Skip to content

พลิกปฐพี 793

ตอนที่ 793

นกขมิ้นที่ชั่วร้าย

หลังจากพวกมู่ชิงเกอพุ่งเข้าไปในค่ายกลแล้ว ฝาครอบแสงก็เริ่มกลับคืนมา ปิดกั้นทุกสิ่งจากภายนอกอีก

“ค่ายกลเริ่มทำงานอีกแล้ว” ชิงเหยียนมองฝาครอบแสงอีกครั้งแล้วพูดเสียงเครียด

ขณะที่เขาเพิ่งพูดจบ ฝาครอบแสงก็มืดมนลงไปหลายส่วน ชวนให้คนรู้สึกว่าพลังอ่อนลง

เมื่อหลายคนสังเกตเห็นภาพนี้ก็ทำให้ตาดำของพวกเขาหดตัวลงต่างระวังตัวขึ้นมา

มู่ชิงเกอแหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้า

เวลานี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว แต่ผลจากค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารทำให้ดาวสังหารเจ็ดดวงบนท้องฟ้ายังคงสว่างไสวในเวลากลางวัน

นางสามารถเห็นดาวสังหารเจ็ดดวงนั้น…ไม่…ม่ใช่เจ็ดดวง แต่เป็นหกดวง

มู่ชิงเกอนับจำนวนดาวให้แน่ใจอีกครั้ง นัยน์ตาที่ใสกระจ่างผุดแววยินดีออกมา “มีตาค่ายกลหนึ่งถูกสังหารแล้ว”

อะไรนะ

คำพูดนางดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้ในทันที

พวกเขาต่างรู้ว่าคำพูดนี้ความหมายว่าอะไร…ไม่เพียงแค่ราชาเทวะเจ็ดคนที่ลอบเข้าแดนมารสิ้นชีพไปแล้วหนึ่งคนไม่เพียงแค่อานุภาพค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ด

ดาราสังหารน้อยลงสองส่วนเท่านั้น

ที่สำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือซือมั่วยังคงอยู่ดี

องค์ราชาพวกเขายังปลอดภัย

“จะต้องเป็นเขาที่ถือโอกาสสังหารคนใดคนหนึ่ง จึงบั่นทอนพลังค่ายกลลงไป หมายความว่าเขายังปลอดภัยอยู่” มู่ชิงเกอพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

ขณะที่นางพูดคำพูดนี้ ความรู้สึกอึดอัดที่ติดอยู่ในใจมาเป็นเวลานานก็หลุดออกไปจนหมดด้วยเช่นกัน

“พวกเรารีบไปกันเถอะ” สั่วเซิ่งพูด

แต่เพิ่งก้าวไปเพียงสองก้าว ในพงหญ้าก็มีแสงสีเขียวหลายสายพุ่งออกมา มาทางเขา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่เพียงแต่สั่วเซิ่งเท่านั้นตกใจ แม้แต่พวกมู่ชิงเกอเองก็ระวังตัวขึ้นมาทันที ดีที่สั่วเซิ่งเป็นระดับเจ้าเมืองย่อยแดนมาร ตบะ บำเพ็ญสูงส่ง ถึงแม้เหตุการณ์จะฉุกละหุกเช่นนี้ อันตรายอย่างถึงที่สุด เขาก็ยังอาศัยประสบการณ์สู้รบที่ช่ำชองหลบพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด เซ่อฉินเองก็ลงมือ ทันทีโดยใช้พลังจิตมารฟาดไปที่แสงสีเขียวเพื่อถ่วงเวลาให้สั่วเซิ่ง

สั่วเซิ่งถอยกลับได้ทัน ทั้งเจ็ดคนรวมกันและมองรอบบริเวณด้วยความระมัดระวัง

“นี่มันอะไรกัน” สั่วเซิ่งพูดอย่างหวาดหวั่นไม่หาย

แสงสีเขียวนั้นทำให้เขาสะอิดสะเอียนอย่างมาก รู้สึกได้ว่าหากถูกแสงสีเขียวสัมผัสคงต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน

“ที่นี่มีคนวางหลุมพรางไว้” มู่ชิงเกอเอียงกายหันมาพูดด้วยความมั่นใจ

นางเพิ่งพูดจบ บนพื้นดินรอบบริเวณคนทั้งเจ็ดก็ปรากฎแสงสีเขียวสลับไปมาเป็นตาข่าย กักขังพวกเขาไว้ในบริเวณนี้

รอบบริเวณมีเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ดังแสบแก้วหูชวนให้รำคาญใจเกิดขึ้น

“นี่มันอะไรกัน เผ่าเทพใช้วิธีการเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” หลิงจิวอดถามไม่ได้

สิ่งที่ไม่รู้ต่างหากจึงจะน่ากลัวที่สุด

แต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเทพทำไว้ เป็นเผ่าอี้ เป็นเผ่าอี้ผู้นั้นลักลอบเข้ามาที่นี่”

โฮก!

เสียงร้องพิสดารแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นเสียงนั้น ดังตรงเข้าสู่สมองมากระทบปัญญาเทวะ ทำให้ทุกคนนอกจากมู่ชิงเกอที่ไม่ทันระวังต่างกุมศีรษะแสดงท่าที เจ็บปวดออกมา

หากมู่ชิงเกอไม่ได้บำเพ็ญเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางจนทำให้ปัญญาเทวะแข็งแกร่ง ขณะนี้ก็คงจะลำบากเหมือนกัน

โทนเสียงที่คุ้นเคยนี้ไม่ต้องให้มู่ชิงเกออธิบายมาก เผ่ามารสู้รบกับเผ่าอี้มานานหลายปี รู้กันชัดเจนอยู่แล้ว

“มีเผ่าอี้ลักลอบเข้ามาจริงๆ” สั่วเซิ่งพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

จากนั้นก็มีตัวประหลาดเล็กๆ สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน เดินออกมาจากความมืดถี่ยิบมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าพวกมู่ชิงเกอไม่ขาดสาย ไม่ต้องรอให้พวกเขาลงมือ ตัวประหลาดก็แบ่งร่างออกเอง ยิ่งมายิ่งมาก ค่อยๆ ล้อมพวกเขาจนรอบ

เวลานี้พวกเขาทั้งหมดราวกับเหยื่อที่ติดอยู่ในตาข่าย พร้อมกับนายพรานที่กำลังจ้องหาโอกาสเข่นฆ่า

ตัวประหลาดเล็กๆ เหล่านี้คล้ายกับสุนัขล่าเนื้อ นายพรานตัวจริงยังคงซ่อนอยู่ในที่มืดส่วนลึก

“พระชายา” กู่หยาเดินมาอยู่ต้านหน้ามู่ชิงเกอโดยไม่รู้ตัว ขวางอยู่ด้านหน้า ระวังพวกตัวประหลาดเล็กๆ เหล่านั้น

สำหรับพวกเขาแล้ว ตัวประหลาดตัวเล็กไม่ได้ฆ่ายากนัก

แต่ปัญหาอยู่ที่ พวกมันแบ่งตัวออกตลอดเวลา มากขึ้นทุกทีๆ เวลานี้พวกเขาไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่

มู่ชิงเกอแววตาเคร่งเครียด พูดเสียงเย็นเฉียบ “ฆ่า”

ไม่ว่าเป้าหมายฝั่งตรงข้ามคือยับยั้งการช่วยเหลือของพวกเขา หรือต้องการเอาชีวิตพวกเขา วิธีเดียวที่มีอยู่เวลานี้ก็คือฆ่า ฆ่าเพื่อเปิดทางไปถึงข้างกายซือมั่ว

พอมีคำสั่งนางลงมา หกคนรอบตัวนางต่างพุ่งออกไปสังหารตัวประหลาดเล็กๆ เหล่านี้ทันที

มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ว่าง นางยืนอยู่ที่เดิมกางขาออก แล้วหยิบปืนที่ทำชนิดพิเศษขึ้นมา ปืนนี้ใช้ปัญญาเทวะของนางเป็นกระสุนใช้เพื่อจัดการตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านี้โดยเฉพาะ

ปัง ปัง ปัง!

มู่ชิงเกอยิงไม่มีพลาด ทุกนัดระเบิดหัวได้ทั้งหมด นัยน์ตานางผุดแสงสีทองทำให้ตัวประหลาดหยุดนิ่งไปทั้งแถบจนทำให้คนอื่นสังหารได้โดยสะดวก

คนทั้งเจ็ดร่วมมือกันอย่างดียิ่ง แต่พวกตัวประหลาดเล็กสีเขียวนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถนับได้

มู่ชิงเกออดรู้สึกร้อนรนในใจไม่ได้นึกแค้นตัวประหลาดเล็กที่ขวางทางเหล่านี้ยิ่งนัก

‘เวลานี้ซือมั่วรู้หรือยังนะว่ามีเผ่าอี้ลักลอบเข้ามาแอบซุ่มอยู่’ มือมู่ชิงเกอไม่หยุดเข่นฆ่า ในใจกลับยังคิดด้วยความกังวล

พวกมู่ชิงเกอเข้าค่ายกลมาด้วยความยากลำบาก แต่ถูกหลุมพรางที่เผ่าอี้วางไว้ขัดขวางจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

เสียงร้องบาดหูของเหล่าตัวประหลาด ซือมั่วและพวกเส้าเทียนไม่ได้ยิน แต่คนเผ่าอี้ที่แอบซ่อนอยู่กลับได้ยิน

มุมปากแดงของเขาค่อยๆ ยกขึ้น ราวกับยินดี เขากำลังดีใจที่มีเหยื่อมาติดเบ็ดแล้ว

ไม่เสียแรงที่ขณะเขาพบว่ามีค่ายกลได้ตั้งใจเตรียมการไว้ก่อน

เดิมทีหลุมพรางเหล่านี้ เขาเตรียมไว้ให้พวกราชาเทวะ เพราะคิดว่าหลังจากลงมือแล้ว ขณะถอยกลับก็จะตกหลุมพราง

นึกไม่ถึงว่า การสู้รบด้านนี้ยังไม่ทันเสร็จสิ้น ราชามารไม่ได้สังหารได้ง่ายตามที่คิด ทางเข้านั้นกลับมีคนตกหลุมพรางแล้ว

เขามองดูการสู้รบด้านนั้นต่อ ปากก็บ่นพึมพำว่า “มนุษย์เผ่าเทพพวกนี้ไม่ได้ความจริงๆ เลย”

หลังจากนั้นสายตาของเขาก็ตกลงบนตัวซือมั่ว

เห็นเขาสวมเสื้อสีดำ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่ได้ตื่นกลัวราวกับทุกสิ่งล้วนอยู่ในกำมือจึงพูดเรียบๆ อีกว่า “คนผู้นี้จึงจะเป็นภัยร้ายต่องานใหญ่ของเผ่าข้า”

ราชาเทวะเหว่ยอี้ดับสูญ ซือมั่วไล่ตามราชาเทวะจื่อกวงไป

จอมมารที่หมดคู่ต่อสู้ไปแล้ว เปลี่ยนทิศทางพุ่งไปที่ราชาเทวะไห่เทียนแทน

ราชาเทวะไห่เทียนโดนประกบหน้าหลัง สภาพยํ่าแย่ ชีวิตตกอยู่ในอันตรายทันที

ราชาเทวะจื่อกวงโดนซือมั่วจับจ้องแล้วก็พลันสะดุ้งสุดตัว เขายอมโดนจอมมารฉีกเนื้อหนังที่แผ่นหลังออก แต่ไม่อยากเผชิญหน้ากับข้าศึกจึงหันกายคิดหนี

การเคลื่อนไหวต่อเนื่องของเขานี้ทำให้มุมปากซือมั่วผุดรอยยิ้มเย้ยหยัน ส่วนจอมมารที่ฉีกเนื้อหนังเขาไปนั้นก็ยัดเนื้อหนังในมือใส่ปาก…

จอมมารยัดเนื้อหนังในมือเข้าปากแล้วเคี้ยวคำใหญ่อย่างเอร็ดอร่อย

ภาพนี้ทำให้ราชาเทวะจื่อกวงตกใจจนหน้าเขียว ร่างกายสั่นเทา ไม่รู้ว่าเจ็บปวดเพราะเนื้อหนังที่หายไปหรือเพราะความกลัวกันแน่

เขาหนีโซซัดโซเซ แต่จะหนีไปไหนได้เล่า

ซือมั่วก้าวเท้าบนฟ้าเพียงก้าวเดียวก็เข้าประชิดเขาในระยะที่เขาพยายามหนีห่าง

เมื่อเส้าเทียนที่ถูกจอมมารยื้อไว้เห็นภาพนี้ก็ทำได้เพียงกระวนกระวายใจ

ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง เขามองไปแล้วตาก็แทบจะถลนออกมา ราชาเทวะไห่เทียนขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่เจ็ดกำลังถูกจอมมารสองตน ร่วมแรงกันกลืนกิน

วิธีกลืนกินของพวกมันสุดแสนทารุณ นั่นก็คือแยกร่างราชาเทวะไห่เทียนออกเป็นแปดชิ้นแล้วกลืนลงท้อง

พลังบารมีจอมมารเพิ่มขึ้นมาอีกในทันที ส่วนพลังค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารก็อ่อนกำลังลงไปอีกครั้ง

เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร

สองตาเส้าเทียนแดงก่ำไม่ยอมเชื่อผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเขาทั้งเจ็ดอาศัยแรงหนุนจากค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร กำชัยชนะแน่นอนอยู่แล้ว แต่เวลานี้ความ แข็งแกร่งของซือมั่วกลับมากเกินกว่าที่เขาคาดคิด

เขาถูกบังคับให้ออกจากการปิดประตูบำเพ็ญ นอกจากไม่มีอาการของคนถูกแรงสะท้อนกลับแม้แต่นิด พลังกลับสูงขึ้นอย่างมากมาย

ยังไม่ทันที่ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารจะยึดพลังซือมั่วมาเปลี่ยนเป็นของตัวเองก็ถูกทำลายลงจากคนภายนอก ทั้งยังถูกซือมั่วฉวยโอกาสทำลายตาค่ายกลไปหนึ่งจุดอีกด้วย

เวลานี้ยังถูกจอมมารกินไปอีกหนึ่งคน ที่เหลือห้าคน…

เส้าเทียนมองจื่อกวงที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน ท่าทางทุลักทุเลเช่นนั้นไหนเลยจะมีศักดิ์ศรีของราชาเทวะหลงเหลืออยู่อีก

‘คนผู้นี้ไม่มีใจสู้เหลืออยู่อีกแล้ว’ เส้าเทียนแอบด่าในใจ

เมื่อมองดูคนอื่นที่เหลือ…ราชาเทวะเซวียนเช่อ ราชาเทวะกู่เฟิง ราชาเทวะจั๋วอวี่ พวกเขาต่างถูกจอมมารพัวพันจนเอาตัวรอดลำบาก

จิตใจเส้าเทียนร้อนรน ‘ธงวิญญาณมารน่าตาย เหตุใดยังไม่เริ่มการสะท้อนกลับอีก’ เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าซือมั่วสามารถหลอมรวมธงวิญญาณมารได้โดยสมบูรณ์ สามารถควบคุมเก้าจอมมารภายในได้ทั้งหมด

ขอเพียงธงวิญญาณมารเริ่มเกิดแรงสะท้อนกลับ ก็คือโอกาสของพวกเขา

เมื่อถึงเวลานั้น…

สายตาเส้าเทียนกวาดผ่านคนที่เหลืออย่างเย็นชา คิดในใจว่า ‘ไม่ต้องอาศัยเศษขยะพวกนี้ข้าก็สามารถสังหารราชามารผู้นี้ได้!’

“อย่า อย่าตามข้ามา!” ราชาเทวะจื่อกวงร้องเสียงหลงอย่างหวาดกลัว

เขากลัวแล้ว! เขาไม่ควรมาที่นี่เลย!

ทั้งหมดเป็นเพราะเส้าเทียนใช้เล่ห์กล เพราะเส้าเทียนทำให้เขาหลงผิดจึงมาอยู่ที่นี่

นึกถึงเรื่องนี้แล้วจื่อกวงจึงแค้นใจเส้าเทียนยิ่งนัก เขามองไปที่เส้าเทียนแล้วบอกว่า “ราชาเทวะเส้าเทียน รีบช่วยข้าเร็ว!”

สมควรตายจริงๆ!

นัยน์ตาเส้าเทียนผุดแววสังหาร อยากฆ่าเจ้าจื่อกวงด้วยมือตัวเอง เขากลัวถึงขนาดเปิดโปงฐานะของตนออกมาเชียวรึ

“ราชาเทวะเส้าเทียนรึ” ซือมั่วหัวเราะอย่างขบขัน มองเหล่า ‘มือสังหาร’ เผ่าเทพที่แตกกลุ่มกระจัดกระจายอย่างสนุกสนาน

“เงียบ! เจ้าโง่” ราชาเทวะเส้าเทียนตะโกนลั่น

ราชาเทวะจื่อกวงใบหน้าขาวซีด เขามองเห็นสายตาเย็นชาที่เหล่าเพื่อนร่วมกลุ่มมองมา

“พวกเจ้ารนหาที่ตายจริงๆ!” ซือมั่วพูดอย่างเหนื่อยหน่าย

คำพูดนี้ของเขาไม่ใช่การข่มขู่แต่เป็นความจริง

ราชาเทวะจื่อกวงพุ่งไปอยู่ข้างกายราชาเทวะกู่เฟิ่ง เขาเห็นซือมั่วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงหลบอยู่ข้างหลังราชาเทวะกู่เฟิ่งแล้วผลักอีกฝ่ายออกไปอย่างแรงตาม สัญชาตญาณ

แต่ราชาเทวะกู่เฟิงเองก็ไม่ได้โง่ พอเขาเห็นราชาเทวะจื่อกวงจะผลักเขาจึงรีบแข็งใจรับกระบวนท่าของจอมมารจนถูกจอมมารจับข้อศอกไว้และกระชากแขนซ้ายเขาขาดออกมา อาศัยช่วงจังหวะนี้หนีออกไปจากตรงหน้าราชาเทวะจื่อกวง

ราชาเทวะกู่เฟิงเองก็ร้ายกาจ ความเจ็บปวดจากแขนที่ขาดนั้นกลับไม่ได้ทำให้เขาส่งเสียงสักแอะ เลือดที่ไหลออกจากแขนที่ขาดทำให้จอมมารคึกคักขึ้นอีก

เขากินแขนที่ขาดของกู่เฟิงหมดในไม่กี่คำแล้วโผไปทางราชาเทวะจื่อกวง

ราชาเทวะจื่อกวงตกใจ เบื้องหน้ามีจอมมาร เบื้องหลังมีราชามาร ถูกข้าศึกประกบทั้งหน้าหลัง ไม่สามารถหลบหลีกได้

“เส้าเทียน!” ราชาเทวะจื่อกวงหน้าซีดเผือดร้องลั่นด้วยเสียงสั่นเทา

ราชาเทวะกู่เฟิ่งใช้พลังเทพพันแขนที่ขาดเพื่อห้ามเลือด ทั้งกินยาฟื้นฟูลมปราณไปเม็ดหนึ่ง มองราชาเทวะจื่อกวงอย่างเย็นชา ไม่ได้คิดจะลุกขึ้นไปช่วยเหลือแต่อย่างไร

อีกด้านหนึ่งราชาเทวะเส้าเทียนก็ผุดความคิดสังหารขึ้น

เขาไม่คิดช่วยจื่อกวง แต่หากให้เขาตายไปเช่นนี้ ก็จะทำให้จุดยึดที่สามถูกทำลาย ราชาเทวะเหว่ยอี้ตายไปแล้ว ไห่เทียนก็ตายไปแล้ว หากจื่อกวงตายอีก เจ็ดจุดยึดใหญ่ก็จะหายไปแล้วสามจุด แทบจะเสียความได้เปรียบไปครึ่งหนึ่ง เวลานั้นพวกเขาจะสังหารราชามารได้อย่างไร

ที่สำคัญที่สุดคือราชามารแข็งแกร่งเช่นนี้หากปล่อยให้เขาฝ่าค่ายกลออกไปได้พวกเขาทั้งหมดนี้มิต้องตายที่นี่กันทั้งหมดหรือ

“จั๋วอวี่รีบช่วยเขาเร็ว!” เส้าเทียนถอนตัวไม่ทันจึงต้องสั่งราชาเทวะจั๋วอวี่ที่อยู่ใกล้ราชาเทวะจื่อกวงมากที่สุด

จั๋วอวี่ร้องโอดโอยในใจ ตัวเองยังจะเอาชีวิตไม่รอด จะเอาเวลาว่างที่ไหนไปช่วยคนรักตัวกลัวตายอย่างจื่อกวง เพียงแต่ความร้อนรนของเส้าเทียนนั้นเขาเองก็ เข้าใจ หากจื่อกวงตายอีกค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารก็จะเหลือแต่ชื่อ ถึงเวลานั้นแล้วในแดนมาร ราชามารเพียงแค่ยกแขนโบกมือ พวกเขาก็ต้องตายเป็นแน่แท้

พวกเขามาเพื่อฆ่าคนไม่ใช่มาเพื่อให้คนฆ่า!

หลังจากคิดคำนวณผลได้ผลเสียในสมองอย่างรวดเร็ว ราชาเทวะจั๋วอวี่กัดฟันหลบออกจากการพัวพันของจอมมาร ปล่อยอาคมหนึ่งไปทางราชาเทวะจื่อกวง

อาคมของดินแดนจั๋วอวี่ใช้กฎบัญญัติแห่งไฟเป็นหลัก อาคมของราชาเทวะจั๋วอวี่ทำให้เกิดกำแพงเพลิงมากมายคุ้มครองราชาเทวะจื่อกวงไว้ภายใน ขัดขวางจอมมารไม่ให้เข้าใกล้

แน่นอนว่าขวางทางซือมั่วไว้ด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เขานึกไม่ถึงเลยว่า ขณะที่เขาเพิ่งปล่อยอาคมออกไป ซือมั่วก็มาปรากฎตัวต่อหน้าเขาทันที

ซือมั่วยิ้มเรียบๆ รอยยิ้มนั้นราวกับชินชาต่อความเป็นความตาย “เทียบกับการสังหารคนที่หมดสิ้นกำลังใจสู้รบ ข้ากลับสนใจการสังหารคนที่ยังมีกำลังสู้รบ

มากกว่า”

เขาเพิ่งพูดจบ ฝ่ามือก็ฟาดลงมาจากด้านบนทันที

ราวกับมีภูเขาหมื่นพันทับอยู่บนตัวราชาเทวะจั๋วอวี่ในทันที นํ้าหนักที่ยากต่อการแบกรับนั้นกดทับจนราชาเทวะจั๋วอวี่ตกลงจากท้องฟ้า

“อา!” ราชาเทวะจั๋วอวี่ร้องเสียงดังเคร่งเครียดจนมือไม้สั่นไปหมด

แต่ขณะที่เขากำลังตกลงมา จอมมารที่ไล่ตามจื่อกวงไม่สำเร็จและหนึ่งในจอมมารที่พัวพันราชาเทวะเซวียนเช่อก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งไปทางเขาแทน

เคี๊ยกๆๆๆ!

จอมมารหัวเราะเสียงแปลกประหลาด โผไปที่ราชาเทวะจั๋วอวี่ ไอมารห่อหุ้มเขาเป็นชั้นๆ จนหมดในพริบตา

เผละ!

เลือดเนื้อสาดกระจายไปทั่วบริเวณ

นี่เป็นเพียงเรื่องในพริบตาเดียวรวดเร็วจนไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ทัน

พอราชาเทวะจั๋วอวี่ตาย อาคมของเขาย่อมสูญสิ้นไปทำให้กำแพงเพลิงหายไป ราชาเทวะจื่อกวงเห็นภาพที่ราชาเทวะจั๋วอวี่ถูกกลืนกินเข้าก็หวาดกลัวจนมีนํ้า อุ่นๆ ไหลลงมาจากหว่างขา

“ราชามาร! เจ้ากล้าสังหารราชาเทวะเผ่าเทพของข้าเช่นนี้” เส้าเทียนโมโหโกรธาเหลือแสน

ซือมั่วแค่นยิ้มอย่างดูแคลน “ราชาเทวะเผ่าเทพจะเป็นหรือตาย เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”

“เจ้า! เจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดสงครามเทพมารหรือ” เส้าเทียนตำหนิอย่างโกรธเคือง

ซือมั่วพูดอย่างเย้ยหยันว่า “นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ของพวกเจ้าในการมาวันนี้หรือ”

ทันใดนั้นสีหน้าซือมั่วเครียดขึ้น ราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาหันหลังกลับทันควัน มีภัยที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนลอบโจมตีเขา ขณะเดียวกันมีเงาดำพุ่งโฉบไปทางธงวิญญาณมารของเขา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!