Skip to content

พลิกปฐพี 897

ตอนที่ 897

ต้อนรับเจ้าด้วยกลองรบ

ชุดแต่งงานตัวเดียวในโลกสวมอยู่บนร่างมู่ชิงเกอ ชั่วพริบตาก็เปล่งแสงแพรวพราว

ซางหลันรั่ว ชูเนี่ยน มู่เสวี่ยอู่ รวมถึงสาวใช้ไม่น้อยที่ปรนนิบัติอยู่ที่นี่ต่างก็ถอยไปข้างหลังหลายก้าว อย่างไม่ได้นัดหมาย ราวกับอยู่ใกล้เกินไป อาจจะถูกแสงที่เปล่งออกมาจากร่างมู่ชิงเกอทำให้บาดเจ็บได้

มู่ชิงเกองดงาม ความงามของนางไม่เพียงแต่ เป็นรูปร่างหน้าตาภายนอกที่ไร้ที่ติ แต่ยังเหนือกว่าด้วยเสน่ห์ที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองนั้น

ทว่า วันนี้นางสวมชุดแต่งงานชุดนี้แล้ว ทุกคนถึงได้เข้าใจความหมายแฝงนัยที่แท้จริงของคำหนึ่งคำ… หญิงงามผู้นี้ควรมีอยู่เพียงสวรรค์

วันนี้นางสวยจนทำให้เกิดช่องว่างที่ไม่อาจก้าวข้ามระหว่างนางกับสตรีผู้อื่นแล้ว ห่างกันราวฟ้ากับเหว ต่างกับราวสวรรค์กับพื้นดิน

“ไม่นึกว่าข้าจะรู้สึกว่าไม่อาจหาคำที่เหมาะสมมาอธิบายได้แล้ว” ชูเนี่ยนส่ายหน้าช้าๆ พึมพำอย่างตกตะลึง

หญิงผู้หนึ่ง สามารถสวมกระโปรงชุดแต่งงานให้เกิดความรู้สึกองอาจกระฉับกระเฉงได้ ความเด็ดขาดที่มีแต่กำเนิดชนิดนั้น ช่วยกันขับจุดเด่นกับชุดแต่งงาน ง่ายๆ เลยก็คือ…

“ข้าเองก็ไม่อาจหาคำมาอธิบายได้เหมือนกัน” มู่เสวี่ยอู่เองก็กล่าวพึมพำ

พี่สาวผู้นี้ตั้งแต่ต้นก็เป็นแบบอย่างของนางทำให้นางเงยหน้ามีชีวิตอยู่ได้

ซางหลันรั่วอมยิ้มมุมปาก มองมู่ชิงเกอด้วยความดีใจและภูมิใจในดวงตา นี่คือลูกสาวของนาง เพียงแค่จุดนี้ก็เพียงพอให้นางภูมิใจไปทั้งชีวิตแล้ว

“ราชาเทวะงามจริงๆ”

“ราชาเทวะของเราสวยยิ่งนัก”

“ราชาเทวะเป็นสตรีที่สวยที่สุดที่ข้าเคยเจอ”

“ตอนที่ราชาเทวะแต่งกายเป็นชายก็หล่อเหลาอย่างยิ่ง”

ใช่แล้ว อย่างมู่ชิงเกอ แต่งกายเป็นชายก็ทำให้วีรบุรุษนับไม่ถ้วนหมดอาลัยตายอยาก แอบเสียใจที่เกิดมาในยุคเดียวกันได้ แต่งกายเป็นหญิงก็ทำให้มวลดอกไม้หอมบนสวรรค์บนดินหม่นหมอง ไม่บังเกิดผู้มีใจจะเปรียบเทียบอีก มีเพียงผู้เดียวจริงๆ

ในตำหนักบรรทม หญิงทุกคนต่างก็ถูกแสงสว่างของมู่ชิงเกอปกคลุมจนยากจะระบายความรู้สึกภายในใจออกมาได้

ตอนนี้โย่วเหอและหญิงรับใช้คนอื่นๆ เข้ามา มองเห็นภาพที่มู่ชิงเกอกำลังจัดชุดแต่งงานบนร่างด้วยความสุขุมสงบนิ่ง แต่ผู้หญิงทั้งหมดด้านข้างกลับนิ่งอึ้ง ต่างก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

เพียงแต่พวกนางยังไม่ทันได้ก้าวไปข้างหน้าก็ เห็นมู่ชิงเกอหันกลับมามอง ชั่วพริบตา พวกนางก็สูดหายใจเย็นเยียบอย่างแรง ในอกเกิดเสียงดัง ‘ตูม’ ถูกสั่น สะเทือนจนนิ่งงัน

ความงามของมู่ชิงเกอ พวกนางสี่คนจะไม่รู้ได้อย่างไร

แต่ว่า มู่ชิงเกอที่สวมชุดแต่งงานในวันนี้ยังคงทำให้พวกนางตะลึงงัน ความรู้สึกเช่นนั้น ราวกับว่า ได้เห็นนางหันหน้ากลับมายิ้มให้ แม้ตายก็ยินดี

นารีเป็นเภทภัย

นารีเป็นเภทภัย

“นิ่งทำไมเล่า มาได้เวลาพอดี ข้ารู้สึกว่าตรงนี้ผิดปกติ” มู่ชิงเกอไม่ได้สังเกตเห็น ‘พลังสังหาร’ ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มองเห็นพวกโย่วเหอเข้ามาก็เอ่ย

ปากขอความช่วยเหลือ

เมื่อนางเอ่ยปาก ในตำหนักก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที

เหล่าสาวใช้ที่ถูกนางทำให้ตกตะลึงต่างก็ตะลีตะลานโผเข้าไปจัดชุดแต่งงานให้นาง

โย่วเหอและคนอื่นๆ ก็ยิ่งผลักสาวใช้คนอื่นที่ช่วยอย่างลวกๆ ออก ลงสนามจัดชุดแต่งงานให้มู่ชิงเกอด้วยตัวเอง

ท้องฟ้าเริ่มสาง

ใกล้ถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้แล้ว

บนเก้าชั้นฟ้า แขกหนึ่งกลุ่มที่มาเช้าที่สุด ก็คือราชาเทวะแดนเทพต่างๆ

อันที่จริง พิธีแต่งงานครั้งนี้ คนที่มู่ชิงเกอเชิญมีไม่เยอะ อีกทั้งคนที่มีคุณสมบัติให้มู่ชิงเกอเชิญได้ในแผ่นดินเทพสี่สมุทรก็มีไม่เยอะเช่นกัน

แขกกลุ่มที่สอง ก็คือเผ่าเฟิ่งหวงในป่าอสูร รวมถึงเผ่าภูติภูเขา กระทั่งโห่วยังนำเหล่าน้องเล็กสัตว์อสูรทั้งหมดมาด้วยเช่นกัน

คนที่อยากอวยพรพิธีแต่งงานของมู่ชิงเกอกับซือมั่ว แต่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเข้ามาในเก้าชั้นฟ้าได้เหล่านั้นต่างก็พากันมาคำนับที่ด้านล่างเก้าชั้นฟ้า

พวกซวีซิวเองก็เตรียมคนไปต้อนรับที่ด้านล่างเก้าชั้นฟ้าเป็นพิเศษแล้ว วางโต๊ะเลี้ยงทอดยาวเป็นพันลี้ไว้ ล้อมเป็นวงแต่ละวงด้านล่างเก้าชั้นฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์สร้างความพึงพอใจให้แขกที่ไม่อาจขึ้นไปร่วมฉลองที่เก้าชั้นฟ้าได้

พิธีแต่งงานต้องฉลองสิบวันสิบคืน โต๊ะงานเลี้ยงก็ไม่อาจวางแยกตลอดวันตลอดคืนได้พิธีแต่งงานนี้ แม้ว่าจะถูกมู่ชิงเกอลดขั้นตอนและพิธีไปจำนวนมากแล้ว แต่ความยิ่งใหญ่และครึกครื้นของงานกลับไม่ลดลงแม้แต่นิดเดียว

บนด้านล่างเก้าชั้นฟ้า จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว

ในวังไท่ฮวง เมื่อถึงเวลาแล้ว ซือมั่วก็ลอยตัวสูง ปรากฎตัวอยู่นอกตำหนัก ก้มมองคนทั้งหมดที่จะตามเขาไปยังเก้าชั้นฟ้าเหล่านั้น

และบนพื้นดิน เผ่ามารทั้งหมดก็เงยหน้ามองเขา รอคำสั่งของเขาอยู่เช่นเดียวกัน

“ตามข้าไปรับพระชายากลับมา!” ซือมั่วสะบัดแขนเสื้อกว้าง กล่าวเสียงดัง

ชุดมงคลสีแดงบนร่างกลับยังคงทำลายความหล่อเหลาของเขาไม่ได้ เพียงแค่ทำให้กลิ่นอายความเย็นชาและเผด็จการของเขาลดลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย

“รับพระชายา!”

“รับพระชายา!”

“รับพระชายา!”

ทุกคนบนพื้นดินต่างก็พากันร้องตะโกนเสียงสูงอย่างพร้อมเพรียง

พระชายาผู้นี้ เป็นคนที่พวกเขาต่างก็ยินยอม เลื่อมใสในใจ และยอมรับเพียงผู้เดียว

ซือมั่วยกมือ เปิดทางผ่านช่องว่างที่เข้าไปในแผ่นดินเทพ สั่งคนทั้งหมด “ออกเดินทาง”

จากนั้น สัตว์มหาเทพเผ่ามารก็ร้องคำรามเปิดทาง เสียงร้องดั่งสายฟ้า สั่น สะเทือนฟ้าดิน

เสียงกลองพร้อมเพรียงดังขึ้นมาจากพื้น แม่ทัพทั้งหมดของเผ่ามารใช้เสียงกลองส่งคนเดินทาง

ซือมั่วสูดหายใจเข้าลึก ภรรยาของเขาแตกต่างจากผู้อื่น มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว มีเพียงเสียงของกลองรบ สุราที่แรงที่สุด สีที่สดที่สุดเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับนาง

เสียงกลองรบแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง ซือมั่วก้าวนำเข้าไปในช่องว่างแล้ว และคนทั้งหมดของเผ่ามารที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้วเหล่านั้นก็ทยอยก้าวเข้าไปใน

นั้น หายตัวไปในวังไท่ฮวง มุ่งหน้าไปยังเก้าชั้นฟ้าในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร

ความครึกครื้นบังเกิดขึ้นต่อเนื่องที่เก้าชั้นฟ้า

เสียงอวยพร ไม่ว่าจะจริงใจหรือเสแสร้ง ในตอนนี้ก็ถูกรับไว้ทั้งหมด

ฤกษ์มาถึง เมฆเปิดทาง

เมฆมงคลที่รวมแสงหลากสี หมอกเมฆเปิดออก ปรากฎออกมาบนเก้าชั้นฟ้า ชั่วพริบตา แสงอาทิตย์หมื่นจั้งก็สาดส่องตรงจากจุดสูงสุดของเก้าชั้นฟ้าลงมาบนพื้น

ดินกว้างใหญ่ด้านล่างเก้าชั้นฟ้า

ชูเนี่ยนเรียกวิหคร้อยตัว ภายใต้การนำพาของโชคคู่นั้นของมู่ชิงเกอกับซือมั่วบินเข้าไปในแสงที่ส่องผ่านกลุ่มเมฆ ฉวัดเฉวียนไม่ขาดสาย บางครั้งก็ก่อตัวเป็นรูปร่างต่างๆ นานา

ปังๆๆ

ประทัดในพิธี ระเบิดดังอยู่บนท้องฟ้าเก้าชั้นฟ้า เป็นสัญลักษณ์ว่าถึงฤกษ์แล้ว

มู่ชิงเกอนั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ราชาเทวะในวังราชาเทวะ สวมชุดแต่งงานสวยสด รออยู่เงียบๆ นางที่แน่นิ่งสุขุมมาโดยตลอด ตอนนี้หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นอย่าง ยากจะเลี่ยง

ผู้ที่ติดตามข้างกายนาง คือญาติมิตรผู้หญิงที่สนิทที่สุดของนาง

โย่วเหอ ฮวาเยวี่ย ไป๋สี่ เสวี่ยหยา เซวี่ยนหย่า ซีเซียนเสวี่ย ชูเนี่ยน มู่เสวี่ยอู่…เรียงตามลำดับ

ซางหลันรั่วกับมู่เหลียนเฉิง มู่ซง ซางซุนหวาง ก็ยืนอยู่ในกลุ่มญาติมิตรอยู่ด้วยกันกับพวกจีเหยาฮั่ว

หยินเฉินอยู่กับโห่ว ยืนอยู่ข้างเผ่าอสูรรับหน้าที่แจ้งคำสั่ง

ซวีซิว ราชครูและคนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ด้วยกันกับราชาเทวะทั้งหมด

ตอนนี้พวกเขาต่างก็กำลังรอเผ่ามาร…การมารถึงของเจ้าแห่งมาร

ทันใดนั้น บนนภาเก้าชั้นฟ้าก็พลันปรากฎวังวนหนึ่งสาย

ชั่วพริบตาก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด

มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ เงยหน้ามองฟ้าพร้อมกัน ยังไม่เห็นเงาคน แต่กลับได้ยินเสียงกลองรบดังออกมาจากวังวนเป็นพักๆ แล้ว

“กลองรบหรือ มีเสียงกลองรบได้อย่างไร”

“วันมงคล มีเสียงตีกลองรบงั้นหรือ”

“การต้อนรับของเผ่ามารนี้พิเศษจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะบรรเลงเสียงกลองรบ”

ทั่วสารทิศ วิจารณ์กันเซ็งแซ่

ทว่า กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าสีหน้าของมู่ชิงเกอปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาช้าๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!