Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1182

บทที่ 1182 ฉากที่ซาบซึ้งตรึงใจนัก

“เป็นฉากที่ซาบซึ้งตรึงใจนัก! ข้าเห็นแล้วซาบซึ้งอยู่บ้าง เพียงน่าเสียดายที่ทั้งสองท่านถูกลิขิตให้เป็นคู่ยวนยางที่อับโชค อยู่ครองคู่กันไม่ได้ กู้ซีจิ่ว เจ้านึกว่าเจ้าจะพาเขาที่บาดเจ็บสาหัสหนีออกไปได้งั้นหรือ?”

เขาเหลือบมองตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง นํ้าเสียงหมิ่นแคลน “ยามนี้ถึงแม้เขาจะเป็นอิสระแล้ว แต่อย่างมากก็เหลือเรี่ยวแรงพอจะเดินได้สองก้าวเท่านั้น อ่อนแอยิ่งกว่าไก่อ่อนเสียอีก ข้ารับใช้ของข้าตีส่งๆ สักทีก็ทำให้เขาล้มคว่ำได้แล้ว เจ้าพาเขาไปด้วยอย่าว่าแต่จะออกจากวังใต้ดินแห่งนี้เลย ต่อให้ออกจากห้องโถงก็ยากแล้ว! เจ้า…”

เขากล่าววาจายังไม่จบก็ถูกตี้ฝูอีเอ่ยขัดแล้ว “ถ้าหากข้ากับนางสามารถออกจากห้องโถงนี้และถึงขั้นที่ออกไปจากวังใต้พิภพแห่งนี้ได้ทั้งคู่เล่า?”

โม่เจ้าหยามหยัน “เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าท่านปู่เลย!”

ตี้ฝูอีพยักหน้า “ดีมาก! เจ้าก็รอเรียกข้าว่าท่านปู่เถิด!”

เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนบ่าของกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เห็นทีว่าเจ้ากับข้าต้องสู้ตายสักตั้งแล้ว”

กู้ซีจิ่วยังคงนึกว่าในที่สุดเขาก็ค้ำไว้ไม่ไหวแล้ว ฉวยโอกาสใช้เธอเป็นที่พยุง ดังนั้นเธอจึงยอมให้เขาโอบไว้ เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มบางๆ เอ่ยเพียงสามคำ “ได้ สู้ตาย!”

เธอกวาดสายตามองฝูงชนที่รายล้อมอยู่แวบหนึ่ง มุมปากหยักยิ้มบางๆ ไอสังหารบนร่างแผ่กระจาย ราวกับอสูรกายกระหายเลือด

ฝูงชนพลันเหน็บหนาว คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ฝูงชนค่อนข้างลังเลใจอยู่บ้าง บางคนเอ่ยถามโม่เจ้าอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ท่านเจ้า เมื่อคนผู้หนึ่งหมายจะสู้ตายไพร่พลเรือนหมื่นก็มิอาจกีดขวางได้ อีกทั้งพวกข้าน้อยก็ไม่กล้าทำร้ายนางอย่างจริงจังด้วย…”

แววตาโม่เจ้ามืดทะมึนเย็นชา เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเจ้าลงมือได้โดยไม่เป็นต้องพะว้าพะวง ลงมืออย่างเต็มที่ก็พอ!”

“หากว่าพวกข้าน้อยพลั้งมือสังหารเล่าขอรับ?”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าพูดแล้ว พวกเจ้าลงมือได้โดยไม่จำเป็นต้องพะว้าพะวง!” นํ้าเสียงโม่เจ้าหนาวยะเยือกปานลมหนาวในเดือนสิบสอง ก้องสะท้อนอยู่ในห้องโถง ยามนี้ถึงสังหารกู้ซีจิ่วไปก็ไม่เป็นไรอย่างไรเสียหลงฟั่นก็สร้างร่างโคลนนิ่งขึ้นใหม่ได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสร้างอีกคนที่เหมือนกัน ขึ้นมาก็ได้ อีกอย่างร่างเดิมของนางก็ยังอยู่ ตอนนี้ร่างเดิมของนางถูกคนจับตามองอยู่ด้านนอก ยังมีชีวิตอยู่ดี เมื่อถึงเวลาที่เขาจัดการทุกอย่างที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยไปชิงร่างเดิมของกู้ซีจิ่วมา ให้กู้ซีจิ่วกลับเข้าร่างอีกครั้งแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน เด็กสาวผู้นี้ปองร้ายเขาเช่นนี้ สมควรมอบบทเรียนโลหิตให้นางสักครั้ง ทำให้นางจดจำไปอีกนานแสนนาน!

ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง “เป็นตายไม่สำคัญ ขอเพียงสังหารนางได้ก็จะมีรางวัล! มีรางวัลอย่างงาม!”

ฝูงชนเงียบงัน มิใช่ว่าท่านเจ้าวางแม่นางผู้นี้ไว้เป็นยอดดวงใจเสมอมาหรอกหรือ?

เหตุใดจึงพลิกโฉมหน้าเป็นไร้เยื่อใยเช่นนี้เล่า?

ท่านเจ้ามิเสียทีที่เป็นท่านเจ้าจริงๆ ยกได้วางเป็น ร้ายกาจพอ เหี้ยมโหดพอ เด็ดขาดพอ

ฝูงชนทั้งเลื่อมใสทั้งหนาวสะท้านในหัวใจอยู่บ้าง ท่านเจ้าผู้นี้ขนาดสตรีที่เป็นยอดดวงใจก็ยังปฏิบัติด้วยเช่นนี้ แล้วลูกน้องอย่างพวกเขาเล่า?

บางคำถามเมื่อคิดแล้วช่างน่าหวาดหวั่นโดยแท้ ดังนั้นไม่ต้องคิดดีกว่า…

ฝูงชนข่มความหนาวยะเยือกในหัวใจลงไป ค่อยๆ ชักอาวุธออกมา ประกายแสงเยียบเย็นนับไม่ถ้วนส่องสะท้อนแสงโคม เจตนาสังหารแพร่กระจายท่วมท้น ในเมื่อท่านเจ้าออกปากแล้ว เช่นนั้นพวกเขาย่อมลงมือได้อย่างไร้ความพะวงแล้ว!

บางคนต้องการประจบเอาใจท่านเจ้า จึงเริ่มด่าทอทั้งสองคนที่ถูกล้อมไว้

“ฮ่าๆ ท่านทั้งสอง ถึงยามนี้แล้วยังคิดว่าจะหนีออกไปได้อีกหรือ? ฝันไปเถอะ!”

“กู้ซีจิ่ววางเจ้าไว้ในตำแหน่งฮูหยินของท่านเจ้าดีๆ เจ้าไม่รับ กลับต้องการช่วยเหลือไอ้หน้าขาวผู้นี้ เจ้าโง่หรือไง? ไอ้หน้าหยกนี่ดีกว่าท่านเจ้าตรงไหน? เขาเทียบแม้แต่สักนิ้วมือหนึ่งของท่านเจ้าไม่ได้ด้วยซํ้า!”

“มิผิด ถ้ายังรู้ว่าอะไรควรมิควรก็รีบโยนไอ้หน้าขาวนี่ทิ้งซะ คุกเข่าโขกศีรษะให้แก่ท่านเจ้า บางทีท่านเจ้าอาจจะเห็นแก่ดวงหน้าที่เพริศพริ้งของเจ้า ละเว้นโทษตายเจ้า ให้เจ้าเป็นหญิงอุ่นเตียงอะไรทำนองนั้นก็ได้”

———————————————————————

[1] อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวโตกว่าม้า อุปมาถึง คนที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อนถึงภายหลังจะตกอับตกต่ำลง แต่ลักษณะแข็งแกร่งทรงอำนาจบางอย่างยังคงอยู่ไม่เลือนหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!