ตอนที่ 819
ราชาเทวะพวกเราบอกแล้ว
หากบอกว่าไม่ตื่นตะลึงนั้นคงเป็นเรื่องโกหก!
เขาปู้โจวเป็นเพียงเทพนิยายที่มีในความทรงจำของมู่ชิงเกอเมื่อชาติก่อน
แต่ขณะที่นางเห็นเสาดารานี้กับตาตัวเอง นางก็เอ่ยชื่อนี้ออกมาจากจิตใต้สำนึกได้ในทันที
มู่ชิงเกอค่อยๆ เข้าไปใกล้พิจารณาดูเสาดาราที่ราวกับกำลังสงบนิ่ง ในเวลาเพียงพริบตาเดียวนั้น นางรู้สึกราวกับตัวเองพบรากเหง้าของโลก
ปัง!
ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดินขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัดอย่างที่สุดนั้นทำให้มู่ชิงเกอตกใจจนผวา
ขณะที่เกิดเสียงดังขึ้นมา มู่ชิงเกอก็เห็นชัดเจนว่าแสงดาวที่พ่นออกมาจากเสาดารานั้นตกลงไปอยู่ในที่ที่แสนไกลกลายเป็นกลุ่มเมฆดาว
ภาพนี้ทำให้มู่ชิงเกอเบิกตาโต
ในดวงตาที่ใสกระจ่างของนางคู่นั้นเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน นางไม่ใช่มู่ชิงเกอคนเดิมแต่เป็นดวงวิญญาณจากชาติก่อน ในชาติก่อนของนางนั้นในการ สำรวจจักรวาลผู้คนสามารถมองเห็นถึงมุมหนึ่งของจักรวาลได้แล้ว
ขณะที่นางมองเห็นเมฆดาวกลุ่มนั้น นางพลันรู้สึกได้ในทันทีว่านั้นคือลักษณะแรกของการกำเนิดจักรวาล
หากเสาดาราที่เปิดโลกแห่งความว่างเปล่านี้ก็คือแกนกลางของจักรวาล ทุกครั้งที่มันพ่นออกมาจะเกิดกลุ่มเมฆดาว ภายในเมฆดาวมีดาวฤกษ์ที่ให้แสงสว่าง ให้ความร้อน มีดาวเคราะห์ที่มีส่วนสำคัญของกระบวนการกำเนิดชีวิต รวมทั้งพวกที่มีแต่ความตายซาก…
มู่ชิงเกอรู้สึกถึงความเวิ้งว้าง นางไม่รู้ว่าภาพที่นางเห็นนี้ เป็นจุดแรกกำเนิดหรือไม่ ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าจากสิ่งที่เห็นนี้จะสามารถรับรู้หลักวิถีใหญ่อะไรได้
แต่ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ ในเมื่อนางสามารถขึ้นได้ถึงขั้นที่ 98 สามารถเห็นภาพเหล่านี้ได้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์แน่นอน
วิญญาณของมู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในอวกาศอันว่างเปล่า รอบๆ ล้วนมืดสนิท เสาดาราเบื้องหน้า ยังคงสวยงามเฉิดฉายอย่างยิ่ง
นางไม่ได้ตั้งใจคิดอะไร เพียงนั่งอยู่เงียบๆ เช่นนี้ ดูการพ่นของเสาดาราแต่ละครั้ง การก่อตัวของกลุ่มเมฆดาวทีละกลุ่ม
ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไร นางรู้สึกว่าเมฆดาวรอบๆ ต่างรวมตัวเป็นผืนเดียวกัน ส่วนนางเวลานี้ก็อยู่ท่ามกลางเมฆดาวเหล่านี้
ราวกับว่าเพียงนางยกมือก็จะสามารถรับรู้ถึงแสงดาวที่วิ่งผ่านนิ้วของนางไปได้
ทันใดนั้นแสงดาวที่มีอยู่เป็นแถบๆ ก็พลันมืดสลัวลงไป ตั้งแต่เริ่มกำเนิดจนเบ่งบาน จนเจริญเต็มที่แล้ว ค่อยๆ ร่วงโรย สูญสลายอยู่ในความว่างเปล่านั้น
เสาดารานั้นพ่นเมฆดาวใหม่ออกมาไม่หยุด ท่ามกลางความว่างเปล่าที่ไม่สิ้นสุดนั้นก็มีเมฆดาวนับไม่ถ้วนที่มืดสลัวลง
หมุนเวียนไม่หยุด ซํ้าๆ ซากๆ…
“นิรันดร์!” ริมฝีปากของมู่ชิงเกอพลันเอ่ยคำนี้ออกมา
แววตานางเปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้นมา แสงสว่างของเสาดารา ฉายภาพอยู่ในนัยน์ตานาง เปลี่ยนแปลงไม่หยุด นางเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของเมฆดาว และพบเห็นการคงอยู่ไม่สิ้นสุดของเสาดารา
เมื่อเปรียบเทียบกับเมฆดาวแล้ว เสาดาราก็คือการคงอยู่อย่างไม่สิ้นสุด นั่นก็คือนิรันดร์!
ในพริบตาเดียวนั้น มู่ชิงเกอรู้สึกว่าภายในเสาดารา ซ่อนความลับของความเป็นนิรันดร์ไว้ นางพุ่งไปที่เสาดาราโดยไม่รู้ตัว
นางต้องการไปดูว่า ภายในเสาดารานั้นมีอะไร!
แต่ขณะที่นางทุ่มสุดกำลังพุ่งเข้าไปในเสาดารานั้นกลับถูกพลังที่แข็งแกร่งดีดกลับออกมา
วิญญาณนางถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลืมตา นางถึงขนาดอยู่นอกแสงแห่งวิถี!
นัยน์ตามู่ชิงเกอเย็นเฉียบ นางมองไปที่แสงแห่งวิถี
ในแสงแห่งวิถียังมีเงาร่างคนอยู่หกคน ย่อมเป็นพวกชูเนี่ยนกับเป่ยเหยียนหกคน พวกเขานั่งขัดสมาธิ ราวกับกำลังรับรู้อยู่ ส่วนนางถูกแสงแห่งวิถีดีดออกมาแล้ว
มู่ชิงเกอสีหน้าเย็นเฉียบ นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด
นางรู้สึกได้ว่าชั่วขณะที่นางถูกดีดออกมา ที่พลังนั้นดีดนางออกมาเพราะว่านางค้นพบความลับที่ไม่อาจให้คนล่วงรู้ได้
กระทั้งนางยังมีความรู้สึกว่า หากนางสามารถขึ้นไปได้ถึงขั้น 99 นางก็จะสามารถเข้าไปถึงภายในเสาดาราเพื่อเห็นความลับที่แท้จริงได้
‘ช่างเถอะ ครั้งนี้ถูกเจ้าดีดออกมา แต่ข้าก็ยังจะกลับมาอีก’ มู่ชิงเกอคิดในใจ
การรับรู้ครั้งนี้ไม่ใช่จะไม่ได้อะไรเลย
นางได้เห็นแนวคิดของความเป็นนิรันดร์ ทั้งยังรั รู้ถึงลำดับของหลักวิถี
‘ลำดับ ก็คือการเรียง หลักวิถีหมื่นพัน แปลงร่างพันล้าน แต่ภายในนั้นแฝงอยู่ด้วยลำดับ’ มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจ
นางรู้สึกว่าหากนางสามารถหาพบการเรียงลำดับที่ถูกต้อง การรับรู้หลักวิถีของนางก็จะลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เช่นการเวียนว่าย การตายเกิด ต้นสายปลายเหตุ สามหลักวิถีใหญ่นี้ อะไรที่อยู่หน้าสุด อะไรอยู่ตรงกลาง อะไรอยู่ท้ายสุด
“ลำดับ…ลำดับ…” ปากมู่ชิงเกอพึมพำ คิ้วขมวดขึ้น
ปัญหานี้ราวกับถามว่า ไก่เกิดก่อนหรือไข่เกิดก่อนอย่างนั้น!
ขณะที่มู่ชิงเกอขบคิดอย่างเต็มที่ก็พลันมีแสงบินออกมาจากแสงแห่งวิถีมาตกอยู่ข้างร่างมู่ชิงเกอ แปลงเป็นชูเนี่ยน
“ชิงเกอ” ชูเนี่ยนยิ้มเรียกมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงรีบออกมานัก”
ชูเนี่ยนว่า “ข้ารู้สึกตัวแล้ว ก่อนนี้ใช้วิชาบำเพ็ญของเผ่ามนุษย์ เวลานี้ข้าใช้วิชาบำ เพ็ญของเผ่าเฟิ่งหวง ความจริงแล้ว แสงแห่งวิถีสำหรับข้ามีประโยชน์ไม่มาก
นัก”
มู่ชิงเกอพยักหน้า นางเดินไปที่เจดีย์หิน หยิบป้ายประจำตัวของตัวเองกับชูเนี่ยนแล้วเดินกลับมาข้างนาง ยื่นให้นาง “ในเมื่อออกมาแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”
“ไม่รอพวกเขาออกมาหรือ” ชูเนี่ยนถาม
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่รอแล้ว ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องต้องรีบทำ”
ชูเนี่ยนชักอยากรู้จึงตามมู่ชิงเกอจากไป ขณะผ่านจุดที่พวกเหยียนเสี่ยสี่คนนอนสลบกันอยู่ก็พบว่าพวกเขาหายไปกันหมดแล้ว
“ท่าทางพวกเขารู้ว่าหมดโอกาสอาบแสงแห่งวิถี อยู่ไปไม่มีประโยชน์ก็เลยจากไปก่อน” ชูเนี่ยนว่า
“อืม” มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ
ทันใดนั้น นางก็คว้ามือชูเนี่ยน มือขวาฉีกช่องว่างขาด แล้วพานางกระโดดเข้าไปท่ามกลางความประหลาดใจของชูเนี่ยน
ในเรืออากาศมีคนอยู่เพียงคนเดียวก็คือเหยียนเสี่ย
หลังจากเขาฟื้นแล้วก็เร่งรีบจากไปโดยไม่กล้าอยู่ต่อ เกรงว่ามู่ชิงเกอออกจากแสงแห่งวิถีแล้วจะมาหาเรื่องตัวเองอีก เขากลัว ยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่ชิงเกอ
“แค่กๆ” เหยียนเสี่ยนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรืออากาศ หยิบยาออกมายัดใส่ปากตัวเอง
สองตาที่เหี้ยมโหด เปล่งประกายความแค้นรุนแรง “มู่ชิงเกอ! เจ้าวางใจได้ข้าจะจดจำความอับอายในวันนี้ไว้ วันหน้าจะต้องให้เจ้าตายในมือข้าให้ได้!”
เหยียนเสี่ยพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าของเรืออากาศก็พลันเกิดรอยแยกออก ในนั้นมีสองเงาร่างกระโดดออกมาลงมาอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ
พอสองคนนี้ปรากฎตัว เหยียนเสี่ยก็ตกใจจนดีดตัวขึ้นมาจากดาดฟ้าเรือ
เขามองมู่ชิงเกออย่างหวาดหวั่น พูดเสียงสั่นเทาว่า “เจ้าๆๆๆ…เจ้าจะทำอะไร…”
มู่ชิงเกอยิ้ม สองมือไพล่หลังค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ตัวเขา
“ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงฉีกขาดช่องว่างแปลกนักหรือ”
เหยียนเสี่ยถลึงสองตา สูดลมหายใจเย็นวาบ มองมู่ชิงเกอด้วยความหวาดหวั่น
มู่ชิงเกอยิ้มพูดว่า “ราชาเทวะพวกเราบอกว่า พบเจ้าแล้วไม่ต้องปรานี”