บทที่ 1102 จากนั้นก็เปลื้องผ้าพวกเขา…
เธอทำเรื่องนี้ด้วยฝีมือที่ว่องไวยิ่ง สองคนนั้นไม่มีทางสังเกตเห็นได้
สายตาของเธอร่อนลงมุมอับจุดหนึ่งของห้องสังเกตการณ์ เธออยู่ในตำหนักใต้ดินมาสี่วันแล้ว คุ้นเคยกับภูมิประเทศทั้งหมดตั้งนานแล้ว ในห้องสังเกตการณ์แห่งนี้แทบจะอำนวยในสังเกตเห็นทั่วทั้งตำหนักใต้ดินแล้ว มีเพียงจุดเดียวที่ไม่มี
ตอนที่เธอเดินเตร่อยู่ในตำหนักใต้ดินได้เห็นกับตาว่ามีสิ่งปลูกสร้างรูปทรงประหลาดหลังหนึ่งอยู่ในละแวกชีพจรดิน รูปร่างค่อนข้างคล้ายกับพีระมิด สุดปลายยอดฝังผลึกสีม่วงเม็ดหนึ่งไว้ ทั้งหกด้านลาดเอียงเกี่ยวล้อมเข้าหากัน กลายเป็นผลึกทรงเว้าอันหนึ่ง ดูราวกับบุปผาแย้มบาน ทว่าเผยให้เห็นความประหลาดเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วศึกษาศาสตร์ด้านพลังงานมาบ้าง สิ่งลูกสร้างทรงพีระมิดเดิมทีก็มีความสามารถในการรวบรวมพลังงานอยู่แล้ว ส่วนผลึกก็เป็นบ่อพลังงาน อีกทั้งสิ่งปลูกสร้างนี้อยู่ตรงใจกลางของตำหนักใต้ดินแห่งนี้เป็นจุดที่พลังงานจากชีพจรดินทั้งเส้นมารวมตัวกัน…
พีระมิดเป็นสุสานฝังศพของฟาโรห์ เช่นนั้นภายในสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพีระมิดฝังผลึกที่อยู่เบื้องหน้าหลังนี้ ซ่อนสิ่งใดไว้กันแน่?
เป็นจุดเดียวในห้องสังเกตการณ์แห่งนี้ที่ไม่มีการจับตามองตรงจุดนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่อยู่ด้านในเป็นความลับสำหรับลูกน้องเหล่านี้เช่นกัน คืออะไรกันนะ?
กู้ซีจิ่วนึกโยงไปถึงตอนที่ตนเคยทะลุผ่านร่างของโม่เจ้า เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าถึงแม้ยามปกติเขาจะดูเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง แต่กลับเป็นร่างจิตร่างหนึ่ง…
ร่างของหรงเช่อที่เขาพักพิงอยู่ระเบิดไปแล้ว…
เธอนึกถึงบทสนทนาของโม่เจ้ากับหลงซือเย่ที่ได้ยินมา เขาบอกว่าอีกสิบวันข้างหน้าจะครองคู่กับตนได้ ด้วยสภาพของร่างจิตย่อมไม่สามารถครองคู่ได้ มีเพียงต้องใช้ร่างกายจริงๆ เท่านั้นถึงจะทำได้…
ข้ออนุมานที่อาจหาญอย่างหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นในสมองของกู้ซีจิ่ว…
หรือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในพีระมิดจะเป็นร่างเดิมของโม่เจ้า?!
เป็นประเภทที่สามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างนั้นหรือ?
นัยน์ตาเธอวูบไหวเล็กน้อย โม่เจ้าผู้นี้จิตใจทะเยอทะยาน ไม่มีร่างกาย พลังวิญญาณยังสูงส่งถึงระดับนี้ หากปล่อยให้เขามีร่างกายที่เหมาะสมกับ พลังวิญญาณของเขาได้ เช่นนั้นมิใช่ว่าจะยิ่งกำเริบเสิบสานไปกันใหญ่หรอกหรือ?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอจะต้องหาทางทำลายมันซะ!
เธอเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่นัดหมายกับหลงซือเย่ไว้ พบว่าหลงซือเย่ตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
เขาสังหารคนในตำหนักใต้ดินสองคน จากนั้นก็เปลื้องผ้าพวกเขา…
ตอนที่กู้ซีจิ่วตามไปสมทบก็เห็นสองคนนั้นนอนไร้ลมหายใจอยู่ตรงนั้นแล้ว
กู้ซีจิ่วรู้จักสองคนนี้ แถมยังเคยคุยกับสองคนนี้สองสามประโยคด้วย นับว่าเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือภายในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นเจ็ดแล้ว เป็นลูกน้องของโม่เจ้า จงรักภักดีต่อโม่เจ้ายิ่งนัก
โม่เจ้านำผู้คนออกไปครานี้ ได้ทิ้งสองคนนี้ไว้รักษาการณ์ พวกเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าหลงซือเย่จะจับกุมสองคนนี้ได้ในคราวเดียว ความแคลงใจตัวเขาจึงลดลงเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่ประโยคหนึ่ง “ทำไมถึงเป็นพวกเขา? ฉันนึกว่าคุณจะหาผู้คุ้มกันธรรมดาๆ มาสองคน…”
“สองคนนี้ควบคุมการโยกย้ายระดมพลผู้คุ้มกันทั้งหมดในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ฆ่าพวกเขาเสียก่อนก็เป็นการเผื่อไว้หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อพวกมารไม่มีผู้นำ พวกเราจะหนีออกไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเธอไม่รู้สึกเหรอว่าคนหนึ่งในพวกเขาขนาดตัวไม่ต่างกับเธอเท่าไหร่?”
กู้ซีจิ่วโล่งอก หลงซือเย่คนนี้ไม่เสียทีที่เคยเป็นครูฝึกในค่ายนักฆ่า ความคิดในด้านนี้ละเอียดรอบคอบยิ่งนัก พิจารณาถึงทุกด้าน มีคนผู้นี้เป็นเพื่อนร่วมงานช่างทำให้คนวางใจได้อย่างไร้ข้อกังขา เงื่อนไขแรกคือเขาต้องไม่วางแผนหักหลังคุณ…
กู้ซีจิ่วระงับความคิดที่สับสนวุ่นวายของตน เธอเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม อีกทั้งอุปกรณ์แปลงโฉมของหลงซือเย่ก็ครบครัน ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็แปลงโฉมจนเหมือนหัวหน้าสองคนนี้แล้ว