Skip to content

พลิกปฐพี 866

ตอนที่ 866

ฉีกหนังหญิงงาม

คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้สีหน้าของหลียวนตกใจกลัวขึ้นมา ตอนนี้นางจนตรอกอย่างถึงที่สุดแล้ว ไหนเลยจะยังเหลือท่าทางของเทพหญิงสูงส่งนั่นอีก

เส้นผมที่ร่วงหล่นทำให้กลางกระหม่อมของนางปรากฎความล้านเลี่ยน เครื่องประดับศีรษะที่งามประณีตเหล่านั้นก็ร่วงลงมาทันที หล่นลงบนพื้น ส่งเสียงก้องกังวานออกมา

“กรี๊ดดด!” ร่องนิ้วหลียวนมีเส้นผมที่ร่วงหล่นของตนพันอยู่ มือทั้งคู่ของนางลูบขึ้นไปบนศีรษะของตัวเอง คิดอยากจะหยุดผมที่ร่วงลง ทว่าความพยายามกลับเปล่าประโยชน์อยู่ดี ๆ หญิงงามผู้หนึ่งกลับเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวเช่นนี้ภายใต้สายตาที่จับจ้อง หลียวนรู้สึกว่าแววตาที่มองนางรอบด้านล้วนเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“ยะ…อย่า…” หลียวนวิ่งหลบอยู่กลางตำหนักใหญ่ นางกลัวการเผชิญหน้ากับทุกคน นางใช้แขนเสื้อปิดบังรูปร่างหน้าตาของตนเอง อยากวิ่งหนี แต่ดันหมดหนทางจะออกจากสถานที่แห่งนี้ พลังเทพของนางไยไร้ซึ่งผลใด ๆ ในวินาทีนี้

“นึกไม่ถึงว่ายังมีวิชามารชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย” ราชาเทวะเฝินไห่กล่าวอย่างอดไม่ได้

แววตาที่มองหลียวนของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

“ใช่แล้ว แต่น่าเสียดาย วิชามารก็คือวิชามาร ไม่อาจรักษาให้คงอยู่ตลอดไป เมื่อหมดสิ้นแล้วก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นเช่นราชาเทวะเฟิ่งเทียนตอนนี้” มู่ชิงเกอกล่าวหยอกเย้า

ซือมั่วละสายตามองนาง ดวงตาสีอำพันสะห้อนใบหน้าด้านข้างของนางและยังมองเห็นความเย็นเฉียบในดวงตาของนาง ทว่าเขากลับรู้สึกหวานชื่นดั่งนํ้าผึ้ง

เพราะเขารู้ว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขากำลังแก้แค้นให้เขา เสี่ยวเกอเอ๋อร์คือจุดอ่อนของเขา ส่วนเขามีหรือจะไม่ใช่จุดอ่อนของเสี่ยวเกอเอ๋อร์ พวกเขาต่างก็เป็นคนใช้อำนาจเด็ดขาด เมื่อมีความรัก ก็จะต้องทุ่มแรงเต็มที่ ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้แม้แต่นิดเดียว

“ราชาเทะวะมู่ ความหมายของท่านคือ ที่จู่ ๆ ราชาเทวะเฟิ่งเทียน เปลี่ยนไปจนมีสภาพเหมือนผีเช่นนี้เป็นเพราะว่าใช้วิชามารเหล่านี้หรือ” ราชาเทวะเซียนเหนี่ยวถอยไปสองก้าวอย่างอดไม่ได้ มองหลียวนราวกับเป็นเชื้อโรค

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แดนเทพเฟิ่งเทียนคือการดำรงอยู่ที่พิเศษในแผ่นดินเทพสี่สมุทร

เพราะว่า ด้านในนั้นเต็มไปด้วยศิษย์หญิงที่มีโฉมงามดั่งบุปผา กระทั่งราชาเทวะก็เป็นหญิงเพียงผู้เดียวในหมู่ราชาเทวะทั้งสิบหกคน นอกจากนี้หลียวนยังเป็นเทพหญิงในดวงใจของเทพจำนวนไม่น้อย ทว่าตอนนี้กลับถูกฉีกหนังหญิงงามออกต่อหน้าพวกเขา เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์อย่างถึงที่สุด ในใจพวกเขาก็ยากจะทนรับเช่นเดียวกัน ยังมีอีกส่วนก็คือ หลียวนอาศัยวิชามารแขนงนี้มารักษาความงาม เช่นนั้นศิษย์ในดินแดนของนางเล่า จะอาศัยวิชามารแขนงนี้มารักษารูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามทั้งหมดด้วยหรือไม่ เมื่อคิดว่าหญิงงามประเภทนี้ อาศัย ‘ยา’ ที่กลั่นจากผู้ชายมารักษา หัวใจทุกคนก็เกิดความเกลียดชังปรากฎขึ้นมาเป็นพัก ๆ

“ไม่! ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่ได้ทำ!” หลียวนแก้ตัวเสียงดัง

แต่ว่า ตอนนี้เมื่อนางพูดก็พบว่า เสียงของตนเปลี่ยนเป็นแก่ชราไม่น่าฟัง แหบแห้งจนบาดหู

“ราชาเทวะ!” “ราชาเทวะ…! นางกำนัลรับใช้สองคนข้างกายนางก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“รีบพาข้าไป! รีบพาข้าไป!” ภายใต้ความหมดหวังและสับสน หลียวนทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่นางกำนัลรับใช้สองคนข้างกาย นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เหตุใดช่วงนี้ประสิทธิ์ภาพของธูปดอกนั้นจึงสั้นลงเรื่อย ๆ และเหตุใดจึงเสื่อมสภาพลงในเวลานี้ กระทั่งตอนนี้ นางคิดไม่ถึงเลยว่า ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการละเอียดรอบคอบที่มู่ชิงเกอวางแผนมานานแล้ว

แต่นางกลับลืมไปว่านางที่เป็นถึงราชาเทวะยังไม่มีทางออกห่างจากพื้นที่ที่ถูกซือมั่วกักขังได้ แล้วนางกำนัลสองคนนั้นจะทำได้อย่างไร

“หลียวน! นึกไม่ถึงว่าท่านจะเห็นแก่ตัว ทำเรื่องเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้ลงคอ ท่านยังคู่ควรกับตำแหน่งราชาเทวะอยู่อีกหรือ” มู่ชิงเกอ ตะโกนเสียงเย็นเยียบ

คำพูดนี้ของนางราวกับฟ้าร้องหนึ่งสายระเบิดดังอยู่เหนือศีรษะหลียวน สั่นสะเทือนจนแขนเสื้อกว้างที่นางใช้ปิดหน้าแหลกเป็นเสี่ยง ๆ เผยโฉมหน้าในตอนนี้ของนางออกมาทั้งหมด

อา!

ดวงตาทุกคนหดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเตรียมใจคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ว่าตอนที่เห็นกับตาตัวเองก็ยังคงตกใจกับรูปร่างหน้าตาในตอนนี้ของหลียวน

“อย่า! อย่ามองข้า! อย่ามองข้า! หลับตาเสีย มิเช่นนั้นข้าจะควักลูกตาของพวกท่านออกมา!” มือนั่งคู่ของหลียวนบังอยู่ข้างหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็บังไว้ไม่อยู่ ตอนนี้นางไหนเลยจะมีเสน่ห์อย่างเมื่อครู่เหลืออยู่อีก

เส้นผมแทบจะร่วงจนศีรษะล้าน เหลือเพียงไม่กี่เส้นกลางกระหม่อม ใบหน้าที่งดงามเลิศลํ้าสูงส่งไม่เป็นรองใครก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับแก่ชรา หย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ซีดเซียวไม่เปล่งปลั่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทวะที่รักษารูปร่างหน้าตาอ่อนเยาว์ของตนกลุ่มนี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ

กระทั่ง ตอนที่นางตะโกนประโยคนั้นออกไป ฟันในปากนางต่างก็คลอนร่วงลงมาหลายซี่ ทำให้ในปากนาง ปรากฎช่องโหว่ที่น่าเกลียด

“กรี๊ดดด! กรี๊ดด!” หลียวนกรีดร้องออกมา นางหมดหนทางจะทนรับเหตุการณ์เช่นนี้ได้

แววตารังเกียจรอบด้าน วนเวียนอยู่เบื้องหน้านาง ไม่ยอมจากไป รูปโฉมที่นางให้ความสำคัญมาตลอดชีวิตนี้ ตอนนี้ต่างก็ถูกลอกออกต่อหน้ากลุ่มคนสูงส่งที่สุดบนแผ่นดินเทพมารแห่งนี้จนไม่เหลือชิ้นดี ความรู้สึกชนิดนี้ ทรมานและเจ็บปวดยิ่งกว่าฆ่านางร้อยหน

“ไม่! ไม่เอา! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!” ภายใต้ความสับสนอลหม่าน หลียวนโผเข้าหาจินกวงและคนอื่น ๆ

ทว่า พวกเขากลับพากันถอยหลัง ไม่ยอมช่วยเหลือ

“หลียวนท่านหาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้ยังหวังให้พวกข้าช่วยอีกหรือ”

“หากไม่ใช่ว่าท่านใช้วิชามารเหล่านี้รักษาความอ่อนเยาว์ก็คงจะไม่ตกอยู่สภาพเช่นวันนี้!”

“ถูกต้อง หากเรื่องในวันนี้ของท่านไม่ถูกเปิดโปง พวกข้าก็คงไม่รู้ว่าท่านเป็นสตรีใจดำอำมหิตเช่นนี้!”

“ถุย! สตรีอะไรกัน! ไม่คู่ควรจะเป็นมนุษย์เสียด้วยซํ้า!”

“หากท่านยังมีคุณธรรมหลงเหลืออยู่ ไม่สู้ฆ่าตัวตายไปเสีย!” คนทั้งห้าสาปแช่ง สะบัดแขนเสื้อกันการเข้ามาใกล้ของหลียวน

หลียวนขอความช่วยเหลือไม่ได้จึงโผเข้าไปหาราชาเทวะจงซานซึ่งนั่งอยู่ แต่กลับถูกพลังกลุ่มหนึ่งผลักล้มลงบนพื้นทันที

“พวกท่านคิดว่า ข้าอยากเป็นเช่นนี้หรือ” หลียวนหมอบอยู่บนพื้น ร้องไห้โฮกล่าว

ตอนนี้เวลานี้ นางเลิกเถียงข้าง ๆ คูๆ แล้ว

น่าจะเป็นเพราะว่า ต่อให้นางจะแก้ตัวไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว นางหัวเราะเยาะขึ้นมา “ผู้ชายอย่างพวกท่านเหล่านี้ ตอนนี้วาจาเต็มไปด้วยเหตุผลและสัจธรรม แต่ที่จริงไม่ใช่เพราะเห็นว่าตอนนี้หน้าตาข้าอัปลักษณ์จึงรู้สึกรังเกียจหรอกหรือ พวกเราไต่เต้าขึ้นบัลลังก์ราชาเทวะ มือใครบ้างที่ไม่เคยเปรอะเปื้อนชีวิตคน!”

“ท่านยังแก้ตัวอยู่อีก! ท่านกำลังฆ่าคนบริสุทธิ์!” ราชาเทวะจงซานกล่าวอย่างเหยียดหยาม

สายตาหลียวนตวัดไปยังเงาร่างสองสายนั้นบนบัลลังก์ราชาเทวะ ด้วยความโกรธแค้น กล่าวเสียงดุร้าย “หากไม่ใช่เพราะ…”

“หลียวน!” มู่ชิงเกอกลับเอ่ยปากตัดบทนาง

หลียวนตกตะลึง ได้สติกลับมา

การติดต่อข่าวสารระหว่างนางกับซือมั่ว อีกทั้งการลอบทำร้ายเขาลับหลัง ไม่อาจพูดออกมาได้ มิเช่นนั้นนางยังต้องถูกตราหน้าว่าทรยศเผ่าเทพอีก

ความแค้นในใจหลียวนยากจะกำจัด แต่กลับพูดออกไปไม่ได้

มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังเดินตามบันไดลงมาทีละก้าว ๆ ไปหาหลียวน ส่วนซือมั่วก็ยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาเย็นชาจ้องมองการเคลื่อนไหวทั้งหมดในตำหนัก แววตาของเขากวาดผ่านราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับพบว่าเขาไม่ได้สนใจความวุ่นวายในตำหนักแม้แต่นิดเดียว ทว่ากลับมองตนอยู่

“หลียวน ความผิดมหันต์ที่ตัวท่านทำลงไป ตอนนี้กลับมาตามสนองท่านแล้ว นี่ก็คือกรรมของท่าน!” มู่ชิงเกอกส่าวอย่างมีนัยยะ

หลียวนถลึงตาโต แต่ดวงตากลับขุ่นมัวอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไม่ยินยอม…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!