บทที่ 1126 ละครพลิกผัน
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
สตรีบรรเลงผีผาที่ขดตัวเล่นปิ่นเงินด้ามหนึ่งอยู่ตรงมุมห้องโดยสาร วาจาของโม่เจ้าทำให้มือนางสั่นสะท้านทันที ปิ่นเงินร่วงลงในห้องโดยสารเกิด เสียงดังเคร้ง
สายตาของโม่เจ้าหันเหไปหาทันใด นํ้าเสียงที่เอ่ยเยียบเย็น “เจ้าตกใจอะไร?”
พลังอำนาจบนร่างเขากล้าแข็งนัก ทำให้อุณหภูมิของทั้งห้องโดยสารแทบจะลดฮวบลง สตรีบรรเลงผีผาถูกพลังอำนาจของเขากดข่ม จึงหดตัวเข้า ไปอีก เพียงแต่ยังคงกล่าวความคิดเห็นของตนออกมา “คุณชาย…คุณชายจะแต่ง…จะแต่งกับนายผู้เฒ่าหรือเจ้าคะ?”
โม่เจ้าตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากู้ซีจิ่วยังคงสวมใบหน้าชายชราอยู่ มิน่าเล่าสตรีบรรเลงผีผานางนี้ถึงตกใจ
เขาหัวเราะเบาๆ ยื่นมือ ไปลูบหน้ากู้ซีจิ่วคราหนึ่ง “ใช่แล้ว ข้าชมชอบนาง ย่อมต้องการแต่งกับนาง…”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงแวบหนึ่ง หวั่นว่าตี้ฝูอีจะระเบิดอารมณ์ออกมา สบจังหวะที่โม่เจ้าไม่ได้ระแวดระวัง รีบมองเขาแวบหนึ่ง ส่งสัญญาณให้เขาสงบไว้
มือของตี้ฝูอีที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น อยากตะกุยเล็บใส่ใครบางคนยิ่งนัก!
เขาเริ่มใคร่ครวญถึงความเป็นไปได้ที่จะปฏิวัติขึ้นที่นี่
เคราะห์ดีที่โม่เจ้าเองก็รักสะอาดเช่นกัน ถึงแม้เขาจะอยากเอาเปรียบกู้ซีจิ่ว แต่เมื่อเผชิญกับใบหน้าที่ยับย่นประหนึ่งนาแบบขั้นบันไดของกู้ซีจิ่ว เขาก็ยังคงหมดอารมณ์อยู่ดี นั่งตัวตรงอีกครั้ง มองสตรีบรรเลงผีผาแวบหนึ่ง “เจ้าเรียกว่าเทียนเกอรี? มาบรรเลงบทเพลงให้ข้าฟังสักหน่อย”
ขอเพียงเจ้าคนผู้นี้ไม่แทะโลมกู้ซีจิ่ว ตี้ฝูอีก็ยังคงอารมณ์ดียิ่งนักอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงดีดผีผาขึ้นจริงๆ เสียงผีผาดุจกิ่งไม้ยังไม่แตกใบอ่อนที่แกว่งไกวไปตามสายลมฤดูใบไม้ผลิ คล้ายจะอบอุ่นและคล้ายจะเหน็บหนาว ดังติงๆ ตังๆ คลอไปตลอดทาง
โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ รับฟังเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงผีผานี้ ริมฝีปากสีแดงอ่อนจางหยักโค้ง ดั่งจันทร์แรม
ในใจกู้ซีจิ่วคล้ายมีกระแสนํ้าซัดสาดขึ้นลง ตี้ฝูอีทุ่มเทเพื่อเธอโดยแท้ เรื่องไร้ขีดจำกัดล่างอันใดล้วนกระทำออกมาหมดสิ้น ยามนี้เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งเหนือปวงชนเช่นเขากลับรับบทเป็นหญิงขับร้องบรรเลงผีผาให้มารสวรรค์ตนหนึ่งฟัง…
โม่เจ้า เจ้าคอยก่อนเถอะ ให้เจ้าได้ใจไปก่อนสักพัก รอจนเข้าไปถึงรังของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นฝ่ายที่ต้องร่ำไห้บ้าง!
พวกเราจะทารุณจนเจ้าร้องไห้ถึงบิดามารดรแน่นอน!
ความจริงแล้วในใจของกู้ซีจิ่วยังมีข้อสงสัยอีกมากมายที่ยังไม่ทันได้ถาม อย่างเช่นคนที่ปลอมตัวเป็นตี้ฝูอีในยามนี้คือใคร?
บาดเจ็บจริงหรือหลอก?
เขาได้จัดการให้คนอื่นแทรกซึมเข้ามาด้วยหรือเปล่า?
นิ้วมือเธอเคาะเบาๆ อยู่ข้างตัว ราวกับเคาะให้เข้าจังหวะกับเสียงผีผาอยู่ ความจริงแล้วยังเป็นการส่งรหัสมอสเช่นเดิม
ตี้ฝูอีย่อมมองเห็นแล้ว สีหน้าเขาเรียบเฉย จวบจนดีดผีผาจบไปหนึ่งบทเพลง เสียงดนตรียังคงอ้อยอิ่งกังวานอยู่ภายในรถม้า
ตี้ฝูอีกำลังวางผีผาลง หมายจะอาศัยการทุบขาส่งข่าวให้กู้ซีจิ่ว ทว่าโม่เจ้ากลับสนอกสนใจฟังเพลงแล้ว “ดีดได้ไม่เลว! เป็นระดับปรมาจารย์โดยแท้ มาดีดอีกเพลง ข้าจะบรรเลงร่วมกับเจ้าด้วย”
เขาหยิบขลุ่ยไผ่เขียวมรกตเลาหนึ่งออกมา หมุนควงด้วยปลายนิ้ว
ในเวลาเช่นนี้ตี้ฝูอีย่อมขัดขืนเขาไม่ได้ ดีดขึ้นอีกเพลงหนึ่งจริงๆ เขาเพิ่งจะขึ้นทำนอง เสียงขลุ่ยของโม่เจ้าก็ประสานเข้ามาแล้ว เป็นการบรรเลงคู่ที่ยอดเยี่ยมนัก ต้องกล่าวเลยว่าโม่เจ้าผู้นี้มีพรสวรรค์ด้านดนตรียิ่งนัก บรรเลงขลุ่ยได้นุ่มนวลรื่นหู เสมือนสายลมโชยผ่านแมกไม้ในยามราตรี และ
เสมือนดวงตะวันเคลื่อนคล้อยลับทิวเขา ม่านรัตติกาลค่อยๆ คลี่ลงมาครอบคลุมทั้งโลกเอาไว้
เสียงผีผาที่ตี้ฝูอีบรรเลงเดิมทีสดใสดั่งวันฟ้าโปร่ง อบอุ่นปานสายลมฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนที่ได้ยินสงบสุขผ่อนคลาย กู้ซีจิ่วถึงขั้นที่รู้สึกว่าเสียงผีผานี้ของเขามีผลทะลุทะลวงชีพจรของคนได้ ทำให้เธอรู้สึกว่าชีพจรที่ถูกสกัดไว้ไม่ชาหนึบถึงเพียงนั้นแล้ว แต่เมื่อเพิ่มเสียงขลุ่ยของโม่เจ้าเข้ามา กลับเสมือนสายลมฤดูใบไม้ร่วงโหมผ่านโลกา พัดพาบรรยากาศเขียวชอุ่มของฤดูใบไม้ผลิกระจัดกระจายไป ชีพจรของเธอที่เดิมทีไหลเวียนสะดวกขึ้นมาบ้างแล้วดูเหมือนจะตีบตันยิ่งกว่าเดิม ตีบตันจนทำให้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างปวดชาไปด้วย…
———————————————-
[1] สวมชุดงามสง่าย่ำราตรีมืดมิด อุปมาถึง การประสบความสำเร็จได้รับเกียรติยศชื่อเสียง แต่ไม่มีใครรับรู้ถึงความสำเร็จของตน