บทที่ 1142 นั่นเจ้าตาฝาดแล้ว
กู้ซีจิ่วมองนัยน์ตาเขา “แต่ว่าดวงตาของเจ้าดูชั่วร้ายนัก”
ดวงตาของตี้ฝูอีวาววาม สีหน้าเที่ยงธรรม “นั่นเป็นเจ้าตาฝาดแล้ว!”
กู้ซีจิ่วถูกเขาหยอกล้อจนขำพรืดออกมา กล่าวอุบอิบ “อันที่จริงเจ้าก็ตลกมากนี่นา”
สายตามองที่โซ่สลายวิญญาณเหล่านั้นบนร่างเขาอีกครั้ง โซ่เหล่านั้นไร้มนุษย์ธรรมยิ่งนัก เหมือนกุญแจมือกุญแจเท้า แถมในห่วงยังมีสิ่งที่คล้ายตะปูยื่นออกมาด้วย ตะปูเหล่านี้ถูกตอกลึกเข้าไปในเส้นเอ็นคน จุดที่ถูกตอกไว้มีคราบโลหิตเกรอะกรัง…
เมื่อเขาขยับเล็กน้อย ตะปูเหล่านั้นก็จะบิดตามนิดๆ ด้วย มีโลหิตทะลักออกมา
กู้ซีจิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก้าวเข้าไปสองก้าว “เจ้า …เจ็บไหม?”
ตี้ฝูอีมองดวงหน้าน้อยที่ซีดขาวจางๆ ของนาง ยิ้มแวบหนึ่ง “ยังดีอยู่ เจ้ามาข้างหน้าข้าหน่อย ให้ข้าได้เห็นเจ้าดีๆ”
กู้ซีจิ่วยังคงตื่นตัวยิ่งนักอยู่ ส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ไม่เอา! พี่โม่บอกว่าเจ้าหัวหมอ ถ้าข้าเข้าใกล้แล้วเจ้าจะปองร้ายข้า…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เจ้ามองโซ่บนร่างข้าพวกนี้สิ แทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้ ข้าถึงขั้นที่แม้แต่มือก็ยกไม่ขึ้นแล้วจะปองร้ายเจ้าได้อย่างไร?”
ดวงตากลมโตของกู้ซีจิ่วใสกระจ่างดั่งแก้วผลึก ทั้งยังใสซื่อยิ่งนัก ยืนคิดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง “นี่ก็ใช่นะ”
ตี้ฝูอีกล่าวขึ้นอีกว่า “ข้าดูแล้วบนร่างเจ้ามีพลังวิญญาณขั้นหกกระมัง? ต่อให้คิดสังหารข้า ข้าก็ไม่มีแรงตอบโต้ ว่ากันตามเหตุผลแล้วข้าต่างหากที่ควรกลัวว่าเจ้าจะปองร้ายข้า ไม่ใช่เจ้ากลัวข้า เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้าอีกครา “ใช่แล้ว”
ท่าทางนางน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อย ลึกลงไปในดวงตาของตี้ฝูอีมีความปวดร้าวอยู่ ทว่ารอยยิ้มกลับอ่อนโยน “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”
กู้ซีจิ่วในยามนี้เกลี้ยมกล่อมง่ายนัก นางเขยิบเข้าหาเขาอีกสองสามก้าวจริงๆ แต่ยามที่มีระยะห่างจากเขาหนึ่งเมตรกว่าๆ นางก็หยุดลงอีกครั้งย่นหัวคิ้ว “แต่เจ้าเหม็นมากเลย!”
คล้ายว่ารับไม่ได้ยิ่งนักใช้มือน้อยๆ บีบจมูกอยู่ตรงนั้น
ตี้ฝูอีนิ่งงัน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อาบนํ้ามาหกวันแล้ว!
แถมที่นี่ยังร้อนอีก เขาเหงื่อออกอยู่ตลอด และเนื่องจากพลังวิญญาณถูกสกัดไว้ จึงใช้วิชาชำระล้างไม่ได้ เพียงแต่เขามีร่างเทพ ต่อให้ไม่อาบนํ้ามีเหงื่อออกอยู่ตลอดก็ไม่น่าจะเหม็นกระมัง?
แต่ดูจากท่าทางของนาง ราวกับว่าเขาเหม็นจนทนดมไม่ได้เลย เขาเป็นหมอเทวดาคนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบันเหล่านั้นของหลงฟั่น แต่ขึ้นชื่อว่าศาสตร์การแพทย์สุดท้ายก็มีจุดที่บรรจบกันอยู่ ประกอบกับความรู้ทางการแพทย์ของเขาลึกซึ้งกว้างขวางเหนือธรรมดา บางเรื่องก็เดาได้ไม่ยากเลย เขาใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยถามนาง “เจ้าได้กลิ่นอันใดจากร่างข้า?”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วจนเป็นเส้นเดียวกัน “กลิ่นปลาเค็มเหม็นๆ”
ตี้ฝูอีเงียบงัน นั่นน่าขยะแขยงมากจริงๆ!
มิน่าล่ะครั้ง ก่อนที่นางป้อนนํ้าให้เขาดื่มก็เหมือนจะกลั้นหายใจไว้…
“เจ้าได้กลิ่นนี้จากตัวข้า แล้วได้กลิ่นจากผู้อื่นด้วยหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตอบอย่างว่าง่าย “ได้กลิ่นหมดเลย พวกบุรุษล้วนเหม็นยิ่งนักทั้งสิ้น มีเพียงพี่โม่ของข้าที่เป็นข้อยกเว้น ตัวเขาหอมมาก”
“กับบุรุษคนอื่นเจ้า ก็ได้กลิ่นปลาเค็มเหมือนกันหมดเลยหรือ?”
“แตกต่างกันไป มีกลิ่นเต้าหู้เหม็น กลิ่นศพเหม็นเน่า กลิ่นเท้าเหม็นๆ กลิ่นคาวเหียน…” กู้ซีจิ่วแทบจะนับนิ้วไล่เรียงให้เขาแล้ว
แวบตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ ถอนหายใจเบาๆ เขารู้แล้วว่านางถูกพิษอะไร!
ไอ้หลงฟั่นวิปริตผู้นั้น ใช้พิษสุรภีกับนาง!
ทำให้นางมีความรู้สึกต่อโม่เจ้าเพียงผู้เดียว มิน่าเล่ายามนี้นางถึงไว้เนื้อเชื่อใจโม่เจ้าถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเรียกขานว่าพี่โม่…
เขาสามารถปรุงยาถอนพิษชนิดนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้….
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไร จู่ๆ หลงฟั่นก็สาวเท้าก้าวเข้ามา “ซีจิ่ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ตามข้าออกไป”