคนที่มู่เทียนอินเคยพบ อีกคนหนึ่งมู่ชิงเกอเคยพบ นั้นคือหญิงสาวคนที่เล่นพิณในเซียนลู่ไจวันนั้นนั่นเอง
คนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกแขาได้รับการรับรองโดยสิบลูกศิษย์ใหญ่และพากันไปนั่งประจำที่
ไม่นานนัก กลางตำหนักใหญ่ก็ว่างลง
ในวังราชาเทวะ เสียงระฆังโบราณดังขึ้น ประกาศเริ่มต้นงานเลี้ยง
เมื่อคนมาอวยพรที่นั่งกันเต็มพื้นนอกวังราชาเทวะได้ยินเสียงระฆังก็พากันลุกขึ้นยืน และเริ่มจัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่เสียมารยาทต่อหน้าราชาเทวะ
พวกมู่เทียนอินทั้งสามคนก็ลุกขึ้นยืน อารมณ์ของเขาเวลานี้ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่คิดไว้แต่แรก ไม่ได้เป็นจริงเลยแม้แต่นิด เขาคะเนธรรมเนียมวังอู๋หวาผิดไป ทั้งประเมินความรู้สึกที่ชูเนี่ยนมีต่อตัวเองสูงเกินไป เขาคิดว่าชูเนี่ยนจะต้อนรับเขาเป็นกรณีพิเศษ และเมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ถือโอกาสใกล้ชิด สอบถามสิ่งที่เขาต้อง การ แต่จนบัดนี้ เขายังไม่ได้มีโอกาสได้เข้าใกล้ชูเนี่ยนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องถามหาข้อมูล
ที่น่าแค้นใจที่สุดคือ ชูเนี่ยนใกล้ชิดกับคนที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำเป็นอย่างมาก
“นายน้อย เราเข้ามาได้แล้ว แต่ไม่อาจหาข้อมูลได้จะทำอย่างไรดี” มู่หลินกระซิบถาม
แววตามู่เทียนอินเปลี่ยนแปลงไปมา บอกมู่หลินกับมู่ซานว่า “พวกเจ้าสองคนหาเหตุออกไปก่อน ถือโอกาสที่ทุกคนรวมความสนใจอยู่ที่นี่จับลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวา บางคน บังคับให้พวกเขาบอกแผนผังที่นี่ ทั้งจุดลับที่เก็บของออกมา”
“นี่…”
มู่หลินกับมู่ซานสบตากัน มู่ซานเอ่ยว่า “นายน้อย จะไม่เสี่ยงเกินไปหรือ หากมีคนพบเห็น จะทำให้ราชาเทวะรู้ตัวนะ”
“ทำตามที่ข้าบอก” แต่มู่เทียนอินยังคงยืนกราน เห็นทั้งสองคนทำหน้าลำบากใจ เขาก็เยาะเย้ยว่า “หรือพวกเจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้”
พอโดนถามเช่นนี้ทั้งคู่ก็พูดไม่ออก ได้เพียงทำตามที่มู่เทียนอินสั่งการ
ก่อนจากไป มู่หลินกำชับอย่างไม่วางใจว่า “นายน้อย ท่านจะต้องระวังตัว ทุกอย่างต้องคิดถึงแผนการใหญ่ เรื่องแก้แค้นต่อไปยังมีโอกาสอีกมาก”
สายตามู่เทียนอินกวาดมาอย่างเย็นเฉียบ ทำให้มู่หลินสะดุ้งรีบออกไปพร้อมกับมู่ซานอย่างเงียบเชียบ
พวกเขาไปไม่นานนักก็มีลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวามายืนบนบันไดนอกตำหนัก ตะโกนบอกคนทั้งพันคนว่า “ขึ้นมารอเรียกพบ”
ไม่ต้องรออยู่กับที่แล้ว ถึงแม้ต้องรอก็ยังทำให้คนไม่น้อย ต่างลิงโลดขึ้นมา
คนพันคนเดินหน้าเงียบเชียบเป็นระเบียบ ยืนอยู่บนพื้นหน้าประตูตำหนักทีเปิดกว้างด้วยความเรียบร้อย มองภาพในตำหนักนิ่ง
ความยิ่งใหญ่โอฬาร สง่างามของตำหนัก และผู้สูงศักดิ์จากดินแดนเทพต่างๆ ราชาเทวะที่อยู่สูง ล้วนทำให้พวกเขานึกชื่นชมและรู้สึกถึงความตํ่าต้อยของตัวเอง พวกเขายืนอยู่นอกตำหนัก สายตาที่มองมายังพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความขบขันและเหน็บแนม
ท่าทียโสโอหังเช่นนั้นทำให้มู่เทียนอินที่อยู่ในกลุ่มคนรู้สึกอัดอั้นยิ่งนัก เขาพยายามเก็บกดอารมณ์ของตัวเองยืนอยู่ในกลุ่มคนนิ่ง
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่มู่ชิงเกอซึ่งนั่งใกล้กับบัลลังก์ราชาเทวะอย่างมาก ทั้งยังอยู่ใกล้กับองค์หญิงชูเนี่ยนอย่างมากด้วย
ขณะที่เขามองไป มู่ชิงเกอก็มองมาราวกับไม่ตั้งใจ เมื่อได้สบตากัน ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นก็ราวกับผุดความเยาะเย้ยออกมา
‘เขาถึงขั้นกล้าเยาะเย้ยข้ารึ!’ ดวงตามู่เทียนอินแทบจะพ่นไฟออกมาได้
แต่ต่อให้เขาโกรธแค่ไหนก็ทำอะไรในเวลานี้ไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนยอมรับแววตาที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยของมู่ชิงเกอ
ท้าทาย ยั่วยุ
ในขณะที่มู่เทียนอินเข้าใจว่าจุดประสงค์ของมู่ชิงเกอคือต้องการยั่วยุให้ตัวเองโกรธจนเปิดเผยตัวตนนั้น มู่ชิงเกอก็ละสายตากลับราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเขาเลยสักนิด
ความรู้สึกนี้ทำให้เขายิ่งโกรธแค้น สองแก้มร้อนผ่าวอยากวิ่งออกไปสับมู่ชิงเกอฉีกเป็นชิ้นๆ
ขณะที่เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ในตำหนักก็มีเสียงเคร่งขรึมดังออกมา “มอบของขวัญวันเกิด…”
จะมอบของขวัญกันแล้ว คนที่มอบก่อนย่อมเป็นผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ในตำหนัก
ส่วนพวกที่อยู่นอกตำหนัก ความจริงทุกคนต่างรู้อยู่ว่าเป็นเพียงพวกที่มาร่วมผสมโรงเท่านั้น ของขวัญที่พวกเขาส่งขึ้นไป ราชาเทวะอู๋หวาคงไม่แม้แต่จะชายตามอง
แต่พวกเขาก็อยากรู้ว่าพวกคนสูงศักดิ์เหล่านี้จะมอบของขวัญอะไรกัน
พอพูดจบก็มีคนจากท้ายแถวเดินออกมาหยุดตรงหน้าราชาเทวะอู๋หวาหยิบของของตัวเองออกมาพลางเอ่ยเสียงดังว่า “ราชาเทวะ นี่เป็นของที่ข้า…”
เขาอ่านรายชื่อของมากมายออกมาด้วยความภูมิใจ
แต่ราชาเทวะไม่ได้ใส่ใจของที่เขาเตรียมมาอย่างดีเลยสักนิด
เมื่อเขามองราชาเทวะอู๋หวา สีหน้าที่สดใสก็กลายเป็นเคอะเขิน ทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ แล้วถอยลงไป
หลังจากเขาถอยลงไป ก็มีคนขึ้นมามอบของขวัญตัวเองอีก
แต่ ไปๆ มาก็คงมีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีของที่มีค่าหายาก แต่ราชาเทวะอู๋หวาอยู่มานานขนาดนี้ แล้วจะมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีกเล่า
เวลานี้ของมีค่าที่สามารถทำให้เขาสนใจนั้นมีน้อยมากจริงๆ
วนไปรอบหนึ่ง สีหน้าราชาเทวะอู๋หวาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้คนที่มาอวยต่างรู้สึกประดักประเดิด แต่ราชาเทวะอยู่ที่นั้น ต่อให้พวกเขาไม่พอใจเพียงไรก็ แสดงออกมาไม่ได้
มู่เทียนอินยืนอยู่ในกลุ่มคนข้างนอก เมื่อมองของขวัญเหล่านั้นแล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเลือกมาก็พลันคิดว่าความทุ่มเทนั้นช่างเปล่าประโยชน์
เขามองไปทางชูเนี่ยน เห็นนางกำลังคุยกับมู่ชิงเกออย่างสนุกสนาน กระทั่งไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองอยู่ที่นี่ แววตาคู่นั้นพลันมืดมิดลงอีกครั้ง
‘มู่ชิงเกอ มู่ชิงเกออีกแล้ว ทำไมทุกครั้งที่เจอเขา แผนที่ข้าเตรียมไว้ก็จะต้องติดขัด จะต้องเกิดเรื่องไม่คาดคิดต่างๆ นานา หรือว่าเจ้าจะเป็นคู่อาฆาตข้าจริงๆ ไม่สิ เจ้า ไม่คู่ควร เจ้ามันเป็นแพียงหินรองเท้าข้าเท่านั้น’ มู่เทียนอินคิดด้วยความแค้น
ในที่สุดพิธีมอบของขวัญในตำหนักก็เวียนมาถึงมู่ชิงเกอแล้ว
นางยืนขึ้นแล้วเดินออกจากที่นั่งมายืนตรงหน้าราชาเทวะอู๋หวา
ฐานะของมู่ชิงเกอนั้นราชาเทวะอู๋หวาให้ความสำคัญเป็นพิเศษนี่ทำให้คนอื่นๆต่างเฝ้ารอของขวัญที่เขาจัดเตรียมมา
มู่ชิงเกอโบกมือ ของขวัญที่ห่อไว้ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าผู้คนทันที
ผู้คนต่างยืดคอมองดู พบว่ากล่องเหล่านั้นธรรมดามากราวกับของที่ซื้อมาจากในเมืองอู๋หวา เสียงเยาะเย้ย ถากถาง ดูแคลน ล้อเลียน เริ่มลอยมาตามลมทันที…