ตอนที่ 191
ลู่เจี้ย ลู่เจี้ย!
เจียงหลีคาดคิดไม่ถึงว่าการเจอกับหม่าหยวนจย่าในครั้งนี้ จะเป็นการเจอที่สถาบันไป๋ หยวน
เขาตัดสินใจที่จะอยู่ ส่วนกองกำลังลับของตระกูลลู่ได้หนีไปพร้อมกับร่างของลู่อ๋องและ พระชายาแล้ว
“คุณหนู นายน้อยสั่งไว้แล้วว่าให้พวกท่านต้องหาทางกลับซูหนานด้วยตนเอง” หม่า หยวนจย่าที่ยืนอยู่ขางเจียงหลีรายงานด้วยเสียงที่ทุ้มตํ่า
เขาแอบมองไปที่ลู่เสวียนที่เงียบอยู่นั้น และถอนหายใจ
“เขายังบอกอะไรอีกบ้าง” เจียงหลีซักถามด้วยน้ำเสียงใจเย็น หาทางกลับเอง วิธีนี้สมกับ การที่เป็นลู่เจี้ยเสียจริง
หม่าหยวนจย่าเงยหน้าขึ้นมามองดูนาง และก้มลงไปอย่างรวดเร็ว “เขายังบอกอีกว่า… การเป็นผู้แกร่งกล้านั้น ก็เหมือนดั่งเหล็กแท่งหนึ่ง ถ้าหากไม่ผ่านการใช้งาน ถึงจะ แข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังคงเป็นเพียงเศษเหล็กชิ้นหนึ่ง แต่สำหรับคุณหนูและซื่อจื่อแล้ว การฝึกฝนในเรื่องความเป็นความตายนั้น ก็เหมือนดั่งการบรรลุของหงส์ พวกท่าน จำเป็นต้องเหมือนไฟ ยิ่งต่อสู้มากแค่ไหนก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”
“ต้องเหมือนดั่งไฟ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง!” ลู่เสวียนที่กำลังเงียบอยู่นั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและ พูดประโยคนี้ซ้ำอีกครั้ง
“นายน้อยลู่พูดถูก ในโลกใบนี้สิ่งที่สามารถปกป้องให้กับพวกท่านปลอดภัยตลอดไปนั้น มีเพียงแค่ตัวพวกท่านเอง ดังนั้น พวกท่านจำเป็นต้องแข็งแกร่งต่อไป ยิ่งช่วงเวลาที่มีแรงกดดันมากก็จะเป็นช่วงที่พวกท่านเติบโตได้เร็วขึ้น นายน้อยลู่เป็นบุคคลที่เก่งมาก ท่านไม่เคยเสียเวลากับโอกาสที่จะฝึกซ้อมพวกท่านเลยแม้แต่น้อย” หนานอู๋เฮิ่นถอน หายใจ
จากเมืองซูหนานถึงซั่งตู
เขาสังเกตได้ว่านายน้อยลู่ที่ถูกประณามว่าเป็นคนไร้ประโยชน์นั้น กำลังใช้กลวิธีของ ตนเองปกป้องคนรอบข้างอยู่ แต่ในการปกป้องนี้คือการที่สามารถทำให้พวกเขา แข็งแกร่งได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่ใช้ให้ผู้อื่นมาปกป้องตนเอง
แสงในดวงตาของลู่เสวียน เปล่งประกายขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่พูดถูก! ข้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง! ข้าจะใช้ความสามารถของตนเองกลับไปถึงที่ซูหนานให้ได้!”
เจียงหลีนิ่งเงียบและไม่พูดอะไร
การฝึกฝนในความเป็นความตายเป็นวิธีที่สามารถเติบโตได้มากที่สุด เหตุผลนี้นางจะไม่ เข้าใจได้อย่างไร เพียงแต่ว่านางในตอนนี้ไม่อยากที่จะฝึกฝนความเป็นความตายอีกแล้ว นางเพียงแค่อยากกลับไปเคียงข้างชายคนนั้นให้ไวเท่านั้นเอง
ลู่เจี้ย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักและการทำสงครามกับราชวงศ์ ร่างกายของเขา จะสามารถแบกรับความเจบปวดเหล่านี้ได้หรือไม่
“ท่านอาจารย์หนาน ท่านจะมอบสิ่งใดให้กับพวกข้ารึ” เจียงหลีหันสายตามองไปที่ หนานอู๋เฮิ่น
ในวันนี้ หนานอู๋เฮิ่นปรากฏตัวและได้ช่วยพวกเขาไว้ ทeให้นางรู้สึกขอบคุณเป็นอย่าง มาก
หนานอู๋เฮิ่นยิ้ม หยิบจดหมายซองหนึ่งจากอก และมอบให้กับเจียงหลี “ในที่สุดก็ไม่ทำ ให้เสียความไว้วางใจของนายน้อยลู่แล้ว”
“จดหมายเข้าเมืองรึ” เจียงหลีที่มองดูตัวอักษรที่อยู่บนนั้นอย่างชัดเจน เอ่ยปากถามและ มองไปที่หนานอู๋เฮิ่น
หนานอู๋เฮิ่นอธิบาย “นี่เป็นจดหมายที่แนะนำให้ไปยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน จากที่ ข้าดูความต้องการของนายน้อยลู่แล้ว คือไม่อยากให้พวกท่านสองคน เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ สงครามครั้งนี้ ท่านหวังอยากให้พวกท่านเดินหน้าฝึกฝนต่อไปที่ซีเฉียน
เจียงหลีขมวดคิ้ว
ลู่เสวียนแสดงปฏิกิริยารุนแรงและลุกขึ้นยืน “ข้าไม่ไป! แค้นครั้งนี้ของท่านพ่อท่านแม่ยังไม่ได้ชำระ ข้าจะไม่ออกจากโฮ่วจิ้นเด็ดขาด”
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “พวกท่านจะไปหรือไม่ก็ไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว รอเวลาที่พวกท่านกลับถึงซูหนานและเจอกับนายน้อยลู่เมื่อไหร่ ค่อยไปบอกเขาเองแล้วกัน”
กล่าวไปกล่าวมา เขาหันไปทางเจียงหลี คำพูดแลดูมีความหมายลึกซึ้ง “เด็กน้อย เจ้ายัง จำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล สายตาของเจ้าจะต้องมองไป ให้ไกลเช่นกัน”
หัวใจของเจียงหลีสั่นสะท้าน นางจำคำพูดของหนานอู๋เฮิ่นได้แน่นอน นางยังจำได้อีกว่า สถาบันไป๋หยวนของเมืองต่างๆ เพียงเพื่อที่จะคัดเลือกตำแหน่งผู้ที่แข็งแกร่งให้กับซีฮวง เมื่อนางได้ทราบเช่นนี้แล้ว ก็มีความคิดที่อยากจะไปที่ซีฮวงเลยทันที
จุดมุ่งหมายหลักที่ลู่เจี้ยให้พวกเขาออกจากสถาบันไป๋หยวนที่โฮ่วจิ้น แล้วเดินหน้าไป สถาบันไป๋หยวนที่ซีเฉียน ก็เพื่อที่จะให้พวกเขาจะฝึกฝนตนเองอย่างตั้งใจและสามารถ เข้ารับเลือกตำแหน่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในซีฮวงได้มิใช่หรือ
ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย เจ้าได้ทำการวางแผนไว้หมดแล้วงั้นหรือ เจ้าให้ลู่เสวียนและข้าหนีไปนั้น เพื่อที่เจ้าจะได้แบกรับทุกสิ่งอย่างจากที่นี่ไว้เพียงผู้เดียวหรือ หัวใจของเจียงหลีเริ่ม สับสน
หลังจากเก็บจดหมายเข้าเมืองนั้นแล้ว เจียงหลีได้หันไปทางหนานอู๋เฮิ่น “ท่านอาจารย์ หนาน เรื่องฝึกฝนความเป็นความตายนี้ ให้เจ้านี้ฝึกก็เพียงพอแล้ว มีวิธีไหนที่สามารถให้ ข้ากลับไปยังซูหนานได้เร็วที่สุดหรือไม่”
“…”
“…”
หนานอู๋เฮิ่นและลู่เสวียนหันไปมองนางด้วยความประหลาดใจ
เจียงหลีหันไปทางลู่เสวียน “เจ้ารู้ดีเรื่องสุขภาพร่างกายของพี่ชายเจ้า ข้าไม่ไว้วางใจเขา ข้าต้องรีบกลับไป การเติบโตในสงครามเช่นนี้ สำหรับข้าแล้วไม่ได้มีโอกาสเพียงแค่ครั้ง นี้หรอก เจ้าดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน”
เมื่อพูดถึงสุขภาพร่างกายของลู่เจี้ยแล้ว สายตาของลู่เสวียนก็แสดงออกถึงความกังวลใจ เขามองไปทางหนานอู๋เฮิ่นพร้อมกับวิงวอนเขา “ท่านอาจารย์หนาน ขอร้องท่านช่วยคิด หาวิธีส่งนางกลับไปยังเมืองซูหนานทีเถิด”
ดวงตาของหนานอู๋เฮิ่นเปล่งประกายพร้อมกับกล่าวว่า “ความจริงมันก็มีทางลัดอยู่ทาง หนึ่ง ที่จะสามารถหลบหนีจากการสืบค้นเมืองได้หลังจากที่ออกจากซั่งตูแล้วให้ข้ามไป ที่ฉงหลิ่ง ถ้าหากใช้ทางลัดในการเดินทางนั้น จะเดินทางได้อย่างราบรื่นและจะสามารถ ไปถึงนอกเมืองซูหนานได้ภายในห้าวัน”
เจียงหลีพยักหน้า “ดีเลย! ถาอย่างนั้นก็ใช้เส้นทางนี้แล้วกัน”
“แม่นาง พวกข้าจะไปกับท่านด้วย” อวี้ซูดึงน้องชายยืนขึ้นกล่าว
เจียงหลีมองไปที่ทั้งสอง สายตาที่มุ่งมั่นของทั้งสองทำให้นางรู้สึกซึ้งใจพร้อมกับพยัก หน้า
………………………….
การเคลื่อนไหวของราชวงศ์นั้นรวดเร็วมาก แต่ทว่าการเคลื่อนไปของหนานอู๋เฮิ่นก็ไม่ช้า เช่นกัน
ก่อนที่เหล่ากองทัพทหารมาของราชสำนักจะล้อมรอบสถาบันไป๋หยวนนั้น หนานอู๋เฮิ่นก็ได้นำพาทั้งสามคนหนีออกไปอย่างเงียบๆ แล้ว ส่งพวกเขาออกจากทางลัดและไปถึง นอกเมืองซั่งตู
“เด็กน้อย ถึงแม้จะเป็นทางลัดแต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีอันตราย เหล่าทหารที่ไล่ล่า ของราชวงศ์สามารถตามทันได้ตลอดเวลา พวกเจ้าต้องคอยระวังไว้ตลอดทาง ทางเดิน เข้าภูเขาเส้นนี้เป็นทางที่อันตรายที่สุดทางหนึ่ง เจ้าจะต้องผ่านไปให้ไวที่สุด” หนานอู๋ เฮิ่นกล่าวเตือนเจียงหลีก่อนจะลาจากไป
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์หนานเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ จะลำบากสถาบันไป๋ หยวนไปด้วย” เจียงหลีกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มและกล่าวอย่างเมินเฉย “ไม่มีอะไร เขาทำได้เพียงล้อมรอบสถาบันไป๋ หยวนไว้ไม่ให้ผู้คนเข้าออกได้เท่านั้นเอง แตะต้องสถาบันไป๋หยวนอย่างนั้นรึ เขามู่เจิ้ง เฟิงยังไม่มีความกล้าเช่นนี้หรอก!”
เจียงหลีขำเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งมากพอจึงจะมีความ มั่นใจเช่นนี้สินะ!
หนานอู๋เฮิ่นจากไปแล้ว เจียงหลีก็นำทางพาอวี้ซูและอวี้เฉินออกไปอย่างเร็วไว
เพียงแต่ว่า ความโชคดีนั้นจะไม่ได้อยู่ข้างนางเสมอไป
ขณะที่พวกนางห่างจากทางที่เข้าสู่ภูเขานั้นเพียงครึ่งชั่วโมง เหล่าทหารไล่ล่าของ ราชวงศ์นั่นก็มาถึง เสียงเท้าของม้าที่กำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว จากทางด้านหลังอีกทั้งผง ฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมานั้น ทำให้พวกเขาทั้งสามสบสายตากัน
“พวกมันกำลังตามทันแล้ว!” อวี้ซูกล่าวด้วยความตกใจ
เจียงหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย ฮ่องเต้ไม่ทราบว่าพวกเขาใช้ทางเส้นนี้หนีออกไป แต่ทว่า เส้นทางที่จะออกจากซั่งตูนั้น พวกเขาต้องสั่งการให้ไปสืบค้นอย่างแน่นอน พวกเขาโชค ไม่ดีที่ไปเจอเข้าเสียแล้ว
“แม่นางหนีไปก่อน เดี๋ยวพวกข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน” อวี้ซูกล่าวกับเจียง หลี
ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว พร้อมกับสายตาอันเด็ดขาดของนาง เจียงหลีก็รู้ได้เลยทันที ที่ทั้ง สองยืนหยัดที่จะตามตนมานั้น แท้จริงแล้วได้คิดการไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าหากตกอยู่ในช่วงคับขัน จะช่วยนางเบี่ยงความสนใจของเหล่าทหารออกไป เพื่อช่วยให้นางหนีรอดไปได้
“ไม่ได้เด็ดขาด! หากจะไปก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด” เจียงหลีปฏิเสธทันที
อวี้ซูรีบส่ายหัว “แม่นางฟังข้าเถอะหนีไป! ที่ตรงนี้ห่างออกจากเมืองเพียงน้อยนิดถ้า หากมีการต่อสู้ขึ้นมา จะไปกระตุ้นความสนใจของเหล่ากองทัพรอบๆ ได้ ถึงกระนั้นอยากหนีก็หนีไม่รอดแล้ว
“พี่ พาแม่นางหนีไปก่อน ข้าจะไปเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันไว้” ขณะที่อวี้ซูกำลัง โน้มน้าวเจียงหลีอยู่นั้น อวี้เฉินก็ได้วิ่งไปทางเหล่ากองทัพทหารแล้ว