ตอนที่ 826
เจ้าชื่อเหลียนเฉียว
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดมาจากท้องฟ้ายามคํ่าคืนลงไปบนยอดเขาเซียนเปิ่นเฉ่า
มู่ชิงเกอแหงนหน้า เดิมนึกว่าจะต้านทานเคราะห์อัสนี แต่ไม่นึกว่าหลังจากสายฟ้ารุนแรงมหาศาลจะฟาดลงไปที่ยอดเขาแล้วก็หายไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก
นี่ทำให้นางออกจะผิดคาดอยู่บ้าง กะพริบตาคอยสังเกตยอดเรียวแหลมของเขาเซียนเปิ่นเฉ่านั้น
และนึกในใจอย่างตกตะลึงว่า ‘สายล่อฟ้า!’
แน่นอนว่ายอดเขาเซียนเปิ่นเฉ่าไม่ใช่สายล่อฟ้า เพียงแต่ลักษณะใกล้เคียงมาก แต่บนนั้นจะต้องมีแร่โลหะอะไรอยู่จึงสามารถใช้เป็นตัวนำไฟฟ้าได้
การปรุงยาที่นี่จึงลดความเสี่ยงจากเคราะห์อัสนีได้อย่างมาก
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาอีกสองครั้งก็ยังคงถูกดูดซับโดยยอดเขาจนหมดสิ้น
แต่เคราะห์อัสนีราวกับบันดาลโทสะขึ้นมา
มันไม่ยอมถูกขวางกั้นโดยยอดเขาเหล่านั้น หลังจากพัวพันกันอยู่นานท่ามกลางความมืดแห่งราตรี ก็เกิดเคราะห์อัสนีนับไม่ถ้วนฟาดลงมาที่เขาเซียนเปิ่นเฉ่าทั้ง ลูก
เปรี้ยง ครืน!
เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว เกิดสายฟ้าถี่ราวกับตาข่ายขึ้นบนท้องฟ้า
ฉากเคราะห์อัสนีพิโรธนี้ทำให้อาจารยปรุงยาหลายร้อยคนตกใจจนสะท้าน สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนแปลงนึกอยากจะป้องกันเคราะห์อัสนีครั้งนี้ เพื่อไม่ให้พลาดพลั้งถูกสายฟ้าฟาดจนสิ้นชีพเข้า
ปัง!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากยอดเขา
ทุกคนรวมทั้งมู่ชิงเกอต่างแหงนหน้ามองไป ก็เห็นยอดเขาเรียวแหลมของเขาเซียนเปิ่นเฉ่าถูกสายฟ้าฟาดจนขาด
ส่วนที่ขาดหายไปถูกสายฟ้าฟาดจนแหลกเป็นผง หายไปจากสายตาของทุกคน
แต่แม้ยอดเขาเรียวแหลมจะหายไปแล้ว เคราะห์อัสนีก็ยังคงปรากฎอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้าที่กระจายไปทั่วภูเขา ทำให้ทั้งบริเวณรอบๆ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย
แววตามู่ชิงเกอ เย็นเฉียบยกมือขวาขึ้น ทวนหลิงหลงพุ่งออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะนาง หมุนวนไม่หยุด ดึงดูดสายฟ้ารอบบริเวณให้เข้ามาทั้งหมด
มู่ชิงเกอมีรากวิญญาณสายฟ้าอยู่แล้วแต่แรก ขณะที่หล่อหลอมทวนหลิงหลงนางตั้งใจใส่สายฟ้าของนางไว้ภายในด้วย ดังนั้น ‘สายล่อฟ้า’ ทวนหลิงหลงนี้จึง แข็งแกร่งกว่ายอดเขาธรรมชาตินั้นมากมายนัก
สายฟ้าต่างถูกทวนหลิงหลงดูดไปจนหมด ท้องฟ้าบริเวณที่โล่งนี้พลันกลายเป็นตาข่ายสายฟ้า
คนที่อยู่บนพื้นดินต่างมองทวนสีเงินด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ในใจต่างสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นทวนสีเงินนั้นก็พลันหมุนด้วยความเร็วสูงยิ่ง แปลงร่างเป็นหนุ่มน้อยรูปงามลํ้าเลิศ มุมปากเจือด้วยรอยยิ้ม สีหน้าท่าทางคล้ายคลึงกับมู่ชิงเกอหลายส่วน
รอบตัวเขามีสายฟ้าพัวพันอยู่แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“นี่คือยุทธภัณฑ์ชั้นจอมเทพ!” ป๋อเข่าร้องเสียงหลงออกมา
อีกทั้งยังมีจิตวิญญาณแห่งอาวุธที่แข็งแกร่งเช่นนี้อีก
“ฮึ! เจ้าเคราะห์อสนีพวกนี้ถึงขนาดกล้ามาขัดขวางลูกพี่ข้าปรุงยา ข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าเอง” หยวนหยวนแค่นหัวเราะแล้วพุ่งตัวออกไป นำสายฟ้าเหล่านี้พุ่งเข้าไปในท้องฟ้ายามราตรี
ราตรีที่มืดสนิทยังคงมีฟ้าแลบฟ้าร้อง แต่กลับไม่มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกเลย
เวลานี้ในหม้อผลาญสวรรค์ แว่วเสียงทารกแรกเกิดร้องออกมาอีกครั้ง เสียงร้องดังลั่นนี้ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาอีกหน
กลิ่นหอมของสมุนไพรตลบอบอวลไปทั่วเขาเซียนเปิ่นเฉ่า รอบหม้อผลาญสวรรค์บังเกิดแสงรัศมีเจ็ดสีครอบคลุมไว้
“อุแว้!” เสียงร้องดังขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ดังชัดกว่าครั้งก่อนๆ มาก เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นสีหน้าอาจารย์ปรุงยาก็พากันเปลี่ยนสี
โดยเฉพาะพวกอาจารย์ปรุงยาระดับจอมเทพ กระเป๋าจัดเก็บในมือพวกเขาซึ่งเก็บโอสถจอมเทพที่ถูกตราผนึกไว้เริ่มกระโดดโลดเต้นอย่างไม่เป็นสุขขึ้นมา
ความหวาดกลัวนี้ส่งตรงเข้าไปถึงจิตใจพวกเขาทันที
มีเพียงราชันย์โอสถจอมเทพเท่านั้นถึงจะทำให้โอสถจอมเทพหวาดกลัวมากมายถึงเพียงนี้ได้
“เขาปรุงออกมาได้แล้วจริงๆ หรือ”
เหล่าอาจารยปรุงยาไม่อยากเชื่อแต่จะไม่เชื่อก็ไม่ได้
“อุแว้!”
เสียงร้องไห้ของทารกแรกเกิดดังขึ้นมาอีก
ปัง!
ในหม้อผลาญสวรรค์นั้นเปลือกหุ้มเจ็ดสีถูกดันจนระเบิดออก หนูน้อยจํ้ามํ่ากระโดดออกมาจากหม้อผลาญสวรรค์ในทันที
พอนางปรากฎตัวก็คิดจะหนี แต่มู่ชิงเกอตาไว คว้าเท้านางได้จึงรวบนางเข้าไว้ในอ้อมอกอุ้มนางไว้แน่น
ทุกคนมองไปจึงพบว่าที่มู่ชิงเกออุ้มอยู่นั้น เป็นทารกหญิงอ้วนตุ๊ต๊ะผิวขาวเนียนผมดกดำราวกับรูปปั้นที่สลักเสลาอย่างประณีต
มู่ชิงเกอหยิบผ้าผืนหนึ่งมาห่อทารกน้อยไว้ลวกๆ ไม่ให้นางรู้สึกอับอาย
ทารกน้อยที่ถูกนางอุ้มไว้ มองนางด้วยใบหน้างุนงงและแววตาสุดแสนน้อยใจ
มู่ชิงเกอมองนางด้วยแววตาเย็นเฉียบพูดเรียบๆ ว่า “เจ้าเกิดจากเลือดของข้า ถ้าคิดหนีอีกข้าจะกินเจ้าเสีย”
พอนางข่มขู่เช่นนี้ทารกน้อยก็สะดุ้งสุดตัวแบะปากร้องไห้เสียงดังลั่นออกมา
พอนางร้องไห้ ตัวมู่ชิงเกอเองไม่มีปัญหา แต่อาจารย์ปรุงยาอื่นๆ กลับต้องรับเคราะห์
ยาที่พวกเขาปรุงไว้เรียบร้อยแล้วถึงแม้เก็บซ่อนอยู่ในกระเป๋าจัดเก็บล้วนพากันสลายกลายเป็นผงแป้งที่ไร้ค่าทันที
“อา! ยาของข้า”
“ยาของข้าก็หายไปแล้ว!”
ป๋อเข่าเอามือปิดขวดยาของตัวเองใช้พลังเทพคุ้มครองไว้อย่างแน่นหนา มองทารกน้อยที่มู่ชิงเกออุ้มไว้ในอ้อมอกด้วยความตื่นตกใจ พูดออกมาว่า “เป็นจิตโอสถที่อหังการอะไรเช่นนี้”
ราชันย์โอสถจอมเทพนั้นอาศัยจิตโอสถของมู่ชิงเกอเป็นวิญญาณ อาศัยเลือดเป็นปราณ อาศัยสมุนไพรเป็นเลือดเนื้อ มู่ชิงเกออหังการ นางจึงอหังการไปด้วย
“ราชาเทวะน้อยรีบให้ราชันย์โอสถจอมเทพหยุดร้องไห้ที”
“ราชาเทวะน้อย ขอร้องเถอะรีบให้ราชันย์โอสถจอมเทพหยุดร้องไห้ไม่เช่นนั้นผลงานพวกเราทั้งหมดต้องถูกทำลายย่อยยับแล้ว”
เวลานี้ทารกน้อยได้แสดงอานุภาพรุนแรงเช่นนี้ ยังจะมีใครสงสัยในฐานะของนางอีกหรือ
เจ้าสำนักวิถีโอสถยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตื่นเต้นตกใจ จนชาไปทั่วทั้งตัวริมฝีปากสั่นไม่หยุด เขารู้อยู่แล้วว่ามู่ชิงเกอจะต้องทำสำเร็จ
ให้นางหยุดร้องไห้หรือ
มู่ชิงเกอได้ยินเสียงอ้อนวอนร้องขอข้างหูแล้วขมวดคิ้ว รู้สึกลำบากใจเพราะนางหลอกเด็กไม่เป็น
คิดแล้วนัยน์ตานางก็เคร่งเครียดขึ้นมา เอามือปิดปากทารกน้อยและเตือนเสียงเย็นว่า “หุบปาก ขืนร้องอีก ข้าก็จะกินเจ้าเหมือนกัน”
ราชันย์โอสถจอมเทพถูกข่มขู่อย่างหนัก เสียงร้องไห้หยุดลงทันที ทำตาปริบๆ ด้วยความน้อยใจสุดแสน
พอถูกนางจ้องมองเช่นนี้มู่ชิงเกอก็ชักรู้สึกเขิน การข่มขู่ทารกน้อยคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจนัก ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ทารกน้อยธรรมดา แต่เป็นราชันย์ โอสถจอมเทพก็ตาม
คิดเช่นนี้แล้วมู่ชิงเกอจึงนึกจะถอนมือที่ปิดปากนางไว้
แต่พอนางจะถอนมือออก ราชันย์โอสถจอมเทพกลับตาไวปากไวอมนิ้วชี้ของนางไว้แล้วออกแรงดูด ทั้งยังแสดงอาการพึงพอใจอย่างยิ่ง ตากลมโตหรี่จน กลายเป็นเส้นโค้ง
นางไม่ได้ดูดเลือด เพียงดูดนิ้วชี้ตนเฉยๆ เท่านั้น แต่ก็ทำให้มู่ชิงเกอมีสีหน้าประหลาด สองแก้มแดงเรื่อ
ยอมทนให้นางดูดสักพัก มู่ชิงเกอจึงใช้แรงดึงนิ้วออกมา ไม่มองท่าทางน่าสงสารของเจ้าตัวจิ๋วอีก
นางมองไปที่คนอื่น เห็นพวกเขาต่างยุ่งอยู่กับการตรวจสอบความเสียหายของตัวเอง สำหรับเรื่องนี้ แล้วนางไม่รู้สึกผิดต่อพวกเขาแม้แต่นิดและไม่คิดจะขอ โทษด้วย
ก็ใครอยากให้นางปรุงราชันย์โอสถจอมเทพเล่า
เวลานี้ถือว่ากรรมตามสนองพวกเขาเอง
เจ้าสำนักวิถีโอสถเดินอย่างเชื่องช้าเข้ามาใกล้มู่ชิงเกอ เห็นหน้าตาของราชันย์โอสถจอมเทพที่นางอุ้มไว้ ในอ้อมอกอย่างชัดเจน หน้าตาจิ้มลิ้มสวยงาม จะว่า เหมือนเหลียนเฉียวก็ไม่เชิง หากจะว่าเหมือนมู่ชิงเกอก็ราวกับพอจะมีเค้าอยู่บ้าง
มู่ชิงเกอก้มหน้ามองราชันย์โอสถจอมเทพในอ้อมอกและบอกนางว่า “เจ้าชื่อเหลียนเฉียว”