Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1135

บทที่ 1135 หลับใหล ยิ่งหลับเวลายิ่งยืดยาว

ต่อให้ถูกปล่อยออกไป บนร่างก็ไม่มีพลังวิญญาณให้ใช้อีกต่อไปแล้ว มือนี้ของเขากล่าวได้ว่ามีพิษร้ายแรงยิ่ง เขาถูกไอพิษทำลายจุดชีพจรทำให้เขาใช้พลังวิญญาณไม่ได้ก่อน จากนั้นก็ใช้ตรวนสลายวิญญาณค่อยๆ สลายพลังวิญญาณของเขา เห็นได้ชัดว่าคิดจะทำให้ตี้ฝูอีกลายเป็นสวะไร้พลัง โดยสมบูรณ์…

โม่เจ้าผู้นี้ยังคงกระทำการอย่างรอบคอบยิ่งนัก เขาทราบว่าในบรรดาร้อยกว่าคนที่เขาพาออกไปจะต้องมีคนของตี้ฝูอีแทรกซึมเข้ามาแน่นอน เขาไม่ได้ให้พวกเขาไปทำภารกิจใดต่อแต่นำพวกเขาทั้งหมดไปขังไว้ในโถงใหญ่ห้องหนึ่ง โถงใหญ่แห่งนี้เปรียบเสมือนคุก ทั้งสี่ด้านเป็นเนื้อเดียวกันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้แต่ช่องหน้าต่างก็ไม่มี มีประตูเล็กๆ เพียงบานเดียวเท่านั้น เข้าออกได้ทีละหนึ่งคน จากนั้นเขาก็ตรวจสอบด้วยตัวเองทีละคน

เนื่องจากเขาตรวจสอบอย่างละเอียดยิ่งนัก ย่อมเชื่องช้ามากเป็นธรรมดา กว่าจะตรวจสอบกว่าหนึ่งร้อยคนจนเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปห้าวันแล้ว

คนที่แปลกๆ เขาก็ตรวจสอบดูอีกรอบ และพบว่าไม่มีคนของตี้ฝูอีอยู่เลย…

เขาโล่งอกเป็นล้นพ้น อีกทั้งรู้สึกว่าผิดปกติ ด้านในต้องมีปลาที่หลุดลอดแหอยู่แน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงจัดให้ลูกน้องอีกหลายคนรั้งอยู่ที่นี่ต่อเพื่อรับ การตรวจสอบอีกรอบ

ซ้ำยังให้คนสร้างมาตรการร้องเรียนความประพฤติขึ้นด้วย หากพฤติกรรมผิดแผกไปสักนิด คนที่คุ้นเคยกับเขาก็สามารถมาร้องเรียนได้ เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีไส้ศึกอีก

ถึงแม้วิธีคัดกรองเช่นนี้ของเขาจะพอรับประกันได้บ้าง แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน โดยเฉพาะมาตรการร้องเรียนความประพฤติ คนที่ปกติแล้วไม่ถูกกันมีเรื่องบาดหมางเล็กๆ น้อยๆ ก็ฉวยโอกาสใส่ไคล้ร้องเรียนผู้อื่น…

ในบรรดานี้มีผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นไส้ศึกจึงถูกประหารเสีย

มาตรการเช่นนี้ย่อมก่อให้ลูกน้องเหล่านี้ไม่พอใจ โดยเฉพะลูกน้องที่ถูกขังไว้ในโถงใหญ่ห้องนั้นตลอด ความคับข้องใจยิ่งหนักหนาขึ้น เดิมทีพวกเขาเป็นหัวกะทิของตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ยามนี้ไม่เพียงแต่ถูกสงสัยอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น ยังถูกแบ่งแยกอีกด้วย

เดิมทีหน่วยสำคัญในตำหนักใต้ดินเหล่านั้นเป็นเขตอิทธิพลของพวกเขา ทว่ายามนี้พวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าไป!

พวกเขาไม่พอใจแต่ด้วยกริ่งเกรงพลังอำนาจของโม่เจ้า พวกเขาจึงไม่กล้าเปิดเผยออกมา แต่ก็เริ่มมีใจออกห่างแล้ว…

ภายในตำหนักใต้ดินดูคล้ายว่าจะสงบสุข ทว่าภายในกลับมีคลื่นใต้นํ้าแล้ว

ส่วนหลงฟั่นถึงแม้รับบาดเจ็บ แต่เคราะห์ดีที่ตัวเขาเองก็เป็นหมอสามารถดูแลรักษาตัวเองได้ ผ่านไปสองวันก็เริ่มทำงานได้ตามปกติแล้ว

สืบเนื่องมาจากบทเรียนในครั้งก่อนที่กู้ซีจิ่วทำลายกล้องวงจรปิดแล้วหลบหนีไป หลงฟั่นจึงสร้างห้องสังเกตการณ์ขึ้นอีกในห้องของตนกับโม่เจ้า เช่นนี้ต่อให้ห้องสังเกตการณ์ด้านนอกถูกทำลาย แต่ห้องสังเกตการณ์ทั้งสองห้องที่อยู่ข้างในจะไม่เสียหายไปด้วย

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลงซือเย่ถูกคุมขังในห้องเล็กๆ แห่งนั้นไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ ถึงเป็นการเปิดโอกาสใหหลงซือเย่หนีออกไปได้

ครั้งนี้เมื่อจับตัวตี้ฝูอีแล้ว ย่อมได้รับบทเรียนจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในห้องที่คุมขังเขาไว้จึงติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้สี่ตัว หนึ่งมุมต่อหนึ่งตัว สังเกตการณ์เขาได้รอบด้านโดยไร้จุดอับสายตา

ทุกๆ วันโม่เจ้าจะมาดูตี้ฝูอีในห้องสังเกตการณ์อยู่หลายรอบ เขารู้สึกว่าการได้เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทุกข์ทรมานอยู่ที่นั่นค่อนข้างเจริญอาหารนัก แม้กายจิตของเขาจะไม่ต้องกินสิ่งใด แต่การที่เห็นตี้ฝูอีเป็นเช่นนั้นเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้กินโสมคนก็มิปาน

ตี้ฝูอีถูกล่ามไว้ที่นั่น ถึงแม้จะดูสงบนิ่งยิ่งนักอยู่ตลอด แต่สีหน้าของเขากลับซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ กำลังวังชาก็ถดถอยเซื่องซึมลงเรื่อยๆ

เริ่มแรกที่ถูกขังไว้ เขาเคยลองฝึกฝนอยู่ในคุกแล้ว ผลคือยิ่งฝึกพลังวิญญาณยิ่งถูกสลายเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ภายหลังเขาจึงไม่ฝึกฝนแล้ว

คนผู้หนึ่งถูกขังไว้ในห้องสี่เหลี่ยมตลอด ย่อมเบื่อหน่ายยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีจึงเริ่มหลับใหล ยิ่งหลับเวลายิ่งยืดยาว ยิ่งหลับความง่วงงุนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนยิ่งหลับก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!