Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1139

บทที่ 1139 โรคแอบแฝง 4

เด็กสาวคนนั้นหลับใหลอย่างมืดมน เขาส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธี ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ตัวยาหลายชนิดมาผสมกัน นางจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดายิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อนางใช้ลูกกลอนสุรภีนั้นเข้าไป ถึงแม้ลูกกลอนนั้นจะทำให้นางเปลี่ยนเป็นมีความรู้สึกต่อท่านเจ้าเพียงผู้เดียว ชมชอบกลิ่นอายบนร่างของท่านเจ้าเพียงผู้เดียว กลิ่นบนร่างชายอื่นล้วนทำให้รู้สึกเหม็นจนไม่อาจดมได้ แต่ผลกระทบของมันก็ร้ายแรงเป็นที่สุด ก็คือเมื่อนางคิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาจะเป็นตัวการฉกาจที่ทำให้ปวดศีรษะ เคราะห์ดีที่โอสถนี้กินได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น อีกหนึ่งเดือนให้หลัง ไม่อาจให้นางกินได้แล้ว ถ้ากินอีกจะทำให้ระบบประสาทในสมองนางเสียหายจนยากจะกอบกู้ได้ หลังจากหยุดยาตัวนั้นแล้วฤทธิ์ยาก็จะค่อยๆ สลายไป อาการปวดหัวของนางก็จะค่อยๆ หายไปเช่นกัน คนก็จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลานั้นท่านเจ้ากับนางก็ครองคู่กันไปนานแล้ว ด้วยความสามารถและเสน่ห์ของท่านเจ้า ไม่ต้องใช้ยาก็น่าจะทำให้นางชมชอบท่านสุดหัวจิตหัวใจได้…”

โม่เจ้านิ่งไปพักหนึ่ง ไม่พูดอะไร

หลงฟั่นจึงเอ่ยถาม “หลังจากท่านเจ้า เข้าร่างสำเร็จรู้สึกอย่างไรบ้างขอรับ? มีตรงไหนที่ผิดปกติหรือไม่?”

เช้าวันนี้โม่เจ้าเข้าสิงสู่ร่างโคลนนิ่งสำเร็จแล้ว หลังจากประสบความสำเร็จ หลงฟั่นได้ตรวจสอบระบบร่างกายของเขาดูแล้วไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ สังขารนี้มีพลังวิญญาณขั้นเก้า เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ

หลังจากโม่เจ้าเข้าร่างสำเร็จ ตรวจสอบไม่พบอาการใดๆ ก็ตรงไปหากู้ซีจิ่วแล้วพาไปโอ้อวดต่อหน้าตี้ฝูอีทันที ดังนั้นหลงฟั่นจึงยังไม่ทราบว่าเขาใช้ ร่างกายนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง

โม่เจ้าใคร่ครวญครู่หนึ่ง ตอบเรียบๆ “ตอนนี้ยังไม่พบความผิดปกติตรงไหน รอเช้าวันพรุ่งข้าจะบอกเจ้า”

หลงฟั่นพยักหน้า ไม่พูดจำเป็นอื่น

เรื่องที่กู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่วางยาทำลายร่างโคลนนิ่งเขาไม่ได้บอกแก่โม่เจ้า ปิดบังไปก่อน

ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ถึงแม้จะมีโคมไฟสารพัดส่องสว่างอยู่ตลอด แต่การทำงานและพักผ่อนของผู้คนก็ยังคงแบ่งแยกระหว่างกลางวันกับกลางคืน

ในตำหนักใต้ดินก็มีลูกน้องหญิงอยู่ไม่น้อย ลูกน้องหญิงเหล่านี้วรยุทธ์สูงตํ่าแตกต่างกันไป บ้างก็พึ่งพาความสามารถที่แท้จริงของตนเข้ามา บ้างก็พึ่งพารูปโฉมของตนเข้ามา ผู้ที่พึ่งพาความสามารถที่แท้จริงเข้ามาค่อนข้างมีสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ สามารถปฏิบัติงานร่วมกับลูกน้องชายได้ ฐานะก็ไม่ต่างกันมากนัก

ส่วนทุกคนที่พึ่งพารูปโฉมเข้ามา ส่วนใหญ่จะลดศักดิ์ลงเป็นนางโลม เป็นสวัสดิการบำรุงบำเรอลูกน้องชายเหล่านั้น

สถานที่ที่เต็มไปด้วยคนพาลมักจะทำให้จิตใจคนสั่นคลอนได้ง่ายๆ แต่สตรีบางคนที่อยู่ด้านในก็ต่างกันออกไป สามารถมัดใจคนไว้ได้ ท่ามกลางสตรีเหล่านี้มีสตรีอยู่นางหนึ่งนามว่าเฟิ่งชิง เป็นนางโลมที่เลื่องชื่อ รูปโฉมเย้ายวน ที่สำคัญคือความสามารถด้านนั้นของนางน่าตะลึงนัก ทำให้บุรุษที่ขึ้นเตียงกับนางล้วนยกจิตถวายใจให้แก่นาง บุรุษกว่าครึ่งในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ล้วนเคยร่วมอภิรมย์กับนางแล้ว

คืนนี้ นางเพิ่งคิดว่าจะพักเสียหน่อย แสงเทียนในห้องดับลง คนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นหน้าเตียงของนางโดยตรง นางสะดุ้งโหยง เบิกตามองคนสวมหน้า กากผู้นี้ “ท่าน…”

คนผู้นั้นสวมชุดสีดำ บนหน้าสวมหน้ากากผีไว้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่มองจากเรือนกายสูงโปร่งของเขา ก็ทราบได้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่ง สถานที่แห่งนี้คนนอกเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นถึงแม้คนผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน เฟิ่งชิงก็ไม่หวาดกลัว นัยน์ตาฉ่ำวาวจับจ้องอีก ฝ่าย “ท่านผู้สูงศักดิ์ มาเยือนในยามวิกาล…”

“เข้ามาปรนนิบัติ!” ชายสวมหน้ากากผู้นั้นตัดบทนาง

“อา? คุณชายมาปรนนิบัติเฟิ่งชิงหรือ? เรื่องนี้เฟิ่งชิงมิกล้า…”

“ข้าหมายถึงให้เจ้ามาปรนนิบัติข้า!” นํ้าเสียงของชายสวมหน้ากากเยียบเย็นทันที “ใช้ทักษะทั้งหมดของเจ้าปรนนิบัติดีจะมีรางวัล ถ้าปรนนิบัติไม่ดี…”

กล่าวมาถึงตรงนี้เขาก็เงียบไป มือเคาะลงบนโต๊ะ พลันโต๊ะหินตัวนั้นแหลกเป็นผงกระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!