ตอนที่ 800
รอก่อน ข้าจะมาอีก!
ริมแม่นํ้าเมิ่งหลาน นํ้าแม่นํ้าที่ขุ่นดำมาสิบกว่าปีได้กลับคืนสู่ความใสสะอาดหลังจากกองทัพเผ่าอี้ถอยร่นไป ภาพที่น่ามหัศจรรย์นี้ เหล่าทหารเผ่ามารเห็นแล้วต่างพากันโล่งอก
อย่างน้อยกองทัพเผ่าอี้ก็ได้ถอยทัพไปแล้วจริงๆ
มู่ชิงเกอกับซือมั่วยืนเคียงคู่กันนิ่งอยู่บนฟ้า รอบบริเวณถูกเมฆหมอกบดบัง แต่สามารถเห็นท่าทีของคนบนกำแพงเมืองได้อย่างชัดเจนไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร
“สงบลงได้ในที่สุด” หยวนฟงถอนใจ อารมณ์ที่ขมึงตึงมาสิบกว่าปีผ่อนลงได้ในที่สุด
เขาเป็นแม่ทัพที่ประจำการอยู่ริมแม่นํ้าเมิ่งหลาน คุ้นเคยกับสภาพการณ์แม่นํ้าเมิ่งหลานยิ่งกว่าอื่นใด สิบกว่าปีนี้ นํ้าแม่นํ้าเมิ่งหลานขุ่นดำตลอดเวลา ความกังวลในใจไม่เคยผ่อนลงเพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น
“เผ่าอี้เจ้าเล่ห์วิธีการพิสดาร การดูแลชายแดนก็ยังต้องระมัดระวังให้มาก เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามาลอบจู่โจมอีก” ชิงเจ๋อเตือนไว้
หยวนฟงเม้มปากผงกศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งครัดอย่างยิ่ง
โห่วมาถึงที่นี่ก่อนและได้นำข่าวว่าซือมั่วปลอดภัยมา แจ้งให้ทุกคนทราบแล้ว ดังนั้นเวลานี้เรื่องที่เหล่าเจ้าเมืองย่อย ทั้งกู่หยากับกู่เย่ หยวนฟง หวงฝู่ฮ่วน เฉินปี้ เฉิงสนใจมากที่สุดนั้นล้วนเป็นเรื่องเผ่าอี้
“พวกเราไปเถอะ” ซือมั่วเอ่ยขึ้นกะทันหัน แต่ไม่ได้พามู่ชิงเกอลงไปที่กำแพงเมืองกลับพานางหันกายจากไป
มู่ชิงเกอพูดด้วยความสงสัย “พวกเราไม่ลงไปหรือ”
“ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราจะลงไปทำไมให้คนมารบกวน” ซือมัวพูดเรียบๆ
“แต่พวกเขาต่างเป็นห่วงเจ้ามาก อย่างไรก็ต้องโผล่หน้าไปให้เห็นสักหน่อยไหม” มู่ชิงเกอพูดอีก ซือมั่วหันมอง นัยน์ตาสีอำพันตกลงที่ตัวนาง จนมู่ชิงเกอนึกสงสัย ครู่หนึ่งเสียงทุ้มตํ่าของเขาจึงเอ่ยถามออกมาด้วยนํ้าเลียงตัดพ้อว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์พวกเราจากกันมานานเพิ่งได้พบกัน ทั้งเพิ่งผ่านความเป็นความตายกันมา เจ้ายังคิดอยากให้มีคนมารบกวนเราอีกหรือ”
เอ่อ…
นางย่อมไม่คิดอยู่แล้ว มู่ชิงเกอกลืนคำพูดที่กำลังจะออกจากปากลงไป ยอมตามใจซือมั่ว บอกตัวเองว่า ‘ไหนๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว จะลงไปให้คนล้อมหน้าล้อมหลังอีกทำไม’
“วางใจเถอะ ข้าแจ้งข่าวให้กู่หยากับกู่เย่รู้แล้ว” ซือมั่วพูดอีก นำมู่ชิงเกอออกจากริมแม่นํ้าเมิ่งหลานทันที
พอพวกเขาไปแล้ว กู่หยากับกู่เย่ก็สบตากัน สายตาทั้งคู่ต่างแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ
เห็นได้ชัดว่าต่างได้รับการถ่ายทอดเสียงแล้ว
“องค์ราชาปลอดภัยแล้ว ขณะนี้อยู่ด้วยกันกับพระชายา ทุกคนไม่ต้องกังวล” กู่เย่เอ่ยบอก
คำพูดเดียวกันนี้ เมื่อครู่นี้ขณะโห่วมาถึงก็ได้บอกไปแล้ว แต่เวลานี้ให้กู่เย่ที่ซือมั่วไว้ใจอย่างที่สุดเป็นคนพูดออกมา ผลที่ได้รับย่อมต่างกัน
คำพูดของเขาทำให้เหล่าเจ้าเมืองย่อยต่างรู้อยู่แก่ใจ สายตาที่สบกันนั้นมีประกายกรุ้มกริ่มเล็กน้อย
อืม ต่างก็เป็นผู้ชาย ได้พบพระชายาที่งดงามหยาดเยิ้มกว่าใครในใต้หล้า พวกเขาย่อมเข้าใจการกระทำขององค์ราชาอยู่แล้ว!
อืม อืม เข้าใจ!
“พวกเราจะไปไหน” มู่ชิงเกอถามด้วยความอยากรู้ ซือมั่วจูงมือนางแน่นตลอดเวลา เกาะกุมแน่นทั้งสิบนิ้ว เมื่อได้ยินที่นางถาม เขาจึงหันมามองแล้วยิ้มออกมา “เจ้ามาแดนมารสองครั้ง ทุกครั้งล้วนต้องรีบร้อน ทิวทัศน์ที่สวยงามของแดนมาร เสี่ยวเกอเอ๋อร์คงยังไม่เคยได้ชมใช่ไหม”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ มู่ชิงเกอก็ซักสนใจ ยิ้มพยักหน้า
“วันนี้ข้าจะพาเจ้าชมทิวทัศน์บนฟ้านี้ก่อนเป็นอย่างไร คราวหลังค่อยใช้เท้าทั้งคู่ของเราเดินยํ่าพื้นที่นี้ให้ทั่วทั้งหมด” ซือมั่วว่า
“ได้” มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ นัยน์ตาผุดรอยยิ้มราวกับแสงดวงดารา
แดนมารรกร้างกว้างใหญ่มาก ซือมั่วรู้ว่ามู่ชิงเกอจะอยู่ในแดนมารไม่นานนัก เนื่องจากนางยังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ทั้งเขาก็ยังมีเรื่องที่ตัวเองต้องจัดการด้วย ตังนั้น เขาจึงทำได้เพียงพานางไปชมทิวทัศน์ของแดนมารบนอากาศ แม้กระนั้นก็ยังไปได้เพียงพื้นที่ใกล้เคียง ไม่สามารถเห็นแดนมารได้ทั่วทั้งหมด ทั้งคู่มักจะแยกจากกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นคุณค่าเวลาอยู่ด้วยกันทุกครั้ง
มู่ชิงเกอปล่อยให้ซือมั่วพานางท่องไปทั่วฟ้าแดนมาร ก้มมองแผ่นดินภูเขาแดนมารไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ซือมั่วจึงนำนางลงไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
ยอดเขานี้ไม่ได้แปลกอะไร แต่ที่นี่จะเห็นทิวทัศน์ไปได้กว้างไกล เหมาะที่จะดูดวงอาทิตย์ตกในแดนมาร
ดวงอาทิตย์ตกหรือ
ขณะที่นัยน์ตามู่ชิงเกอสะท้อนภาพดวงอาทิตย์ตกยักษ์ เมื่อทั้งร่างอาบด้วยแสงอาทิตย์อัสดงแล้ว นางจึงรู้ตัวว่าวันหนึ่งได้ผ่านไปแล้ว
“เวลาผ่านไปไวจริงๆ” นางอดสะท้อนใจไม่ได้
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์มา” ซือมั่วดึงนางไปนั่งอยู่บนยอดเขา ทั้งคู่อิงแอบกัน
นางถูกซือมั่วกอดไว้แนบอก นั่งอยู่เบื้องหน้าเขา แผ่นหลังพิงหน้าอกที่กว้างใหญ่แข็งแรงของเขา ชื่นชมทิวทัศน์อาทิตย์ตกที่สวยงามเฉิดฉาย อาทิตย์ตกที่แดน มาร งามมาก งามมาก…
อาทิตย์ตกที่นี่ราวกับจะใหญ่กว่าที่แผ่นดินเทพ ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ทุกอย่างที่นี่ต่างเปล่งรัศมีสีม่วงอ่อนๆ ราวกับความฝันภาพจำแลง
ลมอ่อนๆ พัดโชยมา ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหว ทุกอย่างล้วนสงบสุขสวยงาม
“หลังเสี่ยวเกอเอ๋อร์กลับไปแล้ว ก็จะเริ่มเคลื่อนไหวเลยหรือ” ซือมั่วถามขึ้นกะทันหัน
ความคิดของมู่ชิงเกอถอยออกจากการชมอาทิตย์อัสดง พยักหน้าช้าๆ
“อืม ถ้ามีเวลาแน่นอนแล้วก็แจ้งให้ข้ารู้ข้าจะร่วมเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเจ้า” ซือมั่วพูดอย่างราบเรียบ
มู่ชิงเกอหันมองเขาแล้วถามว่า “เจ้าคิดจะทำอย่างไร”
นัยน์ตาสีอำพันของซือมั่วเกิดประกายแสงมืดดำ พูดช้าๆ ว่า “ราชาเทวะของเผ่าเทพ อาศัยจังหวะที่ราชามารปิดประตูบำเพ็ญแอบจู่โจมลอบสังหาร เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะเปิดสงครามสองเผ่าแล้ว”
“เจ้าจะก่อสงคราม!” มู่ชิงเกอสั่นสะท้าน
ซือมั่วจ้องนาง นัยน์ตาสีอำพันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ส่วนมู่ชิงเกอเห็นรอยยิ้มในนัยน์ตาเขา ก็เข้าใจความหมายเขา สักครู่หนึ่ง นางพยักหน้านิดๆ “ข้ารู้แล้ว รอให้ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้เจ้ารู้”
“ดี เช่นนั้นข้าจะเตรียมทัพใหญ่ไว้รอฟังข่าวจากเจ้า” ซือมั่วว่า
“ระหว่างเผ่าเทพมารไม่ใช่มีสิ่งกีดขวางหรือ จะรบกันได้อย่างไร” มู่ชิงเกอถาม
ซือมั่วกลับบอกว่า “สนามรบของเทพมารสองเผ่า ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเทพมาร”
ตาดำมู่ชิงเกอหดลง คิดในใจว่า ‘ท่าทางเรื่องบนแผ่นดินเทพมาร ยังมีอีกมากมายที่ข้าไม่รู้’
“ความจริงที่ข้ากังวลมากกว่าคือเผ่าอี้ เมื่อครู่บนกำแพงเมือง ท่าทีของพวกเขานั้นเจ้าเองก็เห็นแล้ว พวกเขาต่างหวาดหวั่นเผ่าอี้มาก เผ่ามารยังเป็นเช่นนี้ เผ่าเทพก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากัน” แววตามู่ชิงเกอผุดความหนักใจออกมา
ซือมั่วเห็นด้วยเอ่ยว่า “เผ่าอี้นั้นน่าเป็นห่วงจริงๆ หากจะขจัดปัญหาให้สิ้นซากจริงๆ ก็ต้องดูว่าเมื่อไรที่เทพมารสองเผ่าเป็นพันธมิตรร่วมกันต่อสู้”
‘ใช่แล้ว เทพมารสองเผ่าหากยังคงต่อสู้ต่อไป รังแต่จะทำให้เผ่าอี้ฉวยโอกาสเล่นงานได้’ มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจ
หากเผ่าอี้เข้ารุกราน สูญเสียบ้านเมืองพื้นที่ ใครก็หนีไม่รอด
สองตามู่ชิงเกอหรี่ลง เหตุผลนี้นางซึ่งเคยเป็นทหารย่อมจะเข้าใจดี
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะไปแล้วหรือ’’ซือมั่วพูดขึ้นกะทันหัน มู่ชิงเกอชะงักไป