Skip to content

พลิกปฐพี 898

ตอนที่ 898

ข้าขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงคู่เจ้า

‘มี เพียงเจ้าที่ เข้าใจข้าที่สุดจริงๆ’

ข้างหู เสียงกลองรบแผ่ขยายต่อเนื่อง ดังกังวานมี พลังจากไกลเข้ามาใกล้ คนอื่นๆ วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทว่ามีมู่ชิงเกอเพียงผู้เดียวที่แย้มยิ้มออกมา

“เหตุใดถึงใช้เสียงกลองรบมาต้อนรับเล่า” ซางหลันรั่วมองสามีข้างกายอย่างงุนงง

แต่ว่า สิ่งที่นางเห็นกลับเป็นท่าทางที่เห็นด้วยและชื่นชมทั้งใบหน้าของสามี

กระทั้ง สีหน้าตกใจแต่ซาบซึ้งบนใบหน้าของพ่อตาตัวเอง

“มีเพียงเสียงกลองรบนี้จึงจะคู่ควรกับตระกูลมู่ของข้าที่สุด” มู่เหลียนเฉิงอธิบายเสียงตํ่าให้ซางหลันรั่วฟัง

เรื่องแต่งงานของมู่ชิงเกอ ผู้อาวุโสเช่นพวกเขาเหล่านี้สอดมือเข้ามายุ่งไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะว่ามู่ชิงเกอเดินออกจากฐานะชนรุ่นหลังมานานแล้ว เรื่องแต่งงานของนาง ทางเลือกของนาง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดเป็นกังวล และไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาพูดให้มากความ

ทว่า สำหรับเหล่าผู้อาวุโสแล้ว แม้จะไม่พูด แต่ในใจก็ยังกระวนกระวาย

พวกเขาหวังว่ามู่ชิงเกอจะได้รับความสุข คนที่ตามหาจะเป็นคนที่สามารถจริงใจต่อนาง เข้าใจนาง ทำเพื่อนาง ทะนุถนอมนาง รักนาง ตอนนี้เริ่มจะเห็นแล้วว่า ทางเลือกของมู่ชิงเกอคล้ายกับว่าไม่ผิด

ท่ามกลางเสียงกลองรบ ซือมั่วปรากฎตัวขึ้นในสายตาของคนทั้งหมด

ครั้งนี้ เจ้าแห่งมารผู้ที่ทำให้เผ่าเทพเกรงกลัวตามคำรํ่าลือ มีภาพลักษณ์ราวกับปีศาจร้ายฆ่าคนในกลุ่มชนรุ่นหลังของเผ่าเทพนับไม่ถ้วนผู้นี้ปรากฎตัวอยู่ต่อ หน้าผู้คนด้วยความสง่างามสูงส่ง

“นี่คือเจ้าแห่งมารหรือ”

“เจ้าแห่งมารเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในแผ่นดินมาร รํ่าลือกันว่าเขาป่าเถื่อนโหดร้าย เลือดเย็นไร้ปรานี อำมหิตโหดเหี้ยม…แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะมีใบหน้าที่ หล่อเหลาเกินใครเช่นนี้”

“คนแบบนี้ไปเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์โหดเหี้ยมอำมหิตนั้นได้อย่างไร”

“สง่าผ่าเผยเช่นนี้มีเพียงแค่เขาจริงๆ ที่คู่ควรกับราชาเทวะมู่”

“ถูกต้อง ราชาเทวะมู่เป็นสตรีวิเศษแห่งยุค สามีของนางย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา”

ซือมั่วยืนอยู่กลางอากาศ ข้างหลังเขาเป็นขบวนเผ่ามารยาวเหยียด พลังแข็งกล้า ช่วงเอวของพวกเขาผูกผ้าแดง มือถือกลองรบ เสียงกลองรบแต่ละเสียงนั้นไม่มี กลิ่นอายความดุร้ายของสนามรบกลับเพิ่มพลังอันยิ่งใหญ่มากขึ้นหลายส่วน

มู่ชิงเกอลุกขึ้นยืนช้าๆ…

‘วันนี้ เขาไม่ได้สวมชุดดำ’ มู่ชิงเกอกล่าวในใจ นางยืนอยู่บนบัลลังก์ราชาเทวะ แต่กลับมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนอกตำหนักชัดเจน

ซือมั่วมาต้อนรับเช่นนี้ทำให้นางประหลาดใจ เหนือความคาดหมาย

คนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร นางเข้าใจก็พอแล้ว

ซือมั่วลอยลงมาทีละก้าวทีละก้าว คนของเผ่ามารตามหลังมาติดๆ ลอยลงมาอย่างเชื่องช้าเช่นกัน

ตอนที่เท้าทั้งคู่ของซือมั่วแตะเก้าชั้นฟ้า เสียงกลองรบก็หยุดชะงัก

รอบด้าน เงียบสงัด

สายตาของคนทั้งหมดต่างก็ตกอยู่บนร่างของซือมั่ว ไม่เพียงเพราะการสั่นสะเทือนของกลองรบต้อนรับ แต่เพราะตัวของซือมั่วเอง เขาคือเจ้าแห่งมารที่อายุน้อยที่สุดในแดนมาร เจ้าแห่งมารที่รวบรวมแดนมารที่แตกกระจัดกระจายให้เป็นหนึ่งเดียว และยังเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพมาร

วันนี้ เขาจะมาแต่งงานกับมู่ชิงเกอ เดิมก็ทำให้คนจับจ้องอยู่แล้ว

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยืนอยู่ในหมู่ราชาเทวะ มองซือมั่วอย่างไม่ละสายตา ในสีหน้าของคนผู้นั้น เขามองเห็นคำว่าความรักลึกซึ้งไม่นึกเสียดายได้ชัดเจน

ตอนที่เขาเผลอมองมู่ชิงเกอก็เห็นรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้านาง

ชั่วพริบตานั้น เขาพลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดมู่ชิงเกอถึงกล้าต่อต้านใต้หล้า ยืนกรานจะแต่งงานกับเจ้าแห่งมารให้ได้ เพราะว่าชายผู้นี้นอกจากตำแหน่งเจ้าแห่ง มารแล้วก็เข้าใจนางอย่างแท้จริง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วเดินมาถึงนอกวังราชาเทวะ ยืนนิ่งเอ่ยปาก

เขาทำลายความเงียบสงัดบนเก้าชั้นฟ้าลง แต่ก็ยังไม่มีใครเอ่ยปาก

“ข้ามาแล้ว” ซือมั่วกล่าว

ในดวงตาเขา คล้ายมีเพียงหญิงในชุดแดงสีสวยสดผู้นั้นที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ราชาเทวะในตำหนัก ไม่เหลือสายตาไว้มองใครอีก

มู่ชิงเกอสวมชุดแต่งงาน เดินลงมาจากบันไดช้าๆ

หางกระโปรงที่ยาวลากพื้นแผ่สยายเต็มขั้นบันได เผยให้เห็นลายปักวิหคนับร้อยบนชุดแต่งงาน

ทั้งสองคน คนหนึ่งยืนอยู่นอกตำหนัก คนหนึ่งยืนอยู่ในตำหนัก ซ้ายขวารอบด้านล้วนเป็นญาติมิตรที่มาเข้าร่วมพิธี รวมถึงผู้เป็นพยานตำแหน่งสูงบนแผ่นดินเทพมารนับไม่ถ้วน

ราชาเทวะของแผ่นดินเทพ เจ้าเมืองย่อยของดินแดนมาร บุคคลผู้มีสายเลือดเก่าแก่ที่สุดสูงส่งที่สุดในป่าอสูรต่างก็มาเป็นพยานในพิธีแต่งงานแห่งยุคครั้งนี้

นี่คือการเชื่อมสัมพันธ์เทพมารที่มีตำแหน่งสูงที่สุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์แผ่นดินเทพมาร

ในอดีต การเชื่อมสัมพันธ์เทพมารเหล่านั้นล้วนแต่ถูกคนนับหมื่นดูแคลน หลบๆ ซ่อนๆ ต้องหลบหนีไปแสนไกล ทว่าระยะนี้ พวกเขากลับครึกครื้นจนฉลองไป ทั่วแดน ให้ใต้หล้ารู้ทั่วกัน

ทันใดนั้น กระดิ่งสีทองตรงช่วงเอวของคนทั้งสองก็หลุดออกจากเอวของพวกเขาเอง

มู่ชิงเกอมองกระดิ่งด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเหลือบตาขึ้นมองซือมั่ว

ทว่า ซือมั่วเพียงแค่จ้องมองนางแล้วยิ้มน้อยๆ ไม่ได้อธิบาย

กระดิ่งสีทอง ลอยมารวมกันกลางอากาศระหว่างคนทั้งสอง ส่องแสงทองแวววับ ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด ทุกคนต่างสงสัยอย่างยิ่ง ต่อจากนี้จะเกิดอะไร

ทันใดนั้น กระดิ่งสองลูกก็ค่อยๆ ละลาย ก่อตัวเป็นก้อน คล้ายกลายเป็นของเหลวสีทองหนึ่งก้อน ซํ้ายังขยับเคลื่อนไหวอยู่ในอากาศ

แววตาสงสัยมองขึ้นไปอย่างไม่ขาดสาย แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็ยังมองมันอย่างงุนงง

ของเหลวสีทองร่วงลงมาไม่หยุด กลุ่มก้อนนั้นกลางอากาศเล็กลงอย่างต่อเนื่อง เล็กลงเรื่อยๆ…เล็กลงอีก…

ท้ายที่สุด ตอนที่ของเหลวสีทองก้อนนั้นเหลือขนาดเพียงนิ้วโป้ง ไม่มีของเหลวหยดลงมาอีกมันกลับแบ่งเป็นสองส่วน แบ่งกันยิงลงมาที่มู่ชิงเกอและซือมั่วสองคน

แสงทองสองสายนั้นต่างก็ตกลงมาที่มือของซือมั่วกับมู่ชิงเกอ พันรอบนิ้วนางของพวกเขาหลายรอบ กลายเป็นแหวนที่งามประณีตอย่างถึงที่สุดหนึ่งวง

มู่ชิงเกอประหลาดใจอย่างยิ่ง วิจารณ์อยู่ในใจ หรือว่าที่ต่างภพนี้ ก็มีแหวนแต่งงานกับเขาด้วย

ซือมั่วยกมือขวาของตัวเองกล่าวกับมู่ชิงเกอ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ แหวนสองวงนี้ สามารถรับรู้ถึงกันและกันได้ไม่ว่าระหว่างเราจะกั้นด้วยภูเขาลำธารพันลี้

จักรวาลขนาดใหญ่ก็ไม่อาจตัดขาดความสัมพันธ์ของเจ้าและข้าได้อีกทั้ง…”

เขาถ่ายทอดเสียงกล่าว ‘ข้ารู้ว่า เจ้าหลอมโลกใบเล็กของตัวเองเข้ามาเพื่อเก้าชั้นฟ้า ตอนนี้โลกที่เจ้าก่อตั้งใหม่ก็ทำได้เพียงใช้เก็บของ ดังนั้น เมื่อมีแหวนวงนี้แล้ว เจ้าก็สามารถเปิดโลกใบเล็กของข้า และนำคนเข้าออกได้อย่างอิสระ เจ้าอยู่ในนั้นก็เท่ากับข้าอยู่ด้วย’

มู่ชิงเกอตกใจอย่างถึงที่สุด

นางคิดไม่ถึงว่า ในแหวนที่ซือมั่วให้นาง จะซ่อนเจตนาเช่นนี้ไว้

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วเอ่ยปากอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบสงัดของผู้คน เขาแย้มยิ้มให้นาง ในดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอาลัยรักลึกซึ้งมั่นใจ กล่าวช้าๆ “ข้าขอใช้ชีวิตที่เหลือเคียงคู่เจ้า เจ้าไม่ห่าง ข้าไม่ทิ้ง หากเจ้าห่าง ข้าก็ไม่ทิ้ง ตลอดภพตลอดชาติ ข้าไม่ร้องขอวิถีหมื่นพัน ไม่ขอขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ขอคุณงามความดียิ่งใหญ่ ขอเพียงข้างกายมีเจ้าเคียงคู่ ยิ้มมองสามพันโลก ชื่นชมบุปผาทั้งหมดบนโลกใบนี้”

คำพูดทั้งหมดนี้ของเขากล่าวด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด

แต่ว่า เมื่อเข้าสู่หูทุกคนกลับสั่นสะเทือนเหนือสิ่งอื่นใด

ความรัก สำหรับพวกเขาผู้บำเพ็ญตบะเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจพึ่งพาที่สุด ถูกโยนทิ้งไปได้ง่ายที่สุด แต่ว่า เขา เขาเป็นถึงเจ้าแห่งมาร เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของ แผ่นดินเทพมาร กลับวางมันไว้บนตำแหน่งที่สูงเหนือสิ่งใด สำคัญเหนือสิ่งใดเช่นนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!