ตอนที่ 74
ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย
แต่ว่า…
หากไม่อยากตาย นางจะหาใครมาถอนพิษให้เล่า? ในแววตาของป๋ายซีเยวี่ยเต็มไปด้วยความสับสนและทุกข์ใจ สำหรับหญิงสาวแล้วความบริสุทธิ์นั้นสำคัญ มากเพียงใด แต่ตอนนี้เพื่อต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป นางจำเป็นต้องแลกด้วยสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ?
“เป็นเพราะเจ้า! เป็นพระเจ้า! ที่ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้!” ป๋ายซีเยวี่ยกรีดร้องด้วยความโกรธ แม้ว่าแผลตรงหน้าอกจะเจ็บเพียงใดแต่นางก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
หากมู่ชิงเกอยอมช่วยนาง ถึงแม้ว่าในภายหลังนางจะต้องเจ็บปวดหรือต้องจำทน แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่พอฝืนทำใจยอมรับได้
แต่มู่ชิงเกอกลับทิ้งนางแล้วเลือกช่วยชีวิตองค์หญิงฉางเล่อ
แล้วนางเล่า?
นางควรจะหาใครมาช่วยดี? เด็กรับใช้ภายในจวน? องครักษ์? หรือว่าขี้เหล้าข้างถนน?
พอคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดที่มี ความโกรธเกลียดที่นางมีให้กับมู่ชิงเกอก็พุ่งทะลุถึงขีดสุดอย่างทนไม่ได้
มู่ชิงเกอ เจ้าคอยดูนะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจเหมือนกับที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้
“คุณหนู….คุณหนู….” ท่าทางแบบนี้ของป๋ายซีเยวี่ยทำให้ลวี่จือตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และไม่กล้าเข้าใกล้นาง
“ใส่เสื้อผ้าให้ข้า ข้าจะออกจากจวน” ป๋ายซีเยวี่ยพลันสั่งอย่างเรียบนิ่ง
แต่แม้ท่าทางของนางจะดูเรียบเฉย แต่ภายในใจนั้นร้อนรนถึงขีดสุด
นางจะต้องถอนพิษก่อนที่มันจะแสดงอาการอย่างเต็มที่ และเรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้วิธีเดียวที่ทำได้คือออกไปหาคนมาถอนพิษนอกจากนั้นหลังจากที่ถอนพิษสำเร็จแล้ว จะต้องฆ่าคนผู้นั้นทิ้งเสีย!
หลังจากที่คิดแผนการไว้ในใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาของป๋ายซีเยวี่ยก็เต็มไป ด้วยความเยือกเย็นและไอสังหาร
“คุณหนูท่านกำลังบาดเจ็บ ในเวลาแบบนี้จะออกจากจวนได้อย่างไร?” ลวี่จือพูดเตือน
“สั่งให้เจ้าไปเตรียมเจ้าก็ไปเตรียม จะมาพูดมากความเช่นนี้เพื่ออะไร” ป๋ายซีเยวี่ยพูดด้วยโทสะ เวลาของนางเหลือน้อยมากแล้ว แต่นางนี่ก็กลับยังถามไม่หยุดจน อยากจะซัดลงไปสักฝ่ามือหนึ่ง ตีนางให้ตายเสียจะได้สิ้นเรื่องกันไป
ลวี่จือโดนดุจนตื่นตระหนก จึงรีบไปเตรียมการด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
ป๋ายซีเยวี่ยต่อหน้าผู้อื่นนั้นดูอ่อนโยนบอบบาง แต่มีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นสาวใช้คนสนิทจึงรู้นิสัยที่แท้จริงของเจ้านาย
ป๋ายซีเยวี่ยสวมชุดขาวบริสุทธิ์เสร็จเรียบร้อยภายในเวลาอันสั้นและยังสวมเสื้อคลุมเพิ่มไปด้วยหนึ่งตัว หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วป๋ายซีเยวี่ยก็ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดจากแผลตรงหน้าอกและความปั่นป่วนที่แผ่ลามไปตามแขนขา พร้อมเตือนลวี่จือว่า “เจ้าไปอยู่ในห้องห้ามผู้ใดเข้ามาโดยเด็ดขาด หากมีคนมาถาม ให้บอกไปว่าข้าพักผ่อนอยู่ในห้องห้ามรบกวน”
ลวี่จือรีบพยักหน้า ป๋ายซีเยวี่ยหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป ด้วยพลังระดับนางแล้วจะไม่ให้ถูกจับได้ว่าออกจากจวนตระกูลมู่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่างนางคุ้นเคยกับการเปลี่ยนเวรยามและชีวิตประจำวันของจวนตระกูลมู่ดี ป๋ายซีเยวี่ยออกจากจวนด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมและความโกรธแค้น แต่ในใจก็มีความกลัวอยู่ นางควรจะไปหาใคร? ไปหาใครดีล่ะ?
ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกไร้ที่พึ่งพิงราวกับว่าในโลกใบนี้มีนางเพียงคนเดียวที่ล่องลอยไปมาอย่างโดดเดี่ยว ไร้ซึ่งที่พึ่งและไม่มีใครสนใจ
ผู้คนที่อยู่ตามท้องถนนนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เลยแม้แต่น้อย
ไอ้พวกผู้ชายแปลกหน้าที่น่ารังเกียจพวกนั้น ทำให้นางรู้สึกอยากจะอาเจียน แล้วนางจะยอมให้ไอ้คนธรรมดาๆ พวกนี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกไม่สบายในร่างกายค่อยๆ สงบลง แต่ว่าป๋ายซีเยวี่ยที่จมอยู่ในความโกรธเกลียดอันมากมายนั้นไม่ได้สังเกตถึงสิ่งนี้ในตอนนี้นางคิดอยู่อย่างเดียวว่าหากหาคนมาถอนพิษให้ไม่ได้นางก็ต้องตายไปอย่างน่าเวทนา
ท่ามกลางความมึนงงป๋ายซีเยวี่ยได้ชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง ร่างกายอ่อนช้อยดั่งกิ่งหลิวกระเด็นไปข้างหลังและมือใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้าเอวของนางเอาไว้ได้ทันเวลา พร้อมดึงนางกลับมา
ป๋ายซีเยวี่ยเงยหน้าขึ้นมอง ในขณะที่เห็นใบหน้าของคนที่โอบตนเองไว้ชัดเจนแล้วนางก็พูดด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าคว้าฟางช่วยชีวิตเอาไว้ได้ “รุ่ยอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วย!”
ฉินจิ่นห้าวที่เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาจากอารามหลวง ขมวดคิ้ว ใบหน้าอันเย็นชานั้นมีความสงสัยอยู่
เขาถูกลงโทษให้อยู่ในอารามหลวงเป็นเวลาสามเดือน แต่เพราะความพยายามของเสด็จแม่ทำให้เขาถูกปล่อยออกมาก่อนเวลา ความทุกข์ใจก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกจิตใจย่ำแย่เป็นอย่างมาก ขณะที่กำลังเตรียมออกไปเดินเล่นผ่อนคลายกับผู้ติดตามสองสามคน กลับไม่คิดว่าจะพบกับป๋ายซีเยวี่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลมู่เข้า และสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือคำแรกที่ทั้งสองพบกัน คือคำร้องขอความช่วยเหลือจากนาง
“แม่นางป๋าย เจ้าเป็นอะไรไป?” ฉินจิ่นห้าวจึงถามนิ่งๆ
ใบหน้าของคนที่นางคิดถึงทั้งวันทั้งคืนมาปรากฏกายอยู่ ตรงหน้า ทำให้นางรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นชะตาฟ้าลิขิต เทพบุตรของนางถูกลิขิตไว้ให้เป็นรุ่ยอ๋อง
ในขณะที่ร่างกายและความคิดกำลังอดทนต่อความเจ็บปวด นางก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปยังอ้อมกอดของฉินจิ่นห้าวและกอดเอวเขาไว้แน่น ไม่สนใจเลยว่ากำลังยืนอยู่บนถนนใหญ่
ท่าทางใจกล้าของป๋ายซีเยวี่ยทำให้สายตาของฉินจิ่นห้าวเย็นชาเล็กน้อย
เขาเพิ่งจะถูกปล่อยออกมา ยังไม่อยากมีข่าวเสียๆ หายๆ อะไรอีก
เขาส่งสายตาให้กับผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังแล้วหลังจากที่ทั้งหมดเดินออกไป เขาก็ค่อยๆดันตัวป๋ายซีเยวี่ยออก พยายามใช้นํ้าเลียงที่อ่อนโยนถามว่า “ข้างหน้ามีร้าน นํ้าชา ข้าให้คนไปจองแล้ว แม่นางป๋ายไปกับข้าไหม ดื่มชาก่อนให้สงบลงแล้วค่อยเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่สาย หากมีอะไรที่ข้าช่วยได้ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”
ในเวลาแบบนี้ป๋ายซีเยวี่ยจะปฏิเสธได้อย่างไรกันเล่า?
รุ่ยอ๋องคือยาถอนพิษชั้นดีที่สวรรค์ประทานให้กับนาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ปล่อยให้ผ่านไป
อีกอย่าง นางมั่นใจว่า หากนางมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับรุ่ยอ๋อง ตำแหน่งฮองเฮาแห่งแคว้นฉินในอนาคตต้องเป็นของนางแน่!
ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะจวนตระกูลมู่ มู่ชิงเกอและรัชทายาทผู้นั้นนางก็จะแก้แค้นให้หมด ให้พวกมันต้องร้องขอชีวิตอย่างเจ็บปวดต่อหน้านาง!
ป๋ายซีเยวี่ยเดินตามฉินจิ่นห้าวไปยังร้านนํ้าชา และเข้าไปยังห้องพิเศษ
ในขณะนี้เอง นางก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังเริ่มสั่นและทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ในขณะที่ฉินจิ่นห้าวรินนี้าชา นางก็รีบพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะทูล ให้คนอื่นออกไปก่อนได้หรือไม่เพคะ”
ฉินจิ่นห้าวหยุดทุกการกระทำ เงยหน้าขึ้นมองนาง เห็นสายตาของนางนั้นดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก จึงพูดกับผู้ติดตามว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าออกไปก่อน” แน่นอนว่าผู้ติดตามไม่กล้าสงสัยอะไรและต่างก็เดินออกไป ภายในห้องเหลือเพียงแค่ฉินจิ่นห้าวและป๋ายซีเยวี่ยแค่สองคน
“แม่นางป๋ายมีอะไร ตอนนี้สามารถพูดได้แล้ว” เขาพูด
ใช่ ! ไม่มีเวลาแล้ว
ป๋ายซีเยวี่ยตัวสั่นยืนขึ้นมา นางเม้มปากสีชมพู ดวงตางดงามดุจสายนํ้ามองฉินจิ่นห้าวแล้วอยู่ๆ ก็พลันปลดเสื้อคุมของตนเองออกทิ้งลงกับพื้น
ฉินจิ่นห้าวทำหน้าเคร่ง ใบหน้าขมึงตึงพลางถามว่า “แม่นางป๋าย เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”
นํ้าตาของป๋ายซีเยวี่ยไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง นางพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของฉินจิ่นห้าวอย่างไม่สนใจอะไรอีก และกอดเขาแน่น แนบใบหน้ากับหน้าอกของเขาจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น พลางพูดด้วยนํ้าเสียงอันสั่นเครือว่า “ฝ่าบาทได้โปรดช่วยซีเยวี่ยด้วย ทรงต้องการซีเยวี่ยด้วยเถอะ!”