Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1032

บทที่ 1032 เอี๊ยมสตรีสีเงินยวง

หลงซือเย่แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เกือบทั้งร่างทับอยู่บนร่างเย่หงเฟิง หากมิใช่ว่าเย่หงเฟิงฝึกฝนวรยุทธ์มากว่าหนึ่งปีแล้ว มีพื้นฐานแล้ว คาดว่าคงถูกเขาทับจนล้ม ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็ยังเดินโซเซอยู่ดี

สติเพียงหนึ่งเดียวของหลงซือเย่คือโคมแดงที่แกว่งไกวอยู่ตรงมุมร้าน…

….

ยามที่หลงซือเย่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักที่หรูหรายิ่งนักห้องหนึ่ง ในห้องมีแค่ตัวเขา

ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือการปวดหัวจากอาการเมาค้าง

เขานวดหว่างคิ้วของตนแรงๆ ลุกขึ้นนั่ง เรื่องราวเมื่อคืนผุดขึ้นมาในสมองรางๆ เนื่องจากเขาอารมณ์ไม่ดีจึงดื่มไปมาก เย่หงเฟิงอยู่เป็นเพื่อนเขา ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นเธอเช่นกันที่พาเขามาส่งยังห้องพักนี้

ที่แท้ตัวเขาหลงซือเย่ก็มีช่วงเวลาที่ดื่มจนเมามายไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

เขากดตรงขมับเตรียมจะลุกขึ้น แต่พอเลิกผ้าห่มออกเขาก็แข็งทื่อไปทันที!

บนฟูกนอนสีขาวใต้ร่างมีคราบโลหิตวงเล็กๆ เปื้อนอยู่!

นี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือบนเตียงของเขายังมีเอี๊ยมสตรีสีเงินยวงผืนหนึ่งอยู่ด้วย…

เขาจ้องคราบเลือดกับเสื้อเอี๊ยมอย่างลังเล นิ้วมือแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงค่อยๆ หยิบเอี๊ยมผืนนั้นมาดมกลิ่นเล็กน้อย สีหน้าดุจคนตาย!

บนเอี๊ยมผืนนี้มีกลิ่นดอกเหมยอยู่จางๆ เป็นเย่หงเฟิง!

ดอกเหมยหอมขจรรอนแรมฝ่าเหมันต์ หลงซือเย่ชื่อชอบกลิ่นดอกเหมยมาโดยตลอด ในทัศนคติของเขาเด็กสาวจะให้ดีที่สุดต้องเป็นเช่นดอกเหมยที่สูงส่งหอมหวน กลิ่นหอมบนร่างควรเป็นเช่นนี้ ชาติก่อนเขาเคยคิดค้นนํ้าหอมกลิ่นดอกเหมยชนิดหนึ่งให้กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วรับไปอย่างชื่นชอบยิ่งนัก ผลคือ เธอแพ้น้ำหอมชนิดนั้น…

ตอนนั้นกู้ซีจิ่วเคยทอดถอนใจกล่าวไว้ว่า หากมีกลิ่นหอมชนิดนี้ติดตัวได้ก็คงดี ไม่ต้องฉีดนํ้าหอมอะไร

ดังนั้นในชาตินี้ยามที่หลงซือเย่โคลนนิ่งร่างนั้นขึ้น จึงเติมองค์ประกอบบางอย่างเข้าไป ผลคือทำให้ร่างนั้นมีกลิ่นดอกเหมยติดตัวจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ร่างนั้นไม่ได้ถูกกู้ซีจิ่วใช้ เป็นเย่หงเฟิงที่ได้ประโยชน์ไป

ตอนนี้เอี๊ยมของเย่หงเฟิงอยู่ที่นี่ ซํ้าบนฟูกยังมีคราบเลือด…

เรื่องทุกอย่างล้วนชัดเจนแล้ว เมื่อคืน…เมื่อคืน หลังจากเขาเมา น่าจะเมาจนทำเรื่องบัดสีกับเย่หงเฟิง!

เมื่อคืนเขาดื่มมากเกินไป ความทรงจำหลังจากเมามายขาดหายไปนึกอะไรไม่ออกเลย

เขาตกตะลึงอยู่ชั่วระยะหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ ยื่นมือที่สั่นเทาไปสำรวจส่วนลับในร่างตนดู จากนั้นก็พบว่าตรงนั้นมีคราบเลือดจางๆ เช่นกัน…

ในสมองเขาเกิดเสียงดังตูม หลับตาลงเล็กน้อย

ด้านนอกคล้ายจะมีเสียงบางอย่าง เสียงนั้นแผ่วเบายิ่งแต่ยังคงถูกเขาได้ยิน “เย่หงเฟิง? เข้ามา!”

ประตูถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง เย่หงเฟิงก้มหน้าเข้ามา การเดินของเธอค่อนข้างผิดปกติ เดินลากขาอยู่บ้าง “อ…อาจารย์”

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” นํ้าเสียงหลงซือเย่เยียบเย็นดุจสายนํ้า

เย่หงเฟิงเงยหน้ามองเขาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มหน้าลงไปอีก “มะ…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยเจ้าค่ะ…อาจารย์ดื่มจนเมา ศิษย์จึงพาอาจารย์มาส่งที่ห้องพัก จากนั้น…จากนั้น…”

“จากนั้นทำไม?”

“จากนั้น…จากนั้นอาจารย์ก็หลับไป…”

“แล้วเจ้าล่ะ?”

“ข้า…ข้า…ข้าก็แยกตัวไปเปิดห้องพักผ่อนเช่นกันเจ้าค่ะ…”

หลงซือเย่จ้องเธออย่างตั้งใจครู่หนึ่ง พลันยกมือขึ้น เอี๊ยมสีเงินยวงผืนนั้นปลิวลงบนหน้าเธอ น้ำเสียงเย็นเยียบของหลงซือเย่แว่วตามมา “แล้วนี่คือ อะไร? ทำไมถึงมาอยู่บนเตียงของข้าได้?”

เย่หงเฟิงแข็งทื่อไปทันที มือฉวยเอี๊ยมผืนนั้นไว้ ดูทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง “นี่…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version