ตอนที่ 892
วางแผนการทหารใต้จันทรา
มู่ชิงเกอเพิ่งจะเข้ามาในวังราชาเทวะ ทัศนียภาพเบื้องหน้ากลับเปลี่ยน วังราชาเทวะหายไป สิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้านาง คาดไม่ถึงว่าเป็นสถานที่ที่ทิวทัศน์งาม ลํ้าแห่งหนึ่งในแดนฮ่วนเยวี่ย
ส่วนนาง ข้างใต้เท้าเป็นเทือกเขาหนึ่งลูก หันหน้าเข้าหาดวงจันทร์หนึ่งดวงบนท้องฟ้าแดนฮ่วนเยวี่ยที่ไกลออกไป
สายลมเย็นพัดผ่านหน้า พาเอาความรู้สึกเย็นฉํ่าเข้ามาทีละเล็กทีละน้อย
ยอดเขาแดนฮ่วนเยวี่ยล้วนแต่แหลมคมเป็นที่สุด ประหนึ่งคมดาบหน้าขวาน มองดูไกลๆ ราวกับมีดท่ามกลางเมฆหมอก เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่
มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม มองทิวทัศน์ตรงหน้า ไม่ได้เผยท่าทางตื่นตระหนกออกมาแม้แต่นิดเดียว กระทั่งข้างหลังมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา นางก็ไม่หันกลับไปมองเลยสักปราดเดียว
“เจ้ากลับสงบนิ่งมากทีเดียว” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเดินมายืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ มองดวงจันทร์ดวงนั้นในท้องนภา ดื่มดํ่าแสงจันทร์กระจ่างร่วมกับนาง
“ราชาเทวะยังคงอารมณ์ดีจริงๆ” มู่ชิงเกอยกมุมปาก กล่าวด้วยท่าทางคลุมเครือ
พูดจบ นางก็หยิบป้ายของราชาเทวะน้อยแผ่นนั้นยื่นไปตรงหน้าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย “มีมัน ข้าจึงผ่านเข้าออกแดนฮ่วนเยวี่ยได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้ข้าไม่ นับว่าเป็นคนของแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว แต่กลับเป็นประมุขของตระกูลมู่เก้าชั้นฟ้า ป้ายแผ่นนี้ ย่อมต้องส่งคืนราชาเทวะ”
สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหลุบลงเล็กน้อย มองป้ายแผ่นนั้นในมือนาง แต่กลับไม่ได้รับมา “บ้ายแผ่นนี้ จากมืออวี๋หยาสู่มือของเจ้าก็ผ่านไปนับพันปีแล้ว ตอนนี้หลังจากเจ้าก็ไม่มีใครสามารถครอบครองมันอีก หากเจ้าไม่ต้องการ คิดว่าเป็นภาระ ก็โยนทิ้งลงในเหวลึกพันจั้งเสียเถิด”
มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเงียบๆ นางเก็บมือกลับ แต่ไม่ได้เก็บป้าย
สายตานางกวาดหาทั่วสารทิศรอบหนึ่ง ทันใดนั้น แววตาก็ลุกวาบ นางโยนป้ายในมือเบาๆ ป้ายวาดเส้นโค้ง หนึ่งสายกลางอากาศ ท้ายที่สุดก็ตกลงบนหินที่นูนขึ้นมาหนึ่งก้อนอย่างแน่นิ่ง
ตอนที่ป้ายสัมผัสหิน ส่งเสียงดังแผ่วเบาออกมา คิ้วของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ขมวดเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
มู่ชิงเกอละสายตามองเขา ยิ้มบางๆ กล่าว “นี่คือของของแดนฮ่วนเยวี่ย หากจะทิ้งก็ต้องให้ราชาเทวะลงมือด้วยตัวเอง ข้าไม่ทำแทน”
นัยน์ตาหงส์ที่เกียจคร้านของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย มีแสงสลัวหนึ่งสายวาบผ่าน เขาเบนสายตาช้าๆ มองมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอถูกเขามองเช่นนี้ก็นิ่งอึ้งในชั่วขณะ
คืนนี้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยังคงสวมชุดสีม่วงที่หรูหราสง่างาม เสื้อตัวโคร่งสบายๆ ใต้ดวงจันทร์ใสกระจ่าง ขับให้เขาโดดเด่นราวกับเซียนในหุบเขา เทพเซียนในดวงจันทร์ก็ไม่ปาน
“มีใครเคยพูดหรือไม่ว่าเจ้าเลือดเย็นไร้ปรานี” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพลันกล่าว
แต่มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างไม่สนใจ “เดิมข้าก็เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทพที่เห็นแก่ส่วนรวม ใจกว้างมีเมตตา”
นางก็คือนาง นางคือมู่ชิงเกอ
ไม่ว่าในภายหน้านางจะเดินไปได้ถึงก้าวไหน หรือว่าจะแข็งกล้าได้มากพอ แต่เบื้องลึกในใจนาง จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
คำตอบของนาง ทำให้ราชเทวะฮ่วนเยวี่ยยิ้มเยาะ ไม่ต่อบทสนทนานี้อีก
มู่ชิงเกอเม้มปากนิ่งเงียบ
แดนฮ่วนเยวี่ย เป็นสถานที่ของตนแห่งแรกหลังจากที่นางเข้ามาในแผ่นดินเทพมาร ตอนนี้ นางคืนป้ายราชาเทวะน้อยของฮ่วนเยวี่ยกลับไป ดูเหมือนเลือดเย็นไร้ ปรานี แต่ความจริงแล้วไหนเลยจะไม่ใช่ท่าทีเด็ดขาดอย่างหนึ่ง
ส่งมอบป้าย หลังจากนี้แดนฮ่วนเยวี่ยก็สามารถหาราชาเทวะน้อยได้อีกหนึ่งคน ส่วนทุกอย่างที่นางทำ ล้วนไม่อาจเกี่ยวพันไปถึงแดนฮ่วนเยวี่ยได้ที่สำคัญที่สุดคือ ส่งมอบป้ายไม่ได้หมายถึงการขีดเส้นความสัมพันธ์ หากแดนฮ่วนเยวี่ยลำบาก นางไม่มีทางไม่สนใจได้เป็นอันขาด
เรื่องเหล่านี้นางไม่อาจอธิบายกับใครได้
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ และควรทำอย่างไร ในใจนางรู้ดีก็พอแล้ว
“วันนี้ที่มา นอกจากจะคืนป้ายราชาเทวะน้อยแล้ว ยังมีอีกเรื่อง ขอราชาเทวะช่วยสงเคราะห์” มู่ชิงเกอพูดหนึ่ง ในเป้าหมายที่มาในวันนี้
“เจ้าคิดจะพาเพื่อนสองคนนั้นของเจ้าไปหรือ’’ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเดาเจตนาในการมาของมู่ชิงเกอได้แล้ว
ถูกมองออกเช่นนี้มู่ชิงเกอก็ไม่แปลกใจ กลับพยักหน้าเบาๆ กล่าว “ถูกต้อง ตอนแรก บังเอิญพบพวกเขาสองคนอีกครั้ง ข้าเองก็ไม่ได้จัดเตรียมที่พึ่งพิงอื่นๆ ชั่วคราว ไว้ทำได้เพียงฝากพวกเขาไว้ที่แดนฮ่วนเยวี่ย ตอนนี้ เก้าชั้นฟ้าก่อตั้งใหม่แล้ว ข้าหวังว่าจะรับพวกเขากลับไปได้”
“ความปรารถนานี้ของเจ้ากลับคิดคำนวณได้ดี ใช้ทรัพยากรแดนฮ่วนเยวี่ยของข้าบ่มเพาะผู้มีความสามารถออกมา ตอนนี้เจ้าพูดมาหนึ่งประโยคกลับต้องการพาตัวไปที่เก้าชั้นฟ้าของเจ้า’’ ตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหรี่ลงเล็กน้อย กล่าวอย่างหยอกล้อ
มุมปากมู่ชิงเกอปรากฎความอึดอัดเล็กน้อยแวบหนึ่ง แม้ว่านางจะไม่เคยมีเจตนาใช้ประโยชน์จากแดนฮ่วนเยวี่ย แต่การกระทำของนางในตอนนี้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย แปลความเช่นนี้ คล้ายกับว่าไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง
แต่ไหนแต่ไรนางไม่ใช่คนที่ชอบอธิบาย ในเมื่อราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเข้าใจผิด เช่นนั้นก็ปล่อยตามสบายเถอะ
มู่ชิงเกอหัวเราะเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยปาก เหมือนว่ายอมรับโดยนัย
ดวงจันทร์บนท้องฟ้า แสงกระจ่างสาดผืนดินใหญ่ แสงสว่างที่เยือกเย็น ปกคลุมคนทั้งสองไว้ในนั้น
ผ่านไปนาน ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจึงเอ่ยปากทำลายความเงียบสงัด “ในเมื่อตอนแรกคนเป็นคนที่เจ้าพาเข้ามา เช่นนั้นเจ้าก็ไปถามความต้องการของพวกเขาเอง หากอยากตามเจ้าไป แดนฮ่วนเยวี่ยของข้าก็ไม่อาจใจแคบไม่ยอมปล่อย หากอยากอยู่ต่อ พวกเขาก็ยังคงเป็นศิษย์ของแดนฮ่วนเยวี่ย”
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณราชาเทวะ” มู่ชิงเกอยกมือ ประสานหมัดกล่าว
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยแค่นเสียงหึหนึ่งครา ไม่ได้พูดต่อ
ทว่าตอนที่มู่ชิงเกอหมุนตัวกำลังจะไป กลับถูกราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเรียกไว้
“เรื่องเผ่าอี้ที่เจ้าเคยพูด เป็นเรื่องจริงหรือ” จู่ๆ เขาก็กล่าว
เรื่องนี้…
มู่ชิงเกอหมุนตัวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย มองเขา “ก่อนหน้านี้ที่ข้าพูด ราชาเทวะทั้งหลายต่างก็เหยียดหยามอย่างยิ่ง”
“ไม่ได้เหยียดหยาม แต่ไม่มีหลักฐาน อาศัยเจ้าพูดปากเปล่า ยากจะทำให้ผู้อื่นเชื่อได้จริงๆ” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าวอย่างนิ่งเฉย
“เช่นนั้นต้องมีหลักฐานเช่นไรจึงจะพอ” ตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลง ในดวงตามีแสงเย็นยะเยือกเปล่งประกาย “ใช่ต้องรอให้เผ่าอี้มาตีถึงหน้าประตูดินแดนเทพมารบาด เจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ราชาเทวะทั้งหลายจึงจะเชื่อเจตนาแอบแฝงของเผ่าอี้หรือไม่”
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว “เจ้าเองก็ไม่ต้องพูดจาเหน็บแนมต่อหน้าข้า วันนี้ข้าถามเจ้าเรื่องนี้ก็หมายความว่าข้ายินดีเชื่อเจ้าแล้ว”
“เอ๋ เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณราชาเทวะอย่างยิ่ง” มู่ชิงเกอยิ้มกล่าวเบาๆ
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเบนสายตา สบตามู่ชิงเกอ “ในเมื่อ เจ้ามีการเตรียมพร้อมแล้ว อีกทั้งกำลังวางแผนล่วงหน้าแล้ว เช่นนั้นในใจมีแผนการอย่างไร”
เอ่ยถึงแผนการรับมือเผ่าอี้ มู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้
เรื่องเหล่านี้ กำลังปรึกษากับซือมั่วมาโดยตลอด
ไม่ใช่นางไม่ยอมพูด แต่ว่าไม่มีใครเชื่อ
ตอนนี้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถามออกมาเอง นางจึงไม่ปิดบัง “จุดอ่อนที่พวกเรามีต่อเผ่าอี้ ก็คือไม่รู้สภาพความเป็นไปของพวกเขา ศัตรูอยู่ที่ลับเราอยู่ที่แจ้ง นี่คือข้อห้ามใหญ่ของการทหาร ดังนั้น แผนการก่อนหน้านี้ของข้าคือ หลังพิธีสมรสต้องคิดวิธีหารังของพวกเขาในโลกพันใหญ่ให้เจอ”
“พันล้านโลก เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเผ่าอี้อยู่ในโลกใด ตามหาอย่างไร้จุดหมาย ไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรหรอกหรอ” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องนี้…ข้าย่อมมีวิธีของข้า” มู่ชิงเกอกล่าว