บทที่ 1079 ใครส่งแกมา?
“ประมาณอีกหนึ่งวัน ดวงวิญญาณของนางได้รับบาดเจ็บต้องพักผ่อนอยู่ในร่างนี้อีกหลายชั่วยาม”
“ความทรงจำของนางจะหายไปหมดเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ ตัวยาที่ข้าเพิ่มเข้าไปพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อนางตื่นขึ้นมาจะลืมเลือนความทรงจำทุกอย่างในชาตินี้ จำได้เพียงเรื่องราวในชาติก่อนเท่านั้น”
“เช่นนี้ก็ดี!”
ยามนั้นเสียงเหล่านี้ไม่ดังนัก สำหรับกู้ซีจิ่วแล้วเสมือนมีหมอกหนาชั้นหนึ่งกั้นไว้ ได้ยินเพียงเลือนรางเท่านั้นทำให้เธอที่อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือว่าความจริง
คล้ายว่าเธอกำลังฝันอยู่ ฝันว่าอยู่ท่ามกลางสงคราม โลหิตสาดกระจาย เมื่อตื่นมากลับสงบสุขปลอดภัย สายตาเธอจับจ้องมุกราตรีที่ฝังไว้สี่มุมของห้อง มุกราตรีนั้นก็ไม่เหมือนกับมุกราตรีทั่วไป ส่องสว่างกว่าไข่มุกราตรีทั่วไปมากนัก ประหนึ่งโคมไฟ แสงของมุกราตรีหกเม็ดนี้ส่องให้ภายในห้องสว่างไสวเหมือนตอนกลางวัน แจ่มใสชัดเจน
ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเฉียบคมเพ่งพิศรอบข้าง จากนั้นก็พลิกกายหมายจะลุกขึ้นนั่ง แต่เพิ่งจะขยับ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็แว่วขึ้นด้านนอกแล้ว
คิ้วงามของเธอขมวดแน่นมือยื่นไปหาอกตนตามสัญชาตญาณ คล้ายจะคลำหาบาดแผลที่อยู่ในความทรงจำ ชัดเจนยิ่งนักว่าเธอหาไม่พบ จากนั้นเธอก็เริ่มพินิจร่างกายตน…
นิ้วมือเรียวยาวขาวสล้างปานหยก แขนขาได้สัดส่วน ร่างนี้ดูเหมือนจะอายุสิบแปดปี ดูสุขภาพดียิ่งนัก
เธอลุกขึ้นนั่งทันที ทันทีที่เธอลุกขึ้นนั่ง ฟองอากาศก็แตกออก เธอยกมือขึ้นโจมตีฝาโลงที่ปิดอยู่ กระบวนท่าที่ใช้เป็นกระบวนท่าที่ใช้อยู่เสมอในชาติก่อน กระบวนท่านี้ใช้เรี่ยวแรงเพียงน้อยก็สามารถงัดคานแรงที่มากกว่าได้ ฝาโลงที่หนาหนักถึงเพียงนั้นจึงถูกเธอซัดจนเปิดออก เธอกระโดดออกมาจากในโลง ชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนร่างเธอยาวรุ่มร่าม ดูเหมือนเธอไม่ชินยิ่งนัก เมื่ออกมาจึงเกือบจะสะดุดชายกระโปรง หลังจากเดินได้มั่นคงแล้วก็ผูกกระโปรงให้ยกสูง แม้แต่แขนเสื้อก็เลิกขึ้นมัดไว้ตรงข้อมือ เธอเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียวดั่งเมฆาคลื่อนคล้อยวารีไหลริน
หลังจากออกมาเธอก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที แต่เห็นได้ชัดว่าในห้องลับแห่งนี้มีบางสิ่งที่ยับยั้งวิชาเคลื่อนย้ายของเธอได้ การเคลื่อนย้ายครั้งนี้จึง ไม่ราบรื่นแถมยังเกือบชนประตูด้วย!
เธอขมวดคิ้วถอยหลังไปสองสามก้าว มือคลำตรงเอวตามสัญชาตญาณ คล้ายว่าคิดจะล้วงอะไรออกมา แต่กลับสัมผัสได้เพียงเนื้อผ้าตรงเอวเท่านั้น เธอมุ่นคิ้วสบถเสียงตํ่าคราหนึ่ง ถอยไปอีกหลายก้าว ยื่นมือไปดึงประตูที่ปิดอยู่บานนั้น มือเพิ่งจะสัมผัสกับที่จับประตู ทันใดนั้นบานประตูทั้งสองด้านก็เปิดออก มีเงาดำสองสายพุ่งเคียงกัน เข้ามาโจมตีใส่เธอ!
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปพลิกกายหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาตะโกนถาม “พวกแกเป็นใคร?!”
สองคนนั้นไม่ตอบ การโจมตียิ่งดุเดือดขึ้น แต่ละท่าสามารถปลิดชีพได้
กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดแล้วเช่นกัน พลันยื่นสองมือออกไป ประลองฝีมือกับคนทั้งสองอยู่ในห้องวิจัยแห่งนี้ ท่าร่างของเธอปราดเปรียวว่องไว กระบวนท่าโหดเหี้ยมดุดัน โดยเฉพาะท่าเท้าพิเศษชุดนั้น โผทะยานอยู่ระหว่างการโจมตีของสองคนนนั้นปานภมรชอนบุปผา ผ่านไปสักครู่ก็หักคอของคนหนึ่ง
ไปแล้ว ส่วนอีกคนถูกเธอดึงแขนให้หลุดทันที แล้วกดไว้บนพื้นโดยตรง เธอเหยียบเท้าข้างหนึ่งไว้บนหลังคนผู้นั้้น นํ้าเสียงเยียบเย็นปานคลุมด้วยนํ้าแข็ง “แกเป็นใคร? ใครส่งแกมา? ที่นี่คือที่ไหน?”
คนผู้นั้้นส่งเสียงอู้อี้้ กู้ซีจิ่วสะกิดใจทันที ยื่นมือไปง้างคางอีกฝ่ายให้เปิด พบว่าด้านในไม่มีลิ้นอยู่
ไม่พูดจาไร้สาระอีก ปลายเท้าพลันกดลงที่หว่างเอวของคนผู้นั้น ทำให้คนผู้นั้นแน่นิ่งไปอย่างสมบูรณ์
เธอสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ผุดกายขึ้นมาหมายจะพุ่งออกประตูไปโดยตรง ปากประตูมีเงาคนแวบขึ้นมาอีกครั้ง ขวางทางเธอไว้
เธอกำลังจะซัดฝ่ามืออกไป ทว่าจู่ๆ ก็หดกายถอยกรูดไป หรี่ตานิดๆ มองคนผู้นั้้น “ครูฝึก…หลง หลงซี!”