ตอนที่ 734
เจ้า ตามข้ามา!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” มู่ชิงเกอถามอย่างสนอกสนใจ
เจ้าของแผงนํ้าชาสตรีปิดปากหัวเราะ ท่าทางมีเลศนัย “แขกท่านนี้มาเมืองชิงหลวน ไม่รู้ว่าระยะนี้เมืองชิงหลวนกำลังทำอะไรอยู่หรือ”
มู่ชิงเกอชะงักนึกทบทวนดู ขณะอยู่ที่เฉาลู่ เซวี่ยนหย่าได้รายงานเรื่องต่างๆ ให้นางฟัง
เหมือนนางจะพูดว่าพักนี้ไม่รู้หลียวนเป็นอะไรจึงรับสมัครลูกศิษย์หนุ่มรูปงามจำนวนมาก
‘หรือว่า…เรื่องที่เถ้าแก่พูดถึงก็คือเรื่องนี้หรือ’ มู่ชิงเกอคิดในใจ
ถึงแม้มีการคาดเดาในใจ แต่ต่อหน้าเจ้าของแผง นางกลับค่อยๆ ส่ายหน้า “ข้าเพียงบังเอิญเดินทางผ่านมาแต่จุดหมายไม่ใช่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องอะไรในเมืองชิงหลวน”
“เป็นเช่นนี้เอง” เจ้าของแผงเอ่ยอย่างเข้าใจ
นางมองไปที่เก้าอี้ว่างข้างกายมู่ชิงเกอแล้วส่งสายตาบอกเป็นนัย
มู่ชิงเกอยิ้มนิดๆ พยักหน้าว่า “เถ้าแก่เชิญนั่งเถอะ”
เวลานี้ในแผงนํ้าชาไม่มีแขกอื่น เจ้าของแผงเห็นว่าแขกหน้าตางดงามขนาดมู่ชิงเกอไม่ใช่ว่าจะพบได้ง่าย ดังนั้นจึงนั่งลงคุยด้วย
“ไม่รู้แขกท่านนี้เคยได้ยินชื่อราชาเทวะเฟิ่งเทียนหรือไม่” แววตาเจ้าของแผงเปลี่ยนเป็นมีเลศนัยอีกครั้ง
หลียวน?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วนิดๆ ตอบอย่างราบเรียบว่า “ย่อมเคยได้ยิน ว่ากันว่าราชาเทวะเฟิ่งเทียนสูงศักดิ์สง่างามยิ่งนัก เป็นแบบอย่างของสตรีทั้งแผ่นดิน”
เจ้าของแผงผงกศีรษะยิ้มพูดว่า “แขกท่านนี้พูดถูก ราชาเทวะดินแดนเฟิ่งเทียนของพวกเราเป็นราชาเทวะสตรีเพียงหนึ่งเดียวในสิบหกดินแดนเทพ แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร การที่สามารถปกครองดินแดนได้เช่นเดียวกับเหล่าบุรุษย่อมเป็นแบบอย่างของพวกเราจริงๆ อีกทั้งราชาเทวะเฟิ่งเทียนก็มีรูปโฉมงามลํ้า อุปนิสัยสูงส่ง กิริยาท่าทางทั้งคำพูดล้วนหาที่ติไม่ได้แม้แต่นิด เป็นสิ่งที่สตรีทั้งแผ่นดินต่างใฝ่ฝันอยากจะเป็น”
ดวงตาใสกระจ่างของมู่ชิงเกอมองนางและได้เห็นทั้งความชื่นชม เคารพบูชาที่แสดงออกในแววตาของนาง
‘ดูแล้วหลียวนคงเก่งมากในการปฏิบัติตัวต่อหน้าผู้คน’ มู่ชิงเกอคิดในใจ นึกถึงที่ซือมั่วเคยบอกนางว่าการที่หลียวนแอบร่วมมือกับเผ่ามารนั้นก็เพราะหวังให้เผ่ามารสามารถฉุดรั้งดินแดนเทพอีกสามแห่งของแผ่นดินเทพเหนือไว้ ส่วนการที่ซือมั่วเลือกร่วมมือกับนางก็ เพราะเห็นการแสดงออกภายนอกและภายในที่แตกต่างกันของนาง
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าการร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันนั้นกลับถูกหญิงคนนี้ทำลายจนหมดสิ้น
ปัจจุบันนี้เนื่องจากซือมั่วรับปากมู่ชิงเกอไว้จึงไม่ได้มาคิดบัญชีกับหลียวนโดยตรง แต่วันนี้มู่ชิงเกอกลับเดินเข้ามาในพื้นที่ของหญิงคนนี้
“เถ้าแก่อาศัยในเมืองชิงหลวนยังเทิดทูนราชาเฟิ่งเทียนมากเช่นนี้ท่าทางราชาเทวะเฟิ่งเทียนคนนี้คงเหมือนที่เล่าลือกัน ควรค่าให้คนนับถือ” ใบหน้ามู่ชิงเกอยิ้มแย้มเอ่ยคำไม่ตรงกับใจออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว” เจ้าของแผงผงกศีรษะอย่างแรง
สายตามู่ชิงเกอกวาดผ่านฝูงชนแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “เช่นนี้แล้ว คนจำนวนมากที่นี่ก็คงเกี่ยวข้องกับราชาเทวะเฟิ่งเทียนด้วยสินะ”
“ถูกต้อง ท่านพูดถูกแล้ว” เจ้าของแผงผงกศีรษะ
นางมองไปที่โต๊ะเห็นโต๊ะว่างๆ จึงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “เอ่อ ข้าไปยกของว่างมาให้ดีกว่า ข้าเลี้ยงเอง ไม่เก็บเงินท่าน”
พูดจบ นางก็หันเดินไปข้างหลัง
มู่ชิงเกอหัวเราะ นึกบ่นอยู่ในใจ ‘ข้าก็แค่อยากถามว่านี่มันเรื่องอะไรเท่านั้นเอง’
นางเพิ่งบ่นจบ เจ้าของแผงก็เดินกลับมา ในมือถือของว่างสีสันสวยงาม หน้าตาสดสวยมาด้วยสองจาน
นางวางของว่างบนโต๊ะแล้วกลับมานั่งบอกมู่ชิงเกอว่า “ค่อยดูไม่ขัดตาหน่อย”
มู่ชิงเกอยิ้มมองนางแต่ไม่ได้พูดอะไร
เจ้าของแผงถูกมู่ชิงเกอจ้องมองเช่นนี้ก็หน้าแดงขึ้นมา เผยท่าทีเอียงอายออกมาทันที
“แค่กๆ” ครู่หนึ่งนางจึงหายเขินแล้วกระแอมสองครั้ง บอกมู่ชิงเกอว่า “คุณชาย ท่านมองข้าน้อยเช่นนี้ ทำให้ข้าน้อยพูดไม่ออกเลย”
คำเรียกนั้นเปลี่ยนจากแขกกลายเป็นคุณชาย ท่าทีหว่านเสน่ห์เช่นนี้ทำให้มุมปากมู่ชิงเกอโค้งขึ้น
นางรีบนั่งตัวตรงหุบยิ้มแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ข้าเพียงสงสัยว่าเหตุใดจึงมีคนมาชุมนุมกันมากมายเช่นนี้”
“อ๋อ! ข้าลืมบอกไป” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้เจ้าของแผงจึงนึกขึ้นได้ ความเอียงอายบนใบหน้าจางหายไป แล้วบอกกับมู่ชิงเกอว่า “เขากำลังคัดเลือกลูกศิษย์ให้ราชาเทวะเฟิ่งเทียนน่ะ”
“คัดเลือกลูกศิษย์?” มู่ชิงเกอพูดด้วยความประหลาดใจพลางคิดในใจว่า ‘เป็นไปตามข่าวสารที่เซวี่ยนหย่ารวบรวมมาจริงๆ’
เจ้าของแผงผงกศีรษะพูดต่อว่า “ราชาเทวะบอกว่าบำเพ็ญหลักธรรมใหญ่ยากเย็นยิ่งนัก คนจำนวนมากเพียงด่านแรกก็ผ่านไปไม่ได้ เพื่อให้คนจำนวนมากขึ้นมีโอกาสเข้าถึงหลักธรรม รับรู้ความจริงของหลักธรรม นางจึงเปิดประตูกว้างขวางรับลูกศิษย์เพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้าไปบำเพ็ญในดินแดนเฟิ่งเทียนรับรู้หลักธรรม”
“ราชาเทวะส่งเทียนช่างมีใจเมตตาจริงๆ” มู่ชิงเกอเอ่ยชมอย่างปากไม่ตรงกับใจ
เจ้าของแผงเอ่ยว่า “ใช่น่ะสิ ข้าบอกแล้วว่าราชาเทวะเฟิ่งเทียนเป็นคนใจกุศล”
มู่ชิงเกอมองคนที่เบียดเสียดเหล่านั้นแล้วบอกเจ้าของแผงว่า “แต่แม้เป็นเช่นนั้น เหตุใดข้าจึงเห็นแต่ผู้ชายเข้าไปลงชื่อ ไม่เห็นมีผู้หญิงเข้าไปเลย”
“เรื่องนี้ท่านก็ยังไม่ทราบหรือ ราชาเทวะเฟิ่งเทียนบอกว่าในดินแดนมีลูกศิษย์หญิงมากเกินไปแล้ว นางอยากให้มีลูกศิษย์ชายบ้าง หากเกิดชอบพอกัน นางก็จะได้สนับสนุนพวกเขา” เจ้าของแผงกล่าว
แววตามู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นพิกล แม้แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความนึกสนุก นางคิดในใจว่า ‘หลียวนคนนี้ ไม่ใช่บาดเจ็บเพราะรักหรือ เหตุใดจึงมาทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักได้’
“โธ่ ท่านไม่รู้อะไร ความคิดของราชาเทวะเฟิ่งเทียนนี้ทำให้เหล่าลูกศิษย์หญิงในดินแดนเฟิ่งเทียนมากมายตั้งเท่าไรต่างสำนึกบุญคุณ ทั้งนำพาให้ชายหนุ่มอีกตั้งมากมายเข้ามาร่วมอยู่ในดินแดนเฟิ่งเทียนนี้” เจ้าของแผงพูดอย่างสะท้อนใจ
มู่ชิงเกอนึกขำในใจ ยิ่งรู้สึกว่าหลียวนท่าจะเสียสติไปแล้ว
เจ้าของแผงพิจารณาดูมู่ชิงเกอ บอกเขาว่า “ขณะที่ท่านมาถึง ข้าเห็นท่านมีรูปโฉมเหนือกว่าใครๆ ทั้งยังดูเก่งกล้าสามารถ ยังเข้าใจว่าท่านมาเพราะเรื่องนี้ ใครจะรู้ว่าแค่ผ่านทางมาโดยไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“ข้าไม่รู้จริงๆ ขอบใจเถ้าแก่ที่ช่วยคลายข้อสงสัย” มู่ชิงเกอกล่าว
ทางนี้ในแผงนํ้าชา มู่ชิงเกอกำลังคุยกับเจ้าของแผง หลียวนกำลังเล่นตลกอะไรอยู่นั้นมู่ชิงเกอไม่มีเวลาไปยุ่งด้วย อีกทั้งนางได้จัดวางคนไว้ข้างในแล้ว จะได้ถือโอกาสนี้แทรกซึมเข้าไปให้ลึกมากขึ้น
แต่แม้นางจะมองข้ามไปก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมองข้ามนางไปด้วย
บนเวทีรับสมัครที่ห่างจากแผงนํ้าชาไปค่อนข้างไกลมีมนุษย์เทพสตรียืนอยู่คนหนึ่ง กระโปรงสีชมพูบนตัวนางไม่อาจลดความเย็นชาบนใบหน้านางลงไปได้
เหล่าชายหนุ่มที่แย่งกันลงชื่อนั้นไม่ได้ทำให้นางสนใจแต่อย่างใด
สายตาหยิ่งยโสของนางกำลังสอดส่ายอยู่ในฝูงชนราวกับกำลังมองหาอะไรอยู่
ทันใดนั้นสายตานางก็หยุดนิ่งอยู่ที่แผงนํ้าชาที่มู่ชิงเกอนั่งอยู่ พูดให้ชัดเจนคือหยุดอยู่ที่ร่างของมู่ชิงเกอ นางเคลื่อนย้ายร่างมาอยู่เบื้องหน้าพวกมู่ชิงเกอทั้งสองแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “เจ้า ตามข้ามา”