Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 126

ตอนที่ 126

นางชื่อเจียงหลี!

จองหองเกินไปแล้ว! ใช่ไหม!

ใบหน้าของนายน้อยหงโมโหจนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคลํ้าและแสงสีทองที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยิ่งร้อนระอุ

มุมปากของลู่เสวียนกระตุกพลางแอบยกนิ้วโป้งให้แก่เจียงหลี สาวน้อยคนนี้มี

ความสามารถพิเศษที่ทำให้คนเกลียดโดยมิต้องชดใช้เสียจริงๆ

“นายน้อยหงสั่งสอนนางให้หนักเลย!”

“ใช่ สาวน้อยผู้นี้ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา ต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ”

“นายน้อยหงอดทนสอนนางสักหน่อยว่าควรทำตัวเยี่ยงไร”

“…”

ฝูงชนต่างกระหน่ำโจมตี

ลู่เสวียนกลับหันหน้าแล้วตะโกนใส่พวกเขาอย่างดุเดือด “หุบปากซะ! ใครตะโกนอีก เจอ กันบนสังเวียน ข้าพร้อมน้อมต่อสู้ด้วยความเคารพ”

“เหอะ มีคนจองหองเพิ่มอีกคนแล้ว”

มีคนพูดจาเหยียดหยาม

แต่ทว่า คนส่วนใหญ่สงบลง ถึงขั้นมีบางคนเริ่มกระซิบข้างหูเพื่อบอกสถานะของลู่เสวียน ให้แก่พวกพ้องทราบ

อัจฉริยะแห่งตระกูลลู่ บุตรชายคนเล็กของจวนลู่อ๋อง มิใช่ว่าใครก็สามารถแตะต้องได้ ทันใดนั้น การแสดงออกของหลายคนก็น่าเกลียดพอๆ กับอาการท้องผูก พวกเขาหยุดพูดทันที เพียงมองไปที่บุคคลทั้งสองบนสังเวียนเท่านั้น ดวงตาของพวกเขากลับเผยภาพของความคาดหวังที่เจียงหลีจะถูกสั่งสอน

“นังเด็กบ้า! เจ้าจะจองหองเกินไปแล้ว! วันนี้ข้าจะจัดการ…โอ๊ยยย! ”

ตูม!

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังลั่นจากบนสังเวียน

เกิดอะไรขึ้นหรือ

ผู้คนที่อยู่ใต้สังเวียนต่างงงงวย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเสียงกรีดร้องมิได้มาจากปากของเจียงหลี

พอพลังวิญญาณบนสังเวียนสูญสลายไปหมดแล้ว ฝูงชนก็พบว่านายน้อยหงเดิมทีที่มีคำ สาบานเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ บัดนี้กลับนอนจมลงกับพื้นอย่างไม่รู้สึกตัว

พวกเขารู้สึกว่าสาวน้อยตัวเล็กคนนี้เดิมทีควรได้รับการสั่งสอน บัดนี้ กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ พร้อมกับตบมือราวกับว่าปัดฝุ่นก็ไม่ปาน

แน่นอนว่าเสียงตบมือดัง เพี๊ยะๆ นั้น กลับทำให้ทุกคนรู้สึกแสบแก้วหูเป็นพิเศษราวกับว่า เสียงนั้นตบไปที่แก้มของพวกเขาเอง

“บอกแล้วว่าถ้าเจ้าให้ข้าลงมือก่อน เจ้าก็ไม่มีโอกาสออกอาวุธแล้ว” คำพูดที่คมชัดและ สงบนิ่งเช่นนี้ พูดออกมาจากปากของหญิงสาวที่สวมชุดดำบนสังเวียน ทำให้ผู้คนที่อยู่ ด้านล่างถึงกับนิ่งอึ้งไปตามๆ กันและค่อยๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว

“หลียาโถ่ว ยอดเยี่ยมมาก!” ลู่เสวียนตื่นเต้นยิ่งกว่าเจียงหลีเองเสียอีก

เจียงหลียิ้มให้แก่เขาและชี้นิ้วไปที่สุนัขรับใช้สองตัวที่กำลังจะวิ่งหนีออกไป “พวกเจ้าทั้ง สองก็เป็นเด็กใหม่ของสถาบันไป๋หยวนด้วยล่ะสิ”

คนทั้งสองที่ถูกเจาะจงชื่อ หลังของพวกเขาก็เย็นเยือกอย่างพร้อมเพียงกัน และต่างสบตากันโดยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

แน่นอนว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ของสถาบันไป๋หยวนและมิได้เก่งเท่านายน้อยหง ถึงได้ พึ่งพาเขา แต่บัดนี้ แม้แต่นายน้อยหงยังพ่ายแพ้ต่อสาวน้อยผู้นี้อย่างราบคาบ พวกเขาทั้ง สองจะสู้ไหวได้อย่างไรเล่า

“ณ สถาบันไป๋หยวน ไม่อนุญาตให้พาผู้ติดตามเข้ามาด้วย ต้องเป็นลูกศิษย์เท่านั้นถึงจะ ได้รับการอนุญาต พวกเขาทั้งสองคงเป็นเด็กใหม่อย่างแน่นอน” ลู่เสวียนแลดูมีความสุข บนความทุกข์ของผู้อื่น

เจียงหลีพยักหน้า “พวกเจ้าสองคนขึ้นมาบนสังเวียนเร็ว”

ประโยคง่ายๆ เพียงเท่านี้ กลับยากที่จะต้านทานยิ่งนัก สุนัขรับใช้ทั้งสองตัวอยากวิ่งหนี แต่ทำได้เพียงยอมทำตามคำพูดของเจียงหลีภายใต้สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา

ทั้งสองก้าวขึ้นสังเวียนอย่างขี้ขลาด เพียงท่ายืนก็แพ้อย่างราบคาบแล้ว

เจียงหลียกคางขึ้นแล้วกล่าวว่า “อย่าหาว่าข้ารังแกพวกเจ้า ออกอาวุธมาพร้อมๆ กันได้เลย”

อะไรนะ!

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างมองไปที่หญิงสาวบนสังเวียนด้วยความตกใจและครหาในใจว่า จะ หยิ่งผยองและไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้เลยหรือ

สู้ไม่ไหว! สู้ไม่ไหว!

ทุกคนต่างระบุสมรรถนะให้แก่เจียงหลีไว้เสร็จสรรพแล้วซึ่งแทบจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

ส่วนสองคนนั่นบนสังเวียน พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ราวกับว่าถูกหยามเกียรติ ดูหมิ่นศักดิ์ศรี อย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขามองไปที่เจียงหลีด้วยความโกรธ

“นังตัวดี อย่ามาจองหองให้มันมากเกินไป!”

“พวกเราเข้าไปพร้อมกัน”

พวกเขาทั้งสองส่งเสียงให้กำลังใจตัวเอง ขณะเดียวกันก็จัดกระบวนท่าแล้วพุ่งเข้าหาเจียงหลี

แน่นอนว่าเจียงหลีกลับยืนนิ่ง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นและปล่อยออกไปทันที

ตูมๆ !

ลมจากกำปั้นดุจไฟฟ้า หมัดแข็งแกร่งดุจเสือร้าย

“หกหมัดหนัก” ลู่เสวียนที่อยู่ด้านล่างตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

โอ้ยยย!

โอ้ยยย!

นางออกหมัดหนักหกได้อย่างราบรื่นจนทะลุการป้องกันของพวกเขาทั้งสองได้อย่าง ง่ายดายและพุ่งกระแทกไปที่หน้าอกของพวกเขาโดยตรง ทำให้เสื้อเกราะแตกกระจาย พวกเขาต่างกรีดร้องและลอยออกจากสังเวียนในคราเดียวกัน

เชิงหมัดช่างทรงพลังยิ่งนัก!

พลังมหาศาลยิ่งนัก!

บรรยากาศด้านล่างสังเวียนเงียบสงัด ทุกคนต่างตกตะลึงไปกันหมด

หญิงสาวที่แลดูซูบผอม ภายในร่างกายราวกับขังสัตว์ดุร้ายเอาไว้ ทำให้ผู้คนมิบังอาจดู หมิ่นต่อไปได้

เพราะมีตัวอย่างปรากฏอยู่เบื้องหน้าถึงสามคน ใครจะกล้าดีขึ้นสังเวียนให้ตัวเองต้องเจ็บ ตัวเล่า

เอาชนะคู่ต่อสู้เพียงท่าเดียว!

จุดจบช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้

เมื่อทุกคนปรารถนาที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ พวกเขากลับก็ได้ยินหญิงสาวที่อยู่บน สังเวียนพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก “ได้เพียงสามสิบคะแนนเท่านั้น ยังห่างจากสิบอันดับแรกอยู่มาก”

!

จู่ๆ ทุกคนต่างรู้สึกตึงหนังศีรษะ

คำพูดหยิ่งผยองของหญิงสาวผู้นี้ผุดขึ้นในใจอีกครั้ง นางต้องการเหยียบยอดอัจฉริยะไต่ขึ้นระดับสูง แม้แต่เหล่าบรรดาอัจฉริยะยังอยู่นอกสายตานางเลย นับประสาอะไรกับคน อย่างพวกเขา

ทันใดนั้น พวกเขาต่างกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าของเจียงหลี

แต่ว่า บัดนี้ ลู่เสวียนกลับหัวเราะออกมา “ง่ายนิดเดียว เจ้าไปท้าประลองกับสิบอันดับแรกสิ หากชนะ ก็คว้าคะแนนของพวกเขามาครอบครองได้เลย”

โห่ๆ ๆ ๆ !

ทูนหัวทั้งสอง!

ไม่สิ! คือสองหัวขโมยต่างหาก!

ผู้คนที่อยู่โดยรอบสลายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเจียงหลีจะชำระแค้นในภายหลัง อันที่จริง เจียงหลีมิได้ว่างพอที่จะจดจำใบหน้าของคนที่เยาะเย้ยนางได้หมดหรอก เป็นใครกันบ้าง นางก็ขี้เกียจใส่ใจแล้ว

พอฟังคำพูดของลู่เสวียนเพียงเท่านี้ นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพยักหน้าว่า “นี่เป็นความคิดที่ดี”

หลังจากพูดจบ นางก็กระโดดลงจากสังเวียนอย่างคล่องแคล่วและเดินไปที่ป้ายตาราง คะแนน นางอยากดูรายละเอียดให้แน่ชัดว่าใครอยู่ในสิบอันดับแรกและตอนนี้ใครอยู่บน สังเวียนบ้าง

แต่ทว่า ก่อนที่นางจะเดินไปถึง เงาของใครบางคนก็ดึงดูดความสนใจของนางไว้

พอนางมองไปที่บุคคลนั้น เขาก็มองนางกลับเช่นกัน

“เจียงหลี!”

อีกฝ่ายกัดฟันเรียกชื่อนาง

เพลานี้ ผู้คนที่ได้เห็น ‘พลังอันยิ่งใหญ่, ของเจียงหลีต่างรู้แล้วว่าหญิงสาวที่ดุร้ายในชุดดำผู้นี้ชื่อว่าอะไร

เจียงหลียักคิ้วแล้วมองไปที่ชายผู้นั้นด้วยรอยยิ้ม “โจวเย่าจู่ โลกนี้ช่างกลมเสียจริง”

ได้ยินคำพูดของนางเพียงเท่านี้ สีหน้าของโจวเย่าจู่ก็ดูแย่ลงทันทีและดูเหมือนว่าเขาจะจำเหตุการณ์ที่ตนถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ในอดีตที่ผ่านมา

บัดนี้ เจียงหลีมิใช่สาวน้อยที่จะปล่อยให้เขารังแกได้อีกต่อไป!

“หลียาโถ่ว พวกเจ้าสองคนเคยบาดหมางกันหรือ” ลู่เสวียนเขยิบเข้าไปใกล้เจียงหลีแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ สายตาที่มองไปทางโจวเย่าจู่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู

นางตอบลู่เสวียนไปพลางและเดินไปหาบุคคลนั้นไปพลาง โดยไม่คำนึงถึงสีหน้าของคน อารมณ์ไม่ดีอย่างโจวเย่าจู่เลย “คนแจกคะแนนมากแล้ว”

ยุงจะตัวเล็กสักเพียงใดก็มีเลือดเนื้อเช่นเดียวกัน สิบคะแนนก็คือคะแนน

“เจ้า… เจ้าจะทำอะไร” พอมองเห็นเจียงหลีเดินเข้ามา โจวเย่าจู่ก็รีบถอยห่างด้วยความตกใจ

แต่ทว่า เจียงหลีกลับคว้าขอบเอวกางเกงแล้วลากเขาขึ้นไปบนสังเวียนที่ว่างเปล่าในบริเวณ ใกล้ๆ ท่ามกลางสายตาของสาธารณชนทั้งหลาย “ขึ้นสังเวียนมาสู้กับมารดาเจ้าเถิด!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!