Skip to content

พลิกปฐพี 797

ตอนที่ 797

อามั่ว ข้าไม่อยากรอแล้ว

เหลียนเฉียว…

มู่ชิงเกอเอ่ยเงียบๆ ในใจ ความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกวนเวียนอยู่ในใจไม่จางหายไป

เหลียนเฉียวบอกว่าเป็นสิ่งที่นางสมควรทำ

แต่มู่ชิงเกอก็ยังคงรู้สึกละอายใจอยู่ดี

นางกอดซือมั่วไว้ไม่ยอมคลายออก ให้ซือมั่วฟังเสียงหัวใจเต้นของนางตลอดเวลา รอให้เขาฟื้นขึ้นมา

ท่ามกลางความสะลืมสะลือ ซือมั่วรู้สึกว่าตัวเองราวกับผ่านการรบครั้งใหญ่มา ระหว่างการรบเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

ขณะที่เขาจวนเจียนจะสิ้นชีพ เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาก็มาแล้ว

เขาเห็นเสี่ยวเกอเอ๋อร์กังวลใจเพราะเขา ท่าทางตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เห็นความกลัวและความสิ้นหวังในดวงตาของนาง

‘ข้าทำให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ต้องกังวลใจ สมควรตายจริงๆ’ ซือมั่วด่าตัวเองในใจ

เขานึกขึ้นได้ด้วยว่า เพื่อช่วยให้เขาขึ้นคืนกลับมา มู่ชิงเกอถึงขนาดใช้เลือดตัวเองป้อนเขา คิดอยากให้เขาฟื้นฟูพลังชีพ ภาพต่างๆ เหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองของเขา ทำให้เขาไม่อยากจากไปเช่นนี้ไม่อยากเห็นท่าทางมู่ชิงเกอเสียใจจนไม่ขอมีชีวีตอยู่ต่อไป เขาลืมตาขึ้นมาทันที

แต่พอลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่มู่ชิงเกอที่เขาอยากพบมากที่สุด แต่เป็นความสับสนยุ่งเหยิง

สถานที่นี้เขาคุ้นเคยมาก!

ระหว่างที่ปิดประตูบำเพ็ญอยู่นั้น เขามาที่นี่ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว คิดจะผลักประตูบานยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในความเลือนรางนั้น

ทิวทัศน์ภายในประตูดึงดูดใจเขาตลอดเวลา ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าภายในร่างกายตัวเองมีพลังมหาศาลทะลักเข้ามา แทรกซึมไปยังทุกส่วนของร่างกาย ทำให้ตบะบำเพ็ญกลับคืนสู่ระดับสูงสุดในพริบตา กระทั่งยังมีความคืบหน้าขึ้นอีก พลังภายในที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งผลักดันให้เขาพุ่งขึ้นหน้าไป ปัดสิ่งกีดขวางในความพร่ามัวนั้นออกจนได้เห็นประตูบานยักษ์ที่ปิดสนิทนั้นอีกครั้งหนึ่ง

‘ครั้งนี้ข้าจะกระแทกมันให้เปิดออกได้หรือไม่นะ’ ซือมั่วถามตัวเองในใจ

ร่างกายเขาแปลงเป็นมังกรดำตัวหนึ่งและคำรามลั่น พุ่งเข้าชนประตูยักษ์ที่ปิดแน่นด้วยอานุภาพรุนแรงสะเทือนฟ้า

ปัง!

ปัง ปัง! จากการชนกระแทกติดต่อกันหลายครั้งประตูยักษ์ที่ปิดแน่นก็ค่อยๆ แง้มออกเป็นช่องช่องหนึ่ง

ภายในช่องว่าง เหมิงเหมิงกับหยวนหยวนต่างมองประตูใหญ่ห้องปรุงยาด้วยความกังวล

ประตูใหญ่ปิดแน่นตลอดเวลา พวกเขาอยากเข้าไปดู แต่ก็เกรงจะรบกวนมู่ชิงเกอทำให้นางโมโห

สุดท้ายแล้วจึงได้เพียงเฝ้ารออยู่ที่นี่ รอให้นางออกมา

ภายในห้องปรุงยามู่ชิงเกอยังคงกอดซือมั่วอยู่ เลือดที่อาบร่างทั้งคู่แห้งไปหมดแล้ว ภายในห้อง ยังคงมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ หลงเหลืออยู่

สติมู่ชิงเกอบอกนางว่าเวลานี้อาการซือมั่วไม่น่าเป็นห่วง แล้วนางควรจะไปยกนํ้ามาสักอ่างหนึ่ง เพื่อชำระล้างร่างกายเขา เช็ดรอยเลือดออกไป

แต่นางไม่อยากขยับ ราวกับเกรงว่าหากตัวเองขยับซือมั่วก็จะหายไปจากอ้อมอกของนาง

นางนั่งอยู่อย่างเงียบสงบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่จนไม่สนใจสิ่งอื่นๆ

ขณะที่ซือมั่วลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นคือมู่ชิงเกอที่กำลังครุ่นคิดจริงจัง หูของเขายังได้ยินเสียงหัวใจเต้นของนาง ทำให้ใจของเขาเริ่มอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วนอนอิงอยู่กับอกมู่ชิงเกอและเรียกเสียงเบา

เขารู้สึกได้ว่าร่างของมู่ชิงเกอเกร็งขึ้น พร้อมกับศีรษะที่ค่อยๆ เอียงมา ในที่สุดสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติ

มู่ชิงเกอเพียงมองเขาจ้องนัยน์ตาสีอำพันของเขา ดวงตาที่ใสกระจ่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนุ่มนวล นางพูดช้าๆ ว่า “ข้ากำลังคิดว่าครั้งนั้นเพื่อช่วยข้า เจ้าใช้ศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนทำให้เกิดเคราะห์กรรมเป็นตายคราวนี้ ต้นเหตุจากศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนผลลัพธ์คือเคราะห์กรรมเป็นตาย เพราะข้าเป็นต้นเหตุศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนก็คือผลลัพธ์ เหลียนเฉียวบอกว่าโอกาสรอดของเจ้าคือเก้าตายหนึ่งเป็น ข้าคือทางรอดสุดท้ายของเจ้า เพราะเรื่องนี้ เกิดจากข้าก็ต้องจบลงเพราะข้า เคราะห์กรรมเป็นตายของเจ้านับว่าผ่านพ้นไปแล้วสินะ”

มุมปากซือมั่วค่อยๆ ยกขึ้น เขายกมือขึ้น นิ้วที่ยาวเรียวเกี่ยวผมที่ห้อยอยู่ของมู่ชิงเกอ “ยินดีด้วย เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้าเริ่มเข้าถึงวิถีเหตุและผลลัพธ์แล้ว”

“วิถีเหตุและผลลัพธ์…” มู่ชิงเกอพึมพำ

“เป็นและตาย ต้นเหตุและผลลัพธ์ เวียนว่ายตายเกิดเป็นสามวิถีใหญ่ หลังเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว กฎบัญญัติลม ไฟ สายฟ้า นํ้า ไม้ ทอง ดิน ไม่เพียงพอที่จะเป็นวิถีแล้ว ส่วนวิถีใหญ่ทั้งสามที่รับรูได้ยากมากที่สุดก็คือต้นเหตุและผลลัพธ์” ซือมั่วพูดช้าๆ

เสียงของเขาเบามาก แต่พอเข้าถึงหัวใจของม่ชิงเกอแล้วกลับดังราวรัวกลอง

ต้นเหตุ-ผลลัพธ์! ต้นเหตุ-ผลลัพธ์!

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจลึกๆ นางถามว่า “เวลานี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

ซือมั่วยอมลุกขึ้นจากอ้อมอกนางแล้ว ไม่สนใจคราบเลือดของทั้งคู่ กอดนางไว้แนบอก ปลายคางถูเส้นผมบนศีรษะนางเบาๆ

“เวลานี้ข้าดีเสียจนดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ข้าก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าขั้นบรรพเทพแล้วเหลือเท้าอีกเพียงข้างเดียว การจะเข้าไปได้จึงเหลือปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น เพียงแต่จิตใจข้าอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าทำร้ายตัวเองมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร” ซือมั่วถามเสียงเครียด เวลานี้ภาพในสมองของเขา ภาพที่มู่ชิงเกอทำร้ายตัวเองปล่อยให้เลือดไหล ยังคงติดแน่นอยู่ในใจ การต่อว่าต่อขานของซือมั่วนั้น มู่ชิงเกอได้คาดไว้ก่อนแล้ว

นางไม่ได้รับคำ แต่เปลี่ยนหัวข้ออย่างชาญฉลาด “อามั่ว ข้าไม่อยากรอต่อไปอีกแล้ว”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นในอ้อมกอดซือมั่ว พูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าจะเพื่อเหลียนเฉียวหรือเพื่อข้า หรือเพื่อเหตุผลที่อ้างสัจธรรมมากมาย ข้าล้วนจะต้องสร้างเก้าชั้นฟ้ากลับขึ้นมาอีกครั้ง ปิดบัญชีสุดท้ายกับคนเหล่านั้น”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์แค้นแทนข้า จะแก้แค้นแทนข้าหรือ” ซือมั่วจ้องนาง ถึงแม้ว่ามู่ชิงเกอจะไม่ได้พูดถึงเรื่องครั้งนี้ แต่ซือมั่วก็ยังรับรู้ได้ว่า ที่จู่ๆ นางไม่สามารถรอต่อไปได้นั้น เป็นเพราะอะไร

“ใช่และไม่ใช่ ข้ากับพวกเขาต้องคิดบัญชีเก่ากันอยู่แล้ว เรื่องครั้งนี้เพียงแค่เร่งความเร็วให้มากขึ้นเท่านั้น” มู่ชิงเกอตอบเขาอย่างจริงจัง

ซือมั่วอยู่ตรงหน้านางโดยไม่บุบสลาย นางจึงสามารถกลับมาตัดสินปัญหาด้วยความคิดที่เยือกเย็นได้อีกครั้ง

“ได้ เจ้าคิดจะทำอย่างไรก็ไปทำเถอะ ทุกอย่างมีข้าอยู่” ซือมั่วไม่ได้ห้ามปราม เพียงแต่ตามใจนางเช่นเดิม

ปล่อยให้นางทำตามอิสระ

เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรก็มีเขาอยู่เบื้องหลังนาง

ถึงแม้นางจะทะลวงจนฟ้าทะลุ เขาก็จะช่วยนางแบกรับทุกอย่างไว้ไม่ให้นางต้องมีอันตรายแม้เพียงน้อยนิด

“อามั่วข้ากลัวมาก ข้าไม่เคยกลัวเท่านี้มาก่อน…” มู่ชิงเกอเก็บงำความแข็งแกร่ง บอกซือมั่วถึงความรู้สึกในใจอย่างจริงจัง

“ขอโทษด้วย ที่ทำให้เจ้าเป็นกังวล” ซือมั่วพูดด้วยความรักท่วมท้น

ทำไมเขาจะไม่กลัว เขากลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาอีก กลัวว่ามู่ชิงเกอจะทำเรื่องโง่ๆ กลัวว่ เวลาเขาไม่อยู่แล้วจะไม่มีใครคอยให้ท้ายนางอีก

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ สองมือนางประคองใบหน้าซือมั่ว ใช้นํ้าเสียงจริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนว่า “ดังนั้น เจ้าจะต้องรับปากข้าว่าจะไม่ให้ตัวเองเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นอีก ห้ามเจ้าตายก่อนข้าเด็ดขาด!”

ห้ามเจ้าตายก่อนข้าเด็ดขาด!

ซือมั่วสั่นสะท้าน!

เขาชะงักงัน มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง เขาฟังออกถึงการร้องขอในคำพูดนาง ทั้งหวาดหวั่น ทั้งแฝงด้วยการบีบบังคับ

ที่สำคัญที่สุดคือ เขาฟังออกถึงความใส่ใจที่มู่ชิงเกอมีต่อเขา

“เจ้ารับปากข้าสิ!” มู่ชิงเกอบีบบังคับเขา

ซือมั่วผ่อนความรู้สึกลงแล้วยิ้มให้นาง “พวกเราล้วนไม่ต้องตาย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version