ตอนที่ 90-5
สารพัดวิธีรนหาที่ตาย คงมิอาจห้ามได้!
ย่างเข้าวันที่ 3 ที่มู่ชิงเกอกลับมายังลั่วตูแห่งนี้ซึ่งก็คือวันที่นางจะต้องเข้าพิธีสวมหมวก ท้องฟ้าเพิ่งจะสาง ในจวนตระกูลมู่ต่างเร่งรีบเตรียมการ ทุกคนต่างก็ช่วยกันเพื่อประดับตกแต่งและทำความสะอาดศาลบรรพชนประจำตระกูล เตรียมพร้อมทุกอย่างสำหรับพิธีสวมหมวก เนื้อสัตว์นานาชนิดถูกจัดแต่งและวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในจานสีแดง แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็เริ่มทยอยเข้าสู่ภายในจวนตระกูลมู่
มู่ชิงเกอถูกปลุกให้ลงมาจากเตียงตั้งแต่เช้ารุ่งสาง เปลี่ยนชุดสีขาวที่ต้องสวมใส่ในพิธีสวมหมวก เสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งห่อหุ้มอยู่บนร่างของมู่ชิงเกอ ปิดบังสัดส่วนบนร่างกาย แต่ก็ไม่อาจลบล้างความสง่าผ่าเผยของนางได้
ผมยาวถูกมัดเกล้าขึ้นเป็นมวย แต่กลับไม่ได้สวมที่ครอบผมและปิ่นปักผม
หญิงสาวทั้งสองมองเงาสะท้อนสีขาวดูแสนธรรมดาแต่แฝงความโดดเด่นและทำให้ตะลึงในความงดงามของนาง
“ไม่คิดเลยว่า แม้คุณชายไม่สวมชุดสีแดง แต่ก็ยังคงสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเจออย่างโดดเด่นเป็นสง่า” ฮวาเยวี่ยมองมู่ชิงเกอในกระจกแล้วพูด
“เจ้านี่ พูดไม่เก่งเสียเลย คุณชายนั้นงดงามไร้ที่เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ใดที่สวมอยู่บนตัวท่านก็เป็นเพียงของประดับเท่านั้น” โย่วเหอผุดรอยยิ้มออกมา
ฮวาเยวี่ยพลันแลบลิ้น มือที่ถือหวีอยู่หวีผมให้แก่มู่ชิงเกออย่างละเอียดอีกครั้ง พลางพูดด้วยความเสียดายว่า : “เสียดายที่พิธีที่คุณชายต้องเข้าร่วมคือพิธีสวมหมวก หากเป็นพิธีปักปิ่นละก็ เกรงว่าวันนี้คนที่จะมาสู่ขอคงจะเหยียบประตูจวนของเราจนสึกเป็นแน่”
ในขณะที่อยู่ในเมืองอี้ มู่ชิงเกอได้บอกนางเรื่องที่ตนเองเป็นผู้หญิงแล้ว ท่าทางที่อึ้งจนตาทั้งสองข้างเบิกโพลงโตและอ้าปากค้างของทั้งสองนางในวันนั้น จนตอนนี้นางยังไม่ลืม เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเยวี่ย มู่ชิงเกอก็เบิกตาทั้งสองข้างขึ้นและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “แม้จะเข้าพิธีสวมหมวก แต่ข้าก็สามารถทำให้คนกว่าครึ่งหลงจนหัวปักหัวปำ ไม่ต้องเสียดาย”
“แต่ทว่า หลงใหลไปแล้วจะทำอะไรได้เล่า อย่างไรก็ไม่อาจแต่งเข้ามาปรนนิบัติคุณชายได้อยู่ดี’’ฮวาเยวี่ยพูดกระเง้ากระงอด
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาอันกระจ่างใส แฝงความเย่อหยิ่งโอหัง
นางยื่นมือยาวออกไปคว้าทั้งสองเข้ามากอดแนบอกและพูดอย่างขบขันว่า “ข้ามีพวกเจ้าทั้งสองคอยปรนนิบัติก็เพียงพอแล้ว คนอื่นข้าไม่เห็นต้องการ”
ทันใดนั้น ใบหน้าทั้งของหญิงสาวทั้งสองก็พลันแดงกํ่า และต่างหนีออกจากอกของนาง แต่ก็ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของมู่ชิงเกอได้
แม้จะรู้เป็นอย่างดีว่า คุณชายเป็นหญิงสาว แต่พวกนางก็ยังคงไม่สามารถรับการหยอกล้อเช่นนี้ของเจ้านายตนเองได้
“มู่ชิงเกอ! เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้น ข้างนอกประตู ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
ประตูที่ปิดสนิทถูกคนถีบเข้ามาจากข้างนอก ลูกบอลกลมๆ ลูกหนึ่งกลิ้งเข้ามา
“มู่ชิงเกอเจ้า!” ลูกบอลลูกนั้นพยายามเป็นเวลานานกว่ายืนตัวตรงและมั่นคงได้ยื่นมือที่มีเนื้อหนังอุดมสมบูรณ์ออกมาชี้หน้ามู่ชิงเกอ แต่กลับลืมประโยคต่อไป
ที่จะพูดเพราะฉากตรงหน้า เขามองใครบางคนที่กอดผู้หญิงสองคนเอาไว้ใบหน้า ของเขา เนื้อหนังบนหน้ากระตุกหนึ่งหน แล้วหัวเราะอย่างเยาะเย้ย : “หึหึ พวกเจ้าต่อกันเลย เดี๋ยวข้าค่อยมา”
พอพูดจบ เขากำลังจะถอยออกไปอย่างเงียบๆ
แต่ทว่า ทันทีที่หันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอ “เจ้าอ้วน เจ้าจะไปไหน”
ร่างกลมๆ ของเจ้าอ้วนเช่าสั่น พลางฝืนร่างกายหันกลับไป เผชิญกับใบหน้าที่ดูราวกับยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกันนั้น โทสะที่จะมากล่าวโทษในตอนแรกได้แปรเปลี่ยนเป็นนํ้าเสียงแห่งความอ่อนโยน “เอ้ ลูกพี่ ข้ารู้หรอกน่าว่าลูกพี่ทำอันใดอยู่ อืม ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย หากเจ้าจัดการธุระเสร็จ เราค่อยคุยกัน!”
“กลับมา!” มู่ชิงเกอพูดอย่างเยือกเย็น คลายมือทั้งสองข้างออกจากมือของหญิงสาวทั้งสองนาง
โย่วเหอและฮวาเยวี่ยถือโอกาสนี้ในการหนีห่างออกไปไกล
โย่วเหอพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณชายเช่า คุณชายแค่แกล้งพวกบ่าวเล่นเฉยๆ ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดเสียหน่อย” พูดจบ นางก็รินนํ้าชาให้กับทั้งสอง จากนั้นก็ดึงตัวฮวาเยวี่ยออกจากห้องไป
“ยังไม่รีบไสหัวมานั่งอีก” มู่ชิงเกอดึงแขนเสื้อขึ้น พลางเชิดหน้าใส่เจ้าอ้วนเช่า
เจ้าอ้วนเช่าพลางม้วนผมของตนเอง ทันใดนั้นก็ได้สติ แล้วเบิกตาโตสะบัดหน้าและพูดว่า “เฮ้ย! ไม่ใช่สิ! วันนี้ข้าจะมากล่าวโทษเจ้า!”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว พลางพูดพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “เจ้าจะมากล่าวโทษข้าอย่างนั้นหรือ”
เจ้าอ้วนเช่าพยักหน้าอย่างรุนแรง เขาสะบัดร่างอ้วนกลมของตนเองและเดินไปอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ มองนางด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึมพลางถามว่า “ลูกพี่ ท่านเห็นว่าน้องชายคนนี้ไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่ ท่านดูสิ ตอนนี้พลังเวทของข้าอยู่ในสายส้มแล้ว” ในขณะที่พูด เขาก็กางแขนออก นิ้วมือสั้นและอ้วนเต็มไปด้วยแสงสีส้มส่องประกาย
มู่ชิงเกอก้มหน้าลงมอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
เจ้าอ้วนเช่าพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม “ท่านไปรบที่เมืองอี้โดยไม่บอกข้าก็แล้วไปเถอะ แต่หลังจากที่กลับมา ก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่ท่านก็ไม่ยอมบอกข้า ขนาดออกจากลั่วตูไป ท่านก็ไม่บอกลาข้า ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากดึงข้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายพวกนั้น แต่ข้าเป็นใคร ข้าเป็นพี่น้องของท่านนะ! หลังจากนี้ท่านอย่าเห็นข้าเป็นคนนอกอีกได้หรือไม่?”
ริมฝuปากอิ่มแดงของมู่ชิงเกอ เม้มเป็นเส้นตรง
บางที แม้เจ้าอ้วนเช่าจะไม่สามารถช่วยอะไรนางได้ แต่ก็มอบมิตรไมตรีที่แท้จริงให้แก่นาง
ท่ามกลางลั่วตูที่เต็มไปด้วยแผนการอันชั่วร้าย คนอย่างเจ้าอ้วนเช่า กลับทำให้นางรู้สึกว่ามีค่ามาก
“ได้” มู่ชิงเกอตอบกลับคำหนึ่ง และได้รับปากด้วยสัจวาจาของตนเอง
คำ คำนี้ ทำให้จิตใจอันผิดหวังหม่นหมองของเจ้าอ้วนเช่า กลับมาเป็นปกติในทันทีและเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน พลางเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง “อ่าๆๆ ท่านทำกับข้าเช่นนี้สิถึงจะถูก!”
มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มมุมปาก พอเจ้าอ้วนเช่าควบคุมสติอารมณ์ของตนเองจนสงบลง จึงพูดต่อไป “แต่ทว่า ช่วงนี้เจ้าออกจากลั่วตูสักระยะก็ดีและถือโอกาสนี้ในการไปเที่ยวพักผ่อนแล้วค่อยกลับมา”
“เพราะเหตุใดเล่า?” เจ้าอ้วนเช่าตะลึงและถามต่อ จากนั้นเขาก็คิดออกในทันที ขยับตัวเข้าไปหามู่ชิงเกอด้วยความตื่นเต้น พลางถามเบาๆ ว่า “ลูกพี่ ท่านกำลังจะ ทำการใหญ่อะไรรึ”
สายตาของมู่ชิงเกอหยุดอยู่ที่เขา ไม่ได้ตอบคำถามของเขาตรงๆ แต่พูดว่า “หากข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า จะบอกเจ้าเอง หากข้าไม่ได้บอกเจ้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรมากนัก”
เจ้าอ้วนเช่าเงียบสักพัก เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ข้าจะฟังคำสั่งของลูกพี่ แต่ว่าข้าก็จะไม่ไปเที่ยวที่ไหนแล้ว ช่วงนี้ข้าจะตั้งใจฝึกพลังเวทอยู่ที่บ้าน”
มู่ชิงเกอยักคิ้ว พลางพูดหยอกล้อว่า “โอ้ เจ้าอ้วนเช่าเองก็สนใจการตั้งใจฝึกพลังเวทแล้วรึ?”
เจ้าอ้วนเช่ากระตุกรอยยิ้ม “หากไม่พัฒนาความสามารถของตนเอง ในอนาคตจะช่วยเป็นมือเป็นเท้าให้ลูกพี่ได้อย่างไรเล่า!”
คำพูดนี้ ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกอุ่นใจ
เจ้าอ้วนเช่านั้นมิใช่ไร้พลังเวท แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขามัวเสียเวลาไปกับการเสพสุข พลังเวทของเขาก็เลยไปได้ไม่ถึงไหน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่หยุดอยู่ที่สายแดงเป็นเวลานานถึงเพียงนี้หรอก
“เจ้าอ้วนเช่า เจ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงธาตุในร่างกายและพลังเวทหรือไม่” มู่ชิงเกอนึกถึงยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอที่ตนเองมีอยู่ ก่อนหน้านี้นางก็เกิดอาการลังเลว่าจะ ให้เจ้าอ้วนเช่าดีหรือไม่ หลังจากที่รู้สึกว่าเจ้าอ้วนเช่าไม่ คิดจะพัฒนาฝีมือ จึงเลิกคิดเรื่องนี้ไป
แล้ววันนี้ เจ้าอ้วนเช่าเกิดมีความคิดที่อยากจะเก่งกาจขึ้น ถ้าเช่นนั้น นางก็ต้องทำเพื่อน้องชายผู้นี
“อยากสิ แต่ทว่า ความสามารถและธาตุในร่างกายนั้น มันถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด” เจ้าอ้วนเช่านั้นรู้ดี
พอคิดทบทวนแล้ว มู่ชิงเกอก็เอายาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ ที่มีอยู่ 1 ใน 5 ของหลอดทดลองเทลงในขวดแล้ว และเอามันออกมา เจ้าอ้วนเช่าไม่ใช่นาง ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะผ่านพ้นความทรมานของฤทธิ์ยาได้ เศษ 1 ส่วน 5 สำหรับเขาถือว่ามากแล้ว
“รับไป” มู่ชิงเกอโยนขวดแก้วในมือให้กับเจ้าอ้วนเช่า
เจ้าอ้วนเช่ารีบรับเอาไว้และถามอย่างไม่เข้าใจว่า “นี่คืออะไร”
มู่ชิงเกอกลับไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงพูดว่า “หาก เจ้าเชื่อข้า ในขณะที่เข้าสู่สมาธิ ให้ดื่มของในขวดนี้เข้าไป ระหว่างที่ดื่มลงไปนั้นจะทรมานมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากนั้น จะต้องทำให้เจ้ารู้สึกประหลาดใจเป็นแน่”
“คำพูดของลูกพี่ ข้าจะไม่เชื่อได้อย่างไรกัน?” ท่ามกลางความฉงนสงสัย เจ้าอ้วนเช่าเก็บขวดเคลือบเข้าไปไว้ภายในอกอย่างระมัดระวัง
“เรื่องนี้ห้ามบอกใครเป็นอันขาด เป็นความลับระหว่างเจ้ากับข้า” มู่ชิงเกอออกคำสั่งอีกครั้ง
เจ้าอ้วนเช่ารีบเม้มปากแน่นในทันที ทำท่าทางปิดปาก
ใครจะรู้ว่าสาร เศษ 1 ส่วน 5 ของมู่ชิงเกอในวันนี้ หลายปีหลังจากนี้จะทำให้หลินชวนมีเทพแห่งผู้คุ้มครองมากขึ้นอีกคน
ทั้งสองที่ไม่ได้พบกันนาน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งฮวาเยวี่ยมาเคาะประตูและบอกว่า ถึงเวลาแล้ว ทั้งสองจึงออกจากสวนสระเมฆาไปพร้อมๆกัน