Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1122

บทที่ 1122 ใครมุ่งร้ายใคร 3

ริมฝีปากแก่ชราของกู้ซีจิ่วขบกัดใบหน้ารูปไข่ที่เรียบเนียนนั้นปรากฏเป็นรอยฟันจางๆ

สตรีบรรเลงผีผามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้างามแฉล้มใกล้จะเขียวคลํ้าแล้ว นางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ผู้…ผู้อาวุโสท่าน…ลุกขึ้น…”

หลงฟั่นอดไม่ได้อยากหัวเราะออกมา เขากอดอกมองดูเสียอย่างนั้น

สตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นดิ้นรนอยู่ใต้ร่างกู้ซีจิ่ว ในที่สุดก็ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง เมื่อคิดได้แล้วนางก็ประคองกู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล “ท่านผู้อาวุโสขออภัย เทียนเกอมิทันได้ระวัง ขอท่านโปรดอภัยด้วย”

สตรีบรรเลงผีผาเป็นดั่งสะใภ้ตัวน้อยผู้ถูกรังแก ด้านหนึ่งต้องกลํ้ากลืนฝืนทนกล่าวคำขอโทษต่อกู้ซีจิ่ว อีกด้านหนึ่งก็ต้องประคองเธอไปนั่งที่เก้าอี้

ตัวกู้ซีจิ่วเองไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย นํ้าหนักของร่างกายทั้งหมดกดทับไปที่ร่างของสตรีผู้บรรเลงผีผา หลังจากประคองเธอขึ้นนั่ง ก็เหนื่อยเสียจนมีเม็ดเหงื่อที่ปลายจมูก

“ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” หลงฟั่นเดินมาจับชีพจรกู้ซีจิ่วอย่างเอาใจใส่ ด้วยกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ ผลของการจับชีพจรทำให้หลงฟั่นพึงพอใจมาก จุดลมปราณของกู้ซีจิ่วยังคงถูกสกัดไว้ พิษก็ยังคงอยู่ในร่างกายเธอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

ความจริงแล้ว หลงฟั่นแค่ลองหยั่งเชิงดู หากสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้เป็นสายที่ตี้ฝูอีส่งมา คงฉกฉวยโอกาสตอนที่ล้มคลายจุดให้กู้ซีจิ่วแล้ว

ความจริงพิสูจน์แล้ว ว่าเขาคิดมากเกินไป เขาส่ายหน้าอยู่ในใจ ตำหนิสตรีบรรเลงผีผาไปสองสามคำ ต่อว่าว่านางประมาทเลินเล่อ

สตรีบรรเลงผีผาน้อมรับด้วยความเคารพ รินนํ้าชาให้กู้ซีจิ่วดื่มอีกครั้ง อย่างเอาอกเอาใจ ดูแลจนเธอดื่มหมด อีกทั้งยังหันกายไปยังด้านหลังเธอดัง สุนัขรับใช้ และบีบนวดให้เธอเบาๆ

ดรุณีนางนี้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เด็กผู้หญิงที่เกิดจากตระกูลยากจนข้นแค้นก็หลักแหลมเช่นนี้

หลงฟั่นพยักหน้าอยู่ภายในใจ

เมื่อสักครู่ลูกน้องของเขาออกไปตรวจสอบแล้ว เรื่องที่สตรีบรรเลงผีผาพูดเป็นความจริง นางเป็นเด็กกำพร้า พ่อของนางเป็นอาจารย์สอนผีผาผู้ตกยาก จากโลกนี้ไปเมื่อปีก่อนหลังจากถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้กับบุตรสาว ทิ้งไว้ให้สตรีผู้นี้ใช้ทำมาหากิน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตระกูลสูงส่งทรงอิทธิพลในเมืองถูกตาต้องใจนางเข้า ต้องการรับนางไว้เป็นอนุ ชายตระกูลสูงส่งผู้นั้นทั้งอ้วนทั้งชรา สตรีบรรเลงผีผาย่อมไม่ยินยอม ทว่าไม้ซีกย่อมไม่อาจงัดไม้ซุง จึงทำได้เพียงใช้อุบายประวิงเวลามาโดยตลอด…

ดังนั้นที่นางมาขอความเมตตาจากเขาจึงไม่น่าแปลกใจอะไร หญิงงามย่อมพึงใจชายหนุ่มรูปงาม ความจริงสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้ถูกตาต้องใจเขาเข้า แล้ว ถึงแม้นางกำลังดูแลกู้ซีจิ่วแต่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นกลับเหลือบมองเขาอยู่เนืองๆ เมื่อสายตาสบกัน ขนตานางพลันสั่นไหว ก้มศีรษะลงมีความขวยเขินตามแบบฉบับหญิงสาว

ด้วยการหยั่งเชิงหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดหลงฟั่นก็วางใจ สายตาของเขามองไปฝั่งตรงข้าม ฝั่งนั้นใกล้จะกินข้าวมื้อนี้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นายท่านของเขายังจะลงมือหรือไม่กันแน่?!

เขาอดแอบทอดถอนใจไม่ได้ โม่เจ้า ท่านเจ้าท่านนี้เก่งกาจไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ขี้สงสัยเป็นที่สุด อีกทั้งไม่ค่อยใจกล้าเสียเท่าใด

เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกที เธอมีท่าทางเบื่อหน่อยเป็นที่สุด เป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้นเยี่ยงคนไร้กระดูก ขณะรับการดูแลจากสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

กู้ซีจิ่วคิดว่าเธอควรได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม!

ทั้งที่ภายในร้อนดังนํ้าเดือดพล่าน ฟองอากาศแห่งความสุขพวยพุ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ก็ยังคงรักษาใบหน้าเรียบเฉยดังเป็นอัมพาตเอาไว้ได้ เธอยกนิ้วให้กับทักษะการแสดงที่ดีเยี่ยมของตัวเอง!

แต่เธอรู้สึกว่าการแสดงของตัวเองยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับแม่นางที่กำลังบีบนวดไหล่ข้างหลังเธอ คนที่อยู่ข้างหลังผู้นี้ต่างหากคือนักแสดงนำยอดเยี่ยมที่แท้จริง ทักษะการแสดงเข้าขั้นเทพแล้ว!

ตี้ฝูอี!

หญิงงามที่หัวใจอ่อนระทวย ดูไปแล้วอ่อนแอบอบบางและเหมือนชื่นชมหลงฟั่นเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็คือตี้ฝูอีปลอมตัวมา!

———————————————–

[1] แขนเสื้อสีชาดอวลกลิ่นหอมฟุ้ง หมายถึง สาวงามที่คอยปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่มตอนที่กำลังรํ่าเรียนในสมัยโบราณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!