Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1

บทที่ 1

ถูกคนหามเดินไปข้างหน้า

เมื่อกู้ซีจิ่วฟื้นขึ้นมาก็พบกับปัญหาร้ายแรงข้อหนึ่ง สภาพแวดล้อมรอบๆ เปลี่ยนไปเป็นแบบที่เธอไม่คุ้ยเคยอย่างสิ้นเชิง! ผ้าม่านโปร่งบางปลิวไสวไปตามแรงลม ชายคาทรงปลายงอนมีคานรองแบบโบราณ ระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยววกวน…

เมื่อมองผ่านระเบียงออกไปยังด้านนอก มีพระจันทร์เสี้ยวดวงหนึ่งลอยอยู่กลางฟ้า ดวงดาวสุกสกาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าและตัวเธอที่นอนอยู่ในแนวราบกำลังถูกคนหามเดินไปข้างหน้า

เธองุนงงเล็กน้อยจึงลองขยับตัวดูอย่างอดไม่ได้หลังจากนั้นก็พบปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม…ร่างกายเธอ เปลือยเปล่า! ร่างของเธอถูกห่อไว้ด้วยผ้าห่มไหมบางๆ ผืนหนึ่ง ผ้าห่มไหมผืนนั้นห่อหุ้มเธอเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหนาแน่น เหลือเพียงดวงตาคู่เดียวที่โผล่ออกมาด้านนอก สายตาเย็นชาของเธอมองไปยังชายร่างใหญ่สองคนที่กำลังหามเธออยู่

พวกเขาดูแข็งแกร่งกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณแม้จะหามคนเดินอยู่แต่ก็ไร้สุ้มเสียง ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ไม่เลว

กู้ซีจิ่วกำมือแน่นอยู่ในผ้าห่ม เธอคือสุดยอดนักฆ่าในยุคปัจจุบัน โหดเหี้ยมเย็นชา ไม่มีใครเทียบได้ในใต้หล้านี้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนที่ไว้ใจที่สุดลอบทำร้ายได้ คนๆ นั้นชื่อหลงซี เป็นอดีตครูฝึกของเธอและเป็นหมอด้วย เธอไม่เชื่อใจใคร เชื่อใจเพียงแต่เขา ถึงขั้นชอบเขาและอยากแต่งงานกับเขา

ไม่คิดเลยว่าเขาจะลอบทำร้ายเธอได้ เขาวางยาสลบเธอ จากนั้นก็ทำการผ่าตัดเพื่อจะนำหัวใจเธอไปเปลี่ยนถ่ายให้กับคู่หนั้นของเขาที่ป่วยหนัก

แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาระหว่างการเปลี่ยนถ่ายหัวใจ…บนเตียงผ่าตัด เธอสังหารเขาที่ลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง จากนั้นก็แทงทะลุหัวใจตน…

เดิมทีเธอได้ตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ไปดื่มชากับท่านยมบาล แต่กลับมาโผล่ที่นี่อย่างลึกลับ เวลานี้เธอไม่ได้คิดว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ถ่ายทำอะไรทั้งนั้น

เธอทะลุมิติ!

เธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ถูกคนห่อเอาไว้เหมือนบ๊ะจ่าง แล้วหามไปยังคฤหาสน์ที่โอ่อ่าหรูหรามากหลังหนึ่ง ฝีเท้าของทั้งสองคนรวดเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาก็มาถึง หน้าประตูคฤหาสน์แล้ว ประตูคฤหาสน์ทั้งสองด้านเปิดอ้าออกอย่างเงียบเชียบ…

“อา…อา…ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…อา อา อย่า…” มีเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของหญิงสาวดังออกมาในทันใด ปลุกให้กู้ซีจิ่วที่ความคิดล่องลอยกลับมามีสติ อีกครั้ง เธอกวาดมองไปอย่างรวดเร็วด้วยแววตาแข็งกร้าว!

ภายในคฤหาสน์ตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้จันทน์แดง ฉากกั้นลมลายหมู่วิหคมวลบุปผาและเต่ากระ ทั้งหมดนี้บรรยายออกมาได้เพียงสองคำ…เลิศหรู!

แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเตียงใหญ่หลังหนึ่งซึ่งหรูหรา งดงามเกินบรรยาย บนเตียงนั้นมีผ้าม่านห้อยย้อยลงมาครึ่งหนึ่ง และมีร่างกายขาวผ่องสองร่างกำลังพัวพันกันอยู่…

ชายผู้ที่อยู่ด้านบนมีใบหน้าหล่อเหลา อายุราว 27-28 ปี เรือนผมยาวสลวยที่ถูกกลัดไว้ด้วยปิ่นหยกเขียวยุ่งเหยิงแผ่สยายไปทั่วลาดไหล่ กล้ามเนื้อหนั้นแน่น ท่วงท่าการเคลื่อนกายขึ้นลงของเขาดูแข็งแรงและทรงพลัง เขาเม้มริมปีปากนิดๆ เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาบางๆ ช่างเป็นชายหนุ่มร่างกำยำแสนหล่อเหลาและเย็นชา

ส่วนด้านล่างนั้นเป็นเด็กสาวที่ดูบอบบางนางหนึ่ง ดูๆ ไปแล้วยังเด็กนัก ใบหน้างดงามพริ้มเพรา ทว่าสีหน้าขาวซีดของเด็กสาวตัวน้อยช่างแตกต่างกับชายหนุ่มที่มีสีหน้าสุขสม ริมฝีปากเล็กอ้าออกน้อยๆ ร้องไห้สะอึกสะอึ้นด้วยนํ้าเสียงแหบแห้ง หยาดเหงื่อเย็นเยียบไหลชุ่มโชกเส้นผมของนาง เห็นได้ชัดว่าได้รับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด สีหน้าของกู้ซีจิ่วเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ‘ไอ้ชาติชั่วเอ๊ย นี้มันพรากผู้เยาว์ชัดๆ! มันเป็นใครกันแน่?’

ชายร่างใหญ่สองคนนั้นหามกู้ซีจิ่วเข้าไป แต่ก็ไม่เป็นการรบกวนความสุนทรีของชายผู้นั้น การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น! ในที่สุดเด็กสาวตัวน้อยก็ทนรับไม่ไหว นางกรีดร้องเสียงแหบแห้งออกมาสองสามครั้ง นัยน์ตาเหลือกขึ้น ศีรษะพับเอียงลง ร่างกายแน่นิ่ง

“น่าชังนัก!” ชายคนนั้นสบถเสียงตํ่าออกมาคราหนึ่ง เขาพลิกกายผละออกจากร่างกายของเด็กสาว แล้วอาศัยจังหวะนั้นใช้เท้าถีบเด็กสาวลงมาจากเตียงราวกับขยะชิ้นหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นแน่นิ่ง ดวงหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด มุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมา ไม่รู้ว่าเป็น หรือตาย

“นังนี่ใช้การไม่ได้แล้ว เอาศพมันไปทิ้งที่สุสานร้างให้สุนัขกินเสีย!” นํ้าเสียงของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!