Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 160

ตอนที่ 160

ลงโทษคนที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม

น้ำเสียงของเจียงหลีกังวานดังก้องไปทั่วทั้งสนามล่าสัตว์

ทุกคนประหลาดใจและตกใจอย่างยิ่ง

หรือว่าวันนี้หลิงเจี้ยงอายุสิบสามจะได้เหยียบหน้าเชื้อพระวงศ์ใช่ไหม

ต้องรู้ด้วยว่าในราชวงศ์ฝั่งเทียนเจียวรุ่นนี้ออกมาคือองค์หญิงซีสยาและองค์หญิงอันผิง นอกจากนี้มีองค์ชายอีกสองพระองค์ทยังไม่เสด็จมาถึงงาน

สี่คนนี้ได้ยึดครองตำแหน่งสี่ในสิบของอัจฉริยะทั้งสิบแห่งเมืองหลวงไปแล้ว

เพลานี้เจียงหลีทำให้องค์หญิงซีสยายอมล่าถอย แต่กลับไปท้าทายองค์หญิงอันผิงต่ออีก สำหรับฝูงชนแล้วเห็นได้ชัดว่าเจียงหลีจงใจยั่วยุเหล่าราชวงศ์

สาวน้อยผู้นี้ช่างกล้าดีจริงๆ!

“เหอะพรสวรรค์เท่าหางอึ่งเยี่ยงเจ้าทำท่าหยิ่งผยองนัก องค์หญิงเป็นผู้ที่ใครก็สามารถท้าทายได้หรือ” เสียงเยาะเย้ยดังลอยมาจากทางค่ายสำนักหลิงอู๋

“ใช่แล้ว องค์หญิงอันผิงเป็นถึงเทียนเจียวจะมาเทียบกับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้ อย่างไร”

“ช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

“…”

น้ำเสียงเย้ยหยันดังมาไม่ขาดสาย

เจียงหลีไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพียงแต่ยักคิ้วถามกลับไปหนึ่งประโยค “ทำไม อยากท้าทาย ลูกศิษย์สำนักหลิงอู๋ต้องถามหาโคตรเหง้าศักราชด้วยหรือ”

ประโยคเดียวทำเอาพวกปากพล่อยถึงกับหน้าถอดสี

เจียงหลีขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงให้เป็นตัวตลกที่นี่จึงได้แต่มองไปยังมู่หว่านโหรว “องค์หญิงท่านกล้าหรือไม่”

น้ำเสียงฟังดูจงใจยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด

แม้แต่คนที่ไม่ทราบสาเหตุก็ยังสามารถได้กลิ่นตุๆ

ดูเหมือนระหว่างสาวน้อยผู้นี้กับองค์หญิงอันผิงจะมีอดีตความแค้น

แม้กระทั่งจิ่งเยี่ยยังขมวดคิ้วมุ่นกวาดสายตาเย็นชาดั่งน้ำแข็งมองไปที่มู่หว่านโหรว

มู่หว่านโหรวยังคงสงวนท่าทางเยือกเย็นรักษาความสูงส่งของนางเอาไว้ราวกับเทพธิดาต่อการท้าทายของเจียงหลีจึงทำให้ผู้ชมทั่วทุกสารทิศยลโฉมนางด้วยความหลงใหล

มู่ชิงเหยียนขมวดคิ้วสายตาสอดส่ายไปมาระหว่างเจียงหลีกับมู่หว่านโหรวอย่าง หวาดระแวง

โจวยวนกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แต่โพล่งขึ้นมาด้วยความโกรธ “พี่ชิงเหยียน ทำไมท่านถึงแพ้นางได้ล่ะเพคะ นางต้องมีเล่ห์เหลี่ยมใช่หรือไม่”

เมื่อนางกล่าวจบก็กัดฟันหันไปมองเจียงหลีที่ไม่สนใจนางเลยสักนิด

“แพ้ก็คือแพ้” มู่ชิงเหยียนสามารถมองเห็นทะลุอย่างถ่องแท้ เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใช้พลังทั่hงหมด ถึงแม้การชนะของเจียงหลีจะมีส่วนฉวยโอกาสเล่นเล่ห์เหลี่ยมแต่ในฐานะองค์หญิงผู้สูงศักดิ์อย่างไรก็ต้องรับผลการกระทำนี้ และไม่ใช่ผู้ที่ไม่สามารถปฏิเสธความพ่ายแพ้ได้

“ท่านดูนางสิ ชักบังอาจเกินไปแล้วไหนยังจะกล้าท้าทายพี่หว่านโหรวอีก” โจวยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

“เงียบไว้” มู่ชิงเหยียนเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “บางทีอาจจะเกิดเรื่องที่เราไม่รู้ระหว่างพวกนาง สองคนก็ได้และด้วยสาเหตุที่ไม่รู้อย่างไรเสียก็ไม่ควรแสดงความคิดเห็นตีตนไปก่อนไข้ หว่านโหรวทราบดีว่าควรจัดการเช่นไร”

“ก็ได้เพคะ” โจวยวนเบะปากอย่างอดไม่ได้ ถึงแม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ขัดคำพูดของมู่ชิง เหยียน

ทั่วทั้งอาณาบริเวณเงียบสงบลง

ภายใต้การจ้องมองอย่างกดดันของเจียงหลีนั้นมู่หว่านโหรวก็ค่อยๆ เดินเข้าใกล้แล้วยืน ประจันหน้านาง

“องค์หญิงอันผิงยอมรับคำท้านางจริงๆ ด้วย!”

“ไว้หน้านางเกินไปแล้ว!

“ชู่ว อย่าเอ็ดไป องค์หญิงอันผิงก็แค่ไม่พอใจที่นางอวดดีจึงเตรียมสั่งสอนนางเท่านั้น”

“จริงด้วย ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ”

“…”

การสนทนาเซ็งแซ่โดยรอบหยุดทันทีเมื่อมู่หว่านโหรวเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และมองไปยังเจียงหลีด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าช่างสร้างความประหลาดใจให้ข้ามากจริงๆ เจ้าก้าวหน้ารวดเร็วก็จริงแต่นั้นกลับไม่ควรเป็นต้นทุนที่น่าภูมิใจของเจ้า”

“คราวหน้าหากข้าว่างไว้จะมาฟังคำสอนขององค์หญิงอีก แต่วันนี้ขอให้องค์หญิงโปรด ชี้แนะโดยไม่ต้องออมมือด้วยเพคะ” เจียงหลีพูดยิ้มแหะๆ ไม่เคืองโกรธในน้ำเสียงท่าทาง ถือตัวกับนางเลยสักกระผีก

มู่หว่านโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจนัก “เจ้ามั่นใจในตนเองหรือ”

“หนทางการฝึกฝนช่างยากลำบาก หากไม่มั่นใจในตนเองแล้วจะเดินต่อไปได้อย่างไร” เจียงหลีตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ

การต่อปากต่อคำของนางทำให้คนรู้สึกถึงว่านางไม่ชอบมู่หว่านโหรว

ถึงแม้นํ้าเสียงนางยังคงดูมีการศึกษาแต่ความขัดแย้งในใจกลับเห็นได้ชัด

“ก็ดี ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนี้ก็เข้ามาเลยสิ” มือดั่งหยกของมู่หว่านโหรวยกขึ้นพลังวิญญาณเกี่ยวกระหวัดบนมือของนาง

เช่นเดียวกับเจียงหลี วรยุทธ์ที่นางปล่อยออกมายังคงเป็นหัตถ์เทพเด็ดดารา

ดูเหมือนว่าก่อนที่นางตอบโต้เจียงหลีเคยใช้วรยุทธ์ของลำนักหลิงอู๋ต่อสู้ชนะมู่ชิงเหยียน

นัยน์ตาของเจียงหลีฉายแววเย็นชายกมือหยกอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยพลังท่วงท่าเช่นเดียวกัน

“ล้วนแต่เป็นหัตถ์เทพเด็ดดารา”

“สรุปแล้ววรยุทธ์นี้ผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ”

“ว้าว คิดไม่ถึงว่าจะได้ดูการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ในงานวสันต์ฤดูล่าสัตว์”

ตู้ม ตู้มม!

ทั้งสองผสานพลังมือหยกขึ้นพร้อมกัน ฝ่ามือขาวไร้ตำหนิประสานกันกลางอากาศ

สั่นสะเทือนจนพลังวิญญาณกระเพื่อมราวกับระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ

อ้ากก!

ฝูงชนที่ดูเหตุการณ์อุทานอย่างตกใจแล้วถอยหลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายสร้างอาณา บริเวณกว้างให้กับผู้แสดงฝีมือทั้งสองคน

จิ่งเยี่ยเม้มริมฝีปากหน้าเรียบตึงยืนอยู่กับที่ เจียงหลีเพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าอย่าให้เขากระทำ การบุ่มบ่าม แต่ถ้าเห็นกับตาว่าน้องสาวกำลังถูกรังแกจะให้เขานั่งอยู่กับที่หรือ

กรอบ!

มือคู่นั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่นกระดูกลั่นจนเกิดเสียง

เจียงหลีและมู่หว่านโหรวต่อสู้กันการเคลื่อนไหวของพวกนางรวดเร็วใช้วรยุทธ์ที่ หลากหลายและผสมผสานกันได้เป็นอย่างดี

ดูเหมือนท่าร่างของมู่หว่านโหรวจะแข็งแกร่งกว่าเจียงหลี

หลังจากตอบโต้อยู่หลายครั้งนางจึงใช้วรยุทธ์ท่าร่างชวนเสินอิ่นที่ได้มาจากหนานอู๋เฮิ่น ทันใดนั่นร่างของเจียงหลีก็หายไปจากข้างกายมู่หว่านโหรวกลายเป็นแสงเงาและหายไป ไม่รู้แห่งหน

มู่หว่านโหรวหยุดชะงักดวงตาคู่งามเสาะหาเพื่อกำหนดตำแหน่งเจียงหลีเอาไว้ แล้วในขณะนั้นเองก็มีมือหยกคู่หนึ่งพุ่งเข้ามาจู่โจมนาง มู่หว่านโหรวโต้อย่างทันควัน เปลี่ยนกระบวนท่าร่างต่อเนื่องไม่มีหยุดแต่มวยผมกลับหลวมผมยาวสลวยจึงคลี่สยายลงมา

ฉากนี้ทำให้ฝูงชนเกิดความโกลาหล

มู่หว่านโหรวผู้มีผมยาวคลุมไหล่ทำให้เพิ่มความเป็นผู้หญิงแต่สำหรับนางแล้วมันกลับ เน้นความอัปยศ

“หัตถ์เทพเด็ดดารานี้ยอดเยี่ยมจริงๆ” ร่างของเจียงหลีปรากฏอยู่ตรงหน้านางในมือของ นางถือปิ่นปักผมทองซึ่งเป็นสิ่งที่มู่หว่านโหรวเคยปักเส้นผมบนศีรษะมาก่อน

แววตาของมู่หว่านโหรวเรียบนิ่งทว่าแฝงด้วยความอาฆาต

สบถเพียงหนึ่งเสียง เบื้องหลังของนางเกิดแสงสีทองอร่ามต้องการปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ฉีกเวหาาาา!”

“ฉีกเวหาาาา!”

“ฉีกเวหาาาา!”

ทันใดนั้นเจียงหลีเปิดฉากโจมตีด้วยทักษะพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ติดกันสามครั้ง แม้กระทั่ง วิญญาณยุทธ์ก็ยังมิทันได้ปลดปล่อยออกมา

ด้านหลังมู่หว่านโหรวปรากฏร่างมายาของหงส์สองเศียร แต่ยังไม่ทันทีนางได้ปลดปล่อย ทักษะพรสวรรค์ การโจมตีทับซ้อนของเลี่ยเทียนซื่อก็จวนเจียนเข้ามาเสียแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร สามารถเปิดฉากโจมตีด้วยทักษะพรสวรรค์ติดกันสามครั้งได้ด้วย หรือ”

ทุกคนต่างตกตะลึง

มู่หว่านโหรวเบิกตาโพลง นางคิดว่าตัวเองเข้าใจเจียงหลีถ่องแท้แต่กลับคาดไม่ถึงว่ายังประเมินนางต่ำไป

ตู้มๆๆ!

พลังของเลี่ยเทียนซื่อกลืนกินมู่หว่านโหรว

พลังรุนแรงทำให้ทุกสิ่งรอบตัวกลายเป็นผุยผงจึงทำให้สายตาของทุกคนพร่ามัว

แต่กลับกันพวกเขาสามารถมองเห็นความเย็นยะเยือกในดวงตาของเจียงหลีได้อย่างชัดเจน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!