บทที่ 115
แล้วเจ้าอยากเชิญใคร?
การเดิมพันครั้งนี้ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้จะมีความคิดแตกต่างกันไป แต่ทุกคนล้วนหลั่งเหงื่อเย็นออกมาด้วยความตึงเครียดอย่างแท้จริง
กู้เซี่ยเทียนกำมือแน่น ถึงแม้เขาจะนับถือความกล้าหาญของบุตรสาว แต่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของนางมากกว่า
มีประจักษ์พยานมากมายอยู่ที่นี่ในยามนี้ หากบุตรสาวแพ้ขึ้นมาจริงๆ จะต้องได้รับการลงโทษเช่นนั้นมิใช่ความโหดร้ายอย่างถึงที่สุดหรอกหรือ?!
อีกอย่างคือต่อให้บุตรสาวกล่าวได้สมเหตุสมผล แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับแล้วจะทำอย่างไร?
เขามองยังไงก็เห็นว่าครั้งนี้บุตรสาวมีโอกาสชนะอยู่ไม่มาก แทบจะน้อยนิดเลยด้วยซํ้า!
เขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อผุดซึมออกมาไม่ขาดสาย
“เอาล่ะ ในเมื่อทำสัญญาเดิมพันเสร็จแล้ว คุณหนูกู้หกก็คงกล่าวเหตุผลของเจ้าได้แล้วกระมัง?!” องค์ชายหรงฉู่ เร่งเร้า
แต่กู่ซีจิ่วกลับไม่อนาทรร้อนใจ กลับนั่งลงบนเก้าอี้ “จะรีบร้อนไปทำไมเพคะ? ในเมื่อเดิมพันใหญ่โตถึงเพียงนี้ ก็ควรจะมีคนนอกมาเป็นสักขีพยานนะเพคะ”
องค์ชายหรงฉู่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที “ที่นี่มีคนอยู่มากมายถึงเพียงนี้ยังเป็นพยานไม่ได้อีกหรือ?!”
กู่ซีจิ่วเคาะโต๊ะเล่นเบาๆ “ตามปกติแล้วพยานต้องไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับทั้งสองฝ่าย”
เธอกวาดตามองผู้คน “แต่คนที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหม่อมฉันก็เป็นคนในครอบครัวของพระองค์มีเพียงแม่นางกู่ท่านนี้ที่เป็นคนนอก แต่นางก็เป็นชนวนของเรื่องนี้ ย่อมเป็นให้ไม่ได้”
องค์ชายหรงฉู่แทบจะหลุดขำแล้ว แม่สาวอัปลักษณ์ที่อยู่ เบื้องหน้าคนนี้ช่างใจกล้าและเจ้าเล่ห์เสียจริง!
“แล้วเจ้าอยากเชิญใคร?”
กู้ซีจิ่วมองไปที่องค์รัชทายาทหรงเจียหลัว “องค์รัชทายาทเพคะ ในอาณาจักรมีใครที่ไม่ข้องเกี่ยวกับฝ่ายใดเลย ทั้งยังไม่เกรงกลัวขั้วอำนาจใดและไม่หวาดกลัว สำนักไหนๆ เลยบ้างไหมเพคะ?”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แทบไม่หยุดคิด “ในอาณาจักรน่าจะเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาทั้งสองท่าน”
องค์ชายหรงฉู่ยิ้มเย็น “แล้วจะเชื้อเชิญทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวามาได้อย่างไรเล่า? แม้แต่จักรพรรดิซวน ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยด้วยซํ้า ขนาดเสด็จพ่ออยากพบพวกเขาก็ยังต้องเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม แล้วบุคคลเช่นนี้จะยอมมาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานในเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรือ?”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวกล่าวเรียบๆ “เปิ่นกงจะลองไปเชิญท่านทูตฝ่ายขวาดู” เขากล่าวกับองครักษ์ประจำตัวหลายประโยค ยื่นของยืนยันชิ้นหนึ่งให้เขา แล้ว องครักษ์ผู้นั้นก็เหาะทะยานออกไป
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนพากันเบิกตาค้าง!
ในอาณาจักรเฟยซิงมีสองบุคคลที่ลึกลับที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดก็คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาทั้งสองท่าน สองคนนี้ไม่ค่อยปรากฏตัวในวงสังคม เมื่อปรากฏตัวขึ้นมาก็จะกลายเป็นที่ฮือฮา
แต่ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับราชการบ้านเมือง หน้าที่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือตรวจตราการปกครองของจักรพรรดิซวน แล้วรายงานให้สวรรค์เบื้องบนรับ ทราบ บนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดและเรื่องไหนที่สามารถปิดบังทูตาของเขาได้
ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเฝ้าดูลัคนาดวงดาว ทำนายโชคลาง ทราบชะตาร้ายดี ขอฝนได้ปราบปีศาจได้ฐานะคล้ายราชครู ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นดั่งเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง[1] เอาแน่เอานอนไม่ได้ไม่มีใครรู้ที่มาของเขา และไม่มีใครรู้ที่ไปของเขา
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวามักเก็บตัวอยู่ที่จวนทูตสวรรค์ในอารามซิงเย้า ไม่ค่อยออกนอกอาราม ยากนักที่คนทั่วไปจะได้พบหน้าเขา
กู้เซี่ยเทียนเป็นขุนนางในราชสำนักมานานขนาดนี้ เคยเห็นหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นเพียงหนเดียว ทั้งยังเป็นการมองอยู่ไกลๆ ด้วย แม้แต่หน้าตาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เห็น เพราะอีกฝ่ายสวมหน้ากากไว้…
ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายขวา เขาโชคดีเคยได้พบอยู่สองหน อยู่ห่างกันเล็กน้อย อีกฝ่ายยืนอยู่บนแท่นปะรำขอฝน ส่วนเขานำทหารไปรับหน้าที่คุ้มกันอยู่ด้านล่างปะรำ
ทูตสวรรค์ทั้งสองท่านนี้ไม่ได้ติดต่อสมาคมกับผู้ใดในราชสำนักเลย ต่อให้จักรพรรดิซวนอยากจะพบพวกเขาก็ยังต้องใช้คำว่า ‘เชิญ’ ส่วนพวกเขาจะมาหรือไม่มาก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพวกเขา…
ยามนี้องค์รัชทายาทผู้ไม่ค่อยมีอำนาจจะสามารถเชิญหนึ่งในนั้นมาได้จริงหรือ?
คนทั้งหลายย่อมไม่เชื่อ! ทว่าพวกเขาไม่เชื่อต่อไปได้อีก แค่ชั่วพริบตา
องครักษ์ของรัชทายาทหรงเจียหลัวกลับมาอย่างรวดเร็ว “ทูลองค์รัชทายาท ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายขวาตกลงยอมเป็นสักขีพยานพะย่ะค่ะ แต่อยากจะเชิญผู้ที่อยู่ใน เหตุการณ์ทุกท่านไปที่หอหมื่นดาราก่อน”